เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาอิหร่านทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูก รุ่น Qadr-H กับ Qadr-F จากเทือกเขาทางภาคเหนือของประเทศ
พลจัตวา Amir Ali Hajizadeh ผู้บัญชาการทหารอากาศแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolution Guards Corps
Aerospace Force) แถลงข่าวหลังทดสอบว่าเป็นการซ้อมรบตามแผนป้องกันประเทศ ใช้ยิงศัตรูของอิหร่านโดยเฉพาะอิสราเอล
อิหร่านไม่มีแผนรุกรานใครแต่พร้อมยิงขีปนาวุธใส่ผู้ที่คิดทำลายล้างอิหร่าน ระบอบไซออนนิสต์ (Zionist regime) เป็นเป้าหมาย
“เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงออกแบบขีปนาวุธพิสัย 2,000 กิโลเมตรเพื่อเป้าหมายศัตรูที่อยู่ไกลอย่างระบอบไซออนนิสต์”
ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงเป้าหมายระยะห่าง 2,000 กิโลเมตรในเวลา 12-13 นาที อาวุธดังนี้มีเพื่อการป้องกันประเทศ
ไม่ละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ ไม่ได้ติดหัวรบนิวเคลียร์
ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปว่าอิหร่านละเมิดข้อมติหรือไม่ ต้องรอคำตอบจากคณะมนตรีความมั่นคง
คาดว่ารัฐบาลโรฮานีคงประเมินมาดีแล้วว่าไม่ละเมิดข้อมติ แต่การไม่ละเมิดข้อมติไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่คว่ำบาตร
อิหร่านฝ่ายเดียวโดยไม่สนใจว่ามีข้อมติสหประชาชาติรับรองหรือไม่
ที่สำคัญกว่านั้นคือมุมมอง ทัศนคติที่มีผลต่อจิตวิทยาคนทั่วไป สื่ออิหร่านรายงานว่าบนตัวขีปนาวุธดังกล่าวมีข้อความ
“อิสราเอลต้องถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์” หรือออกจากแผ่นดินโลกเป็นภาษาฮีบรู (Hebrew)
การเขียนเป็นภาษาฮีบรูบ่งบอกว่าต้องการให้คนอิสราเอลอ่าน ต้องการสื่อสารถึงอิสราเอลโดยตรง
ประโยคต้องการ “ลบอิสราเอลออกจากแผนที่” หรือประโยคที่มีความหมายคล้ายกันเป็นคำพูดที่ถูกกล่าวถึงเสมอๆ ในความขัดแย้ง
ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เช่นเมื่อเดือนตุลาคม 2005 ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด (Mahmoud Ahmadinejad) ประกาศว่า
“อิสราเอลจะต้องถูกลบออกจากแผนที่”
จึงเป็นอีกครั้งที่ประโยคนี้ปรากฏผ่านสื่อระหว่างประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลอิหร่านจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นการตอกย้ำเป้าหมาย
ทัศนคติที่รัฐบาลอิหร่านมีต่อพวกไซออนนิสต์ แฝงไว้ด้วยความหลงผิดและความจริง ดังนี้
ว่าด้วยความหลงผิดกับความจริง :
ประการแรก อิหร่านไม่มีอาวุธนิวเคลียร์
เวลาเอ่ยถึงการลบอิสราเอลออกจากแผนที่มักจะหมายถึงการที่ประเทศอิสราเอลถูกทำลายล้างด้วยอาวุธ
หลายคนตีความว่าคืออาวุธนิวเคลียร์ เป็นเหตุให้หลายคนสนใจติดตามโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเหตุให้รัฐบาลอิสราเอล
ใช้เป็นข้ออ้างว่าประเทศถูกคุกคามอย่างร้ายแรง อิหร่านเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุด
ความจริงมีอยู่ว่านับจากกรกฎาคม 2015 เมื่ออิหร่านกับ 6 ชาติคู่เจรจาบรรลุร่างข้อตกลงแก้ปัญหาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านฉบับสมบูรณ์
ที่เรียกว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) เท่ากับได้ข้อสรุปแล้วว่าโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่านโปร่งใส
ใช้เพื่อสันติจริงๆ และบัดนี้อยู่ภายใต้การตรวจสอบควบคุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
เป็นที่มาว่าทำไมสหรัฐกับพันธมิตรจึงยกเลิกคว่ำบาตรพร้อมคืนเงินที่อายัดไว้
ณ วันนี้ ใครก็ตามที่อ้างว่าอิหร่านใกล้จะมีอาวุธนิวเคลียร์หรือกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จึงเป็นเรื่องไร้สาระ
ถ้าวิเคราะห์ในเชิงหลักการ การที่รัฐบาลโรฮานีเปิดการเจรจาแก้ปัญหานิวเคลียร์เท่ากับว่ารัฐบาลอิหร่านปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่
นั่นคือ การประกาศต่อชาวโลกว่าอิหร่านไม่ต้องการและไม่คิดจะมีอาวุธนิวเคลียร์อีกแล้ว โดยผ่านการรับรองจาก IAEA ท่าทีดังกล่าว
ต่างจากสมัยประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาดที่เร่งเดินหน้าโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ไม่หวั่นเกรงแรงกดดันต่างๆ จนนำสู่การถูกคว่ำบาตร
อย่างรุนแรง
ประการที่ 2 ขีปนาวุธรุ่น Qadr-H กับ Qadr-F มีอานุภาพจำกัด
ภาพที่ปรากฏทางสื่ออาจให้ทำดูเหมือนว่าเป็นจรวดที่มีอานุภาพมากเพราะมีขนาดใหญ่โต ยาวเกือบ 16 เมตร น้ำหนัก 17 ตัน
สามารถยิงไกลถึง 2,000 กิโลเมตร แต่เนื่องจากสามารถติดหัวรบขนาดน้ำหนักไม่เกิน 1,000 กิโลกรัมและไม่ใช่หัวรบนิวเคลียร์ (อิหร่านไม่มี)
ประโยชน์ของขีปนาวุธจึงมีเพื่อโจมตีเป้าหมายใหญ่ๆ เช่น สนามบิน ฐานทัพ ขอบเขตความเสียหายไม่ต่างจากระเบิดขนาดน้ำหนักดังกล่าว
ซึ่งเครื่องบินรบทั่วไปทำได้อยู่แล้ว บางรุ่นสามารถติดตั้งลำละหลายลูก
อีกทั้งขีปนาวุธมีโอกาสถูกยิงสกัดก่อนถึงเป้าหมายโดยระบบป้องกันทางอากาศของอิสราเอล
ความเข้าใจที่สำคัญคือ หากอิหร่านยิงขีปนาวุธเหล่านี้ใส่อิสราเอล แม้จะยิงหลายสิบลูกก็ไม่อาจ “ลบ” อิสราเอลออกจากแผนที่
ซ้ำร้ายจะเป็นเหตุชอบธรรมให้อิสราเอลโต้กลับ
ประการที่ 3 หลายฝ่ายยอมรับว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์
ในแวดวงวิชาการ นักการทูตและนักการทหารเอ่ยถึงเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล เพราะรัฐบาลอิสราเอลปิดปากเงียบ
หรือพูดครึ่งๆ กลางๆ มาตลอด ความเข้าใจเรื่องนี้จึงเป็นปริศนาและพูดกันไปต่างๆ นานา แต่นับวันข้อมูลนิวเคลียร์อิสราเอลถูกเผยแพร่
ในวงกว้างมากขึ้น ชี้ว่าอย่างน้อยอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์จริง
ข้อมูลของ Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI) ประเมินว่าปัจจุบันอิสราเอลมีระเบิดนิวเคลียร์ทั้งหมด 80 ลูก
ในจำนวนนี้ 50 ลูกติดตั้งในขีปนาวุธพิสัยกลาง Jericho II ยิงไกลถึงอิหร่าน ที่เหลืออีก 30 ลูกเป็นระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบินรบ
นอกจากนี้อิสราเอลได้พัฒนาขีปนาวุธ Jericho III ที่มีพิสัยไกลกว่า 10,000 กิโลเมตร ทั้งมีข่าวว่าได้พัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์
ที่ยิงจากเรือดำน้ำด้วย
จำนวน 80 ลูกเป็นการประเมินขั้นต่ำ ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ระบุว่ามีนับร้อยลูก แต่ด้วยจำนวนเท่านี้ เพียงพอที่จะโจมตีทุกประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เฉพาะอิหร่านอาจเป็นเป้าได้หลายลูก
ข้อคิดเรื่องสื่อ ข้อเตือนใจอิหร่าน :
ทันทีที่เกิดเหตุ สื่อตะวันตกสำนักหลักๆ ต่างนำเสนอข่าวนี้อย่างเต็มที่ หลายสำนักพาดหัวข่าวด้วยประโยคที่สื่อว่าต้องการลบอิสราเอลออกจากแผนที่ (ถ้าอยากรู้ว่ามีมากเพียงใดสามารถตรวจสอบด้วยการค้นคำว่า “Israel must be wiped out”) ไม่ว่าจะนำเสนอข่าวด้วยเหตุผลใด คำว่าอิหร่านต้องการทำลายล้างอิสราเอลปรากฏขึ้นอีกครั้งผ่านสื่อหลักทั่วโลก
ความเข้าใจที่สำคัญคือ ในทัศนคติของคนทั่วไป การที่ประเทศหนึ่งบอกว่าจะ “ลบอีกประเทศ” ออกจากแผนที่ การทำให้ชาติหนึ่งสูญหายจากหน้าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องร้ายแรงมาก แสดงถึงทัศนคติที่มุ่งร้ายอย่างรุนแรง ถึงขั้นต้องการทำลายล้าง
ไม่ว่าจะมีข้อโต้แย้งเรื่องนี้อย่างไร เช่น อิสราเอลชั่วร้ายกว่าอิหร่าน อิสราเอลจะถูกทำลายล้างในที่สุด ต้องตระหนักว่าเป็นเรื่องที่คนทั่วไปยากเข้าใจหรือยอมรับได้ นึกถึงหนังจีนกำลังภายในที่คนตระกูลหนึ่งประกาศว่าจะฆ่าล้างคนอีกตระกูลให้สิ้นซาก
กลายเป็นความชอบธรรมที่ผู้ถูก “ข่มขู่” สามารถตอบโต้อย่างสาสมกับคำข่มขู่นั้น
นายกฯ เนธันยาฮูมักตอกย้ำว่าอิหร่านต้องการลบอิสราเอลออกจากแผนที่ หลายปีที่ผ่านมาเน้นประเด็นโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน พูดในหลายวาระหลายเวทีว่าอิหร่านใกล้จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้แล้ว และจะผลิตได้หลายสิบลูกอย่างรวดเร็ว เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลและโลกโดยตรง
แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาลโรฮานีที่เปิดเจรจาอย่างจริงจัง จึงสามารถหลบรอดคำกล่าวหา
บัดนี้ การพัฒนาขีปนาวุธกลายเป็นประเด็นชี้ว่าอิหร่านต้องการลบ “อิสราเอลออกจากแผนที่” อีกรอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลวไหลยิ่งกว่าโครงการพัฒนานิวเคลียร์
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสาธารณชนจะเข้าใจตามนี้ หลายคนรับรู้จดจำได้แต่ “ความอาฆาตพยาบาทที่อิหร่านมีต่ออิสราเอลเท่านั้น” จากข้อมูลที่ปรากฏผ่านสื่อกระแสหลัก
เพียงเท่านี้อิสราเอลก็ชนะแล้ว ควรที่รัฐบาลโรฮานีจะทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือไม่
ใครกันแน่ที่จะลบอีกฝ่ายออกจากแผนที่ :
เรื่องที่อิหร่านจำต้องตระหนักเสมอคือ รัฐบาลอิสราเอลพร้อมใช้วิธี “ชิงลงมือก่อน” (preemption) หลักคิดของอิสราเอลคือ
เป็นการยากที่จะคาดเดาว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรหากเกิดสงคราม อิสราเอลอาจถูกโจมตีเสียหายหนักหรือเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็เป็นได้
ไม่ว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร อิสราเอลขอสู้ดีกว่านั่งรอความตาย
มีการประเมินว่าหากระเบิดนิวเคลียร์ลูกขนาดย่อมตกใส่ใจกลางเมืองหลวง อิสราเอลจะไม่หลงเหลือความเป็นรัฐทันสมัยอีกเลย
ถ้าอิหร่านมีหรือกำลังจะมีอาวุธนิวเคลียร์ หากรัฐบาลสหรัฐไม่ชิงโจมตีทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน อิสราเอลจะลงมือโจมตีด้วยตนเอง การชิงโจมตีก่อนเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อิสราเอลส่งเครื่องบินรบถล่มเตาปฏิกรณ์ปรมาณูของอิรักที่ Osiraq เมื่อปีค.ศ.1981
ตั้งแต่ปี 2002 เมื่อประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาดเริ่มโครงการนิวเคลียร์อีกครั้งอย่างจริงจัง รวมทั้งนโยบายต่อต้านอิสราเอลต่างๆ อิสราเอลจึงประกาศว่าอาจชิงลงมือโจมตีก่อน
ข้อสรุปคือการที่รัฐบาลอิหร่านประกาศต่อต้านอิสราเอล ทำให้อิสราเอลมีความชอบธรรมที่จะจัดการอิหร่านเช่นกัน ถ้าดูจากที่ปฏิบัติต่ออิรัก อิสราเอลจะไม่รอให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์
ไม่เพียงที่รัฐบาลอิสราเอลคิดเช่นนี้ รัฐบาลสหรัฐบางชุดคิดเช่นนี้เหมือนกัน ต้นปี 2005 รองประธานาธิบดีดิก เชเนีย์ (Dick Cheney) กล่าวสนับสนุนว่า “จากข้อเท็จจริงที่อิหร่านประกาศเป้าหมายนโยบายทำลายอิสราเอล ชาวอิสราเอลควรตัดสินใจลงมือก่อน ปล่อยให้ประเทศอื่นๆ ที่เหลือกังวลว่าควรปัดกวาดความยุ่งยากทางการทูตที่จะตามมาอย่างไร”
ถ้าจะพูดให้สุด ก่อนที่อิหร่านจะ “ลบ” อิสราเอล อิสราเอลพร้อมจะ “ลบ” อิหร่านก่อน
-----------------------------
13 มีนาคม 2016
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 20 ฉบับที่ 7066 วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2559)
http://www.chanchaivision.com/2016/03/Wiped-Out-Israel-160314.html
ปรากฏการณ์ “ลบอิสราเอลออกจากแผนที่” อีกครั้ง
เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาอิหร่านทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูก รุ่น Qadr-H กับ Qadr-F จากเทือกเขาทางภาคเหนือของประเทศ
พลจัตวา Amir Ali Hajizadeh ผู้บัญชาการทหารอากาศแห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolution Guards Corps
Aerospace Force) แถลงข่าวหลังทดสอบว่าเป็นการซ้อมรบตามแผนป้องกันประเทศ ใช้ยิงศัตรูของอิหร่านโดยเฉพาะอิสราเอล
อิหร่านไม่มีแผนรุกรานใครแต่พร้อมยิงขีปนาวุธใส่ผู้ที่คิดทำลายล้างอิหร่าน ระบอบไซออนนิสต์ (Zionist regime) เป็นเป้าหมาย
“เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงออกแบบขีปนาวุธพิสัย 2,000 กิโลเมตรเพื่อเป้าหมายศัตรูที่อยู่ไกลอย่างระบอบไซออนนิสต์”
ขีปนาวุธดังกล่าวสามารถยิงเป้าหมายระยะห่าง 2,000 กิโลเมตรในเวลา 12-13 นาที อาวุธดังนี้มีเพื่อการป้องกันประเทศ
ไม่ละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ ไม่ได้ติดหัวรบนิวเคลียร์
ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปว่าอิหร่านละเมิดข้อมติหรือไม่ ต้องรอคำตอบจากคณะมนตรีความมั่นคง
คาดว่ารัฐบาลโรฮานีคงประเมินมาดีแล้วว่าไม่ละเมิดข้อมติ แต่การไม่ละเมิดข้อมติไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่คว่ำบาตร
อิหร่านฝ่ายเดียวโดยไม่สนใจว่ามีข้อมติสหประชาชาติรับรองหรือไม่
ที่สำคัญกว่านั้นคือมุมมอง ทัศนคติที่มีผลต่อจิตวิทยาคนทั่วไป สื่ออิหร่านรายงานว่าบนตัวขีปนาวุธดังกล่าวมีข้อความ
“อิสราเอลต้องถูกลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์” หรือออกจากแผ่นดินโลกเป็นภาษาฮีบรู (Hebrew)
การเขียนเป็นภาษาฮีบรูบ่งบอกว่าต้องการให้คนอิสราเอลอ่าน ต้องการสื่อสารถึงอิสราเอลโดยตรง
ประโยคต้องการ “ลบอิสราเอลออกจากแผนที่” หรือประโยคที่มีความหมายคล้ายกันเป็นคำพูดที่ถูกกล่าวถึงเสมอๆ ในความขัดแย้ง
ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เช่นเมื่อเดือนตุลาคม 2005 ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด (Mahmoud Ahmadinejad) ประกาศว่า
“อิสราเอลจะต้องถูกลบออกจากแผนที่”
จึงเป็นอีกครั้งที่ประโยคนี้ปรากฏผ่านสื่อระหว่างประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลอิหร่านจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นการตอกย้ำเป้าหมาย
ทัศนคติที่รัฐบาลอิหร่านมีต่อพวกไซออนนิสต์ แฝงไว้ด้วยความหลงผิดและความจริง ดังนี้
ว่าด้วยความหลงผิดกับความจริง :
ประการแรก อิหร่านไม่มีอาวุธนิวเคลียร์
เวลาเอ่ยถึงการลบอิสราเอลออกจากแผนที่มักจะหมายถึงการที่ประเทศอิสราเอลถูกทำลายล้างด้วยอาวุธ
หลายคนตีความว่าคืออาวุธนิวเคลียร์ เป็นเหตุให้หลายคนสนใจติดตามโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน เป็นเหตุให้รัฐบาลอิสราเอล
ใช้เป็นข้ออ้างว่าประเทศถูกคุกคามอย่างร้ายแรง อิหร่านเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุด
ความจริงมีอยู่ว่านับจากกรกฎาคม 2015 เมื่ออิหร่านกับ 6 ชาติคู่เจรจาบรรลุร่างข้อตกลงแก้ปัญหาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านฉบับสมบูรณ์
ที่เรียกว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) เท่ากับได้ข้อสรุปแล้วว่าโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่านโปร่งใส
ใช้เพื่อสันติจริงๆ และบัดนี้อยู่ภายใต้การตรวจสอบควบคุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
เป็นที่มาว่าทำไมสหรัฐกับพันธมิตรจึงยกเลิกคว่ำบาตรพร้อมคืนเงินที่อายัดไว้
ณ วันนี้ ใครก็ตามที่อ้างว่าอิหร่านใกล้จะมีอาวุธนิวเคลียร์หรือกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จึงเป็นเรื่องไร้สาระ
ถ้าวิเคราะห์ในเชิงหลักการ การที่รัฐบาลโรฮานีเปิดการเจรจาแก้ปัญหานิวเคลียร์เท่ากับว่ารัฐบาลอิหร่านปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่
นั่นคือ การประกาศต่อชาวโลกว่าอิหร่านไม่ต้องการและไม่คิดจะมีอาวุธนิวเคลียร์อีกแล้ว โดยผ่านการรับรองจาก IAEA ท่าทีดังกล่าว
ต่างจากสมัยประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาดที่เร่งเดินหน้าโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ไม่หวั่นเกรงแรงกดดันต่างๆ จนนำสู่การถูกคว่ำบาตร
อย่างรุนแรง
ประการที่ 2 ขีปนาวุธรุ่น Qadr-H กับ Qadr-F มีอานุภาพจำกัด
ภาพที่ปรากฏทางสื่ออาจให้ทำดูเหมือนว่าเป็นจรวดที่มีอานุภาพมากเพราะมีขนาดใหญ่โต ยาวเกือบ 16 เมตร น้ำหนัก 17 ตัน
สามารถยิงไกลถึง 2,000 กิโลเมตร แต่เนื่องจากสามารถติดหัวรบขนาดน้ำหนักไม่เกิน 1,000 กิโลกรัมและไม่ใช่หัวรบนิวเคลียร์ (อิหร่านไม่มี)
ประโยชน์ของขีปนาวุธจึงมีเพื่อโจมตีเป้าหมายใหญ่ๆ เช่น สนามบิน ฐานทัพ ขอบเขตความเสียหายไม่ต่างจากระเบิดขนาดน้ำหนักดังกล่าว
ซึ่งเครื่องบินรบทั่วไปทำได้อยู่แล้ว บางรุ่นสามารถติดตั้งลำละหลายลูก
อีกทั้งขีปนาวุธมีโอกาสถูกยิงสกัดก่อนถึงเป้าหมายโดยระบบป้องกันทางอากาศของอิสราเอล
ความเข้าใจที่สำคัญคือ หากอิหร่านยิงขีปนาวุธเหล่านี้ใส่อิสราเอล แม้จะยิงหลายสิบลูกก็ไม่อาจ “ลบ” อิสราเอลออกจากแผนที่
ซ้ำร้ายจะเป็นเหตุชอบธรรมให้อิสราเอลโต้กลับ
ประการที่ 3 หลายฝ่ายยอมรับว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์
ในแวดวงวิชาการ นักการทูตและนักการทหารเอ่ยถึงเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล เพราะรัฐบาลอิสราเอลปิดปากเงียบ
หรือพูดครึ่งๆ กลางๆ มาตลอด ความเข้าใจเรื่องนี้จึงเป็นปริศนาและพูดกันไปต่างๆ นานา แต่นับวันข้อมูลนิวเคลียร์อิสราเอลถูกเผยแพร่
ในวงกว้างมากขึ้น ชี้ว่าอย่างน้อยอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์จริง
ข้อมูลของ Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI) ประเมินว่าปัจจุบันอิสราเอลมีระเบิดนิวเคลียร์ทั้งหมด 80 ลูก
ในจำนวนนี้ 50 ลูกติดตั้งในขีปนาวุธพิสัยกลาง Jericho II ยิงไกลถึงอิหร่าน ที่เหลืออีก 30 ลูกเป็นระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบินรบ
นอกจากนี้อิสราเอลได้พัฒนาขีปนาวุธ Jericho III ที่มีพิสัยไกลกว่า 10,000 กิโลเมตร ทั้งมีข่าวว่าได้พัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์
ที่ยิงจากเรือดำน้ำด้วย
จำนวน 80 ลูกเป็นการประเมินขั้นต่ำ ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ระบุว่ามีนับร้อยลูก แต่ด้วยจำนวนเท่านี้ เพียงพอที่จะโจมตีทุกประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เฉพาะอิหร่านอาจเป็นเป้าได้หลายลูก
ข้อคิดเรื่องสื่อ ข้อเตือนใจอิหร่าน :
ทันทีที่เกิดเหตุ สื่อตะวันตกสำนักหลักๆ ต่างนำเสนอข่าวนี้อย่างเต็มที่ หลายสำนักพาดหัวข่าวด้วยประโยคที่สื่อว่าต้องการลบอิสราเอลออกจากแผนที่ (ถ้าอยากรู้ว่ามีมากเพียงใดสามารถตรวจสอบด้วยการค้นคำว่า “Israel must be wiped out”) ไม่ว่าจะนำเสนอข่าวด้วยเหตุผลใด คำว่าอิหร่านต้องการทำลายล้างอิสราเอลปรากฏขึ้นอีกครั้งผ่านสื่อหลักทั่วโลก
ความเข้าใจที่สำคัญคือ ในทัศนคติของคนทั่วไป การที่ประเทศหนึ่งบอกว่าจะ “ลบอีกประเทศ” ออกจากแผนที่ การทำให้ชาติหนึ่งสูญหายจากหน้าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องร้ายแรงมาก แสดงถึงทัศนคติที่มุ่งร้ายอย่างรุนแรง ถึงขั้นต้องการทำลายล้าง
ไม่ว่าจะมีข้อโต้แย้งเรื่องนี้อย่างไร เช่น อิสราเอลชั่วร้ายกว่าอิหร่าน อิสราเอลจะถูกทำลายล้างในที่สุด ต้องตระหนักว่าเป็นเรื่องที่คนทั่วไปยากเข้าใจหรือยอมรับได้ นึกถึงหนังจีนกำลังภายในที่คนตระกูลหนึ่งประกาศว่าจะฆ่าล้างคนอีกตระกูลให้สิ้นซาก
กลายเป็นความชอบธรรมที่ผู้ถูก “ข่มขู่” สามารถตอบโต้อย่างสาสมกับคำข่มขู่นั้น
นายกฯ เนธันยาฮูมักตอกย้ำว่าอิหร่านต้องการลบอิสราเอลออกจากแผนที่ หลายปีที่ผ่านมาเน้นประเด็นโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิหร่าน พูดในหลายวาระหลายเวทีว่าอิหร่านใกล้จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้แล้ว และจะผลิตได้หลายสิบลูกอย่างรวดเร็ว เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลและโลกโดยตรง
แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาลโรฮานีที่เปิดเจรจาอย่างจริงจัง จึงสามารถหลบรอดคำกล่าวหา
บัดนี้ การพัฒนาขีปนาวุธกลายเป็นประเด็นชี้ว่าอิหร่านต้องการลบ “อิสราเอลออกจากแผนที่” อีกรอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลวไหลยิ่งกว่าโครงการพัฒนานิวเคลียร์
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสาธารณชนจะเข้าใจตามนี้ หลายคนรับรู้จดจำได้แต่ “ความอาฆาตพยาบาทที่อิหร่านมีต่ออิสราเอลเท่านั้น” จากข้อมูลที่ปรากฏผ่านสื่อกระแสหลัก
เพียงเท่านี้อิสราเอลก็ชนะแล้ว ควรที่รัฐบาลโรฮานีจะทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือไม่
ใครกันแน่ที่จะลบอีกฝ่ายออกจากแผนที่ :
เรื่องที่อิหร่านจำต้องตระหนักเสมอคือ รัฐบาลอิสราเอลพร้อมใช้วิธี “ชิงลงมือก่อน” (preemption) หลักคิดของอิสราเอลคือ
เป็นการยากที่จะคาดเดาว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรหากเกิดสงคราม อิสราเอลอาจถูกโจมตีเสียหายหนักหรือเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็เป็นได้
ไม่ว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร อิสราเอลขอสู้ดีกว่านั่งรอความตาย
มีการประเมินว่าหากระเบิดนิวเคลียร์ลูกขนาดย่อมตกใส่ใจกลางเมืองหลวง อิสราเอลจะไม่หลงเหลือความเป็นรัฐทันสมัยอีกเลย
ถ้าอิหร่านมีหรือกำลังจะมีอาวุธนิวเคลียร์ หากรัฐบาลสหรัฐไม่ชิงโจมตีทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน อิสราเอลจะลงมือโจมตีด้วยตนเอง การชิงโจมตีก่อนเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อิสราเอลส่งเครื่องบินรบถล่มเตาปฏิกรณ์ปรมาณูของอิรักที่ Osiraq เมื่อปีค.ศ.1981
ตั้งแต่ปี 2002 เมื่อประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาดเริ่มโครงการนิวเคลียร์อีกครั้งอย่างจริงจัง รวมทั้งนโยบายต่อต้านอิสราเอลต่างๆ อิสราเอลจึงประกาศว่าอาจชิงลงมือโจมตีก่อน
ข้อสรุปคือการที่รัฐบาลอิหร่านประกาศต่อต้านอิสราเอล ทำให้อิสราเอลมีความชอบธรรมที่จะจัดการอิหร่านเช่นกัน ถ้าดูจากที่ปฏิบัติต่ออิรัก อิสราเอลจะไม่รอให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์
ไม่เพียงที่รัฐบาลอิสราเอลคิดเช่นนี้ รัฐบาลสหรัฐบางชุดคิดเช่นนี้เหมือนกัน ต้นปี 2005 รองประธานาธิบดีดิก เชเนีย์ (Dick Cheney) กล่าวสนับสนุนว่า “จากข้อเท็จจริงที่อิหร่านประกาศเป้าหมายนโยบายทำลายอิสราเอล ชาวอิสราเอลควรตัดสินใจลงมือก่อน ปล่อยให้ประเทศอื่นๆ ที่เหลือกังวลว่าควรปัดกวาดความยุ่งยากทางการทูตที่จะตามมาอย่างไร”
ถ้าจะพูดให้สุด ก่อนที่อิหร่านจะ “ลบ” อิสราเอล อิสราเอลพร้อมจะ “ลบ” อิหร่านก่อน
-----------------------------
13 มีนาคม 2016
ชาญชัย คุ้มปัญญา
(ตีพิมพ์ใน คอลัมน์ “สถานการณ์โลก” ไทยโพสต์ ปีที่ 20 ฉบับที่ 7066 วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2559)
http://www.chanchaivision.com/2016/03/Wiped-Out-Israel-160314.html