เล่าให้เข้าใจง่าย สวยงาม โดยเทียบเคียงกับปริยัติแล้ว
โลกนี้ไม่มีอะไรแม้ซักอย่างเดียวที่ไม่เปลี่ยนแลง เราจะต้องไม่ประมาท
...ลาภยศ สรรเสริญ สุขทุกข์ นี้จะเอาเป็นที่ตั้งมั่นคงไม่ได้ เราจะต้องไม่ลุ่มหลงมัวเมาอยากมีสติ
......อกุศลทำให้หงุดหงิดฟุ้งซ่านลำคานใจ กุศลทำให้มีความสงบตั้งมั่นอิ่มเอมใจละอกุศลทั้งหลาย
.........ถึงแม้เราตั้งอยู่ด้วยกุศลวิตก แต่เราก็ไม่สมารถตั้งอยู่นิ่ง ๆ ได้ ไม่เที่ยง ทนได้ยาก เราพึงละเสีย (ผมใช้รู้ลม บางคนใช้พุทโธ)
............ความปิติทั่วร่างกายเรานี้เป็นของปรุงแต่งมาจากลมหายใจ ทำให้วุ่นวายไม่สงบเราพึงละเสียเพื่อความสงบ
...............ความสงบสุขนี้มันซาบซ่านอิ่มเอิบใจจริง ๆ แต่ครูบาอาจารย์สอนว่าอย่าติดอย่ายึด เป็นอันว่าได้กำหนดรู้ และได้ละ
..................ทุกวันนี้ผมเจริญกรรมฐานด้วยอานาปาณสติ เจริญสติจริง ๆ สติเกิดดับสลับกันขันธ์ ๕ นั่งดูไปอย่างนั้นทำเวลาที่อยู่ว่าง ๆ
ตอนหลังทำในรูปแบบไม่มาก และชอบสังเกตุอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง และคนรอบข้าง ช่วยให้ปลอดโปร่งไม่ค่อยจะหงุดหงิดหรือเครียด ไม่ค่อยโกรธ
มันไม่ใช่สมถะ นิ่งอารมณ์เดียวแบบอัปปนาวิถี แต่มันก็มีครบองค์ฌานนะ ใช่หรือมั่วช่วยชี้แนะ ?
โลกนี้ไม่มีอะไรแม้ซักอย่างเดียวที่ไม่เปลี่ยนแลง เราจะต้องไม่ประมาท
...ลาภยศ สรรเสริญ สุขทุกข์ นี้จะเอาเป็นที่ตั้งมั่นคงไม่ได้ เราจะต้องไม่ลุ่มหลงมัวเมาอยากมีสติ
......อกุศลทำให้หงุดหงิดฟุ้งซ่านลำคานใจ กุศลทำให้มีความสงบตั้งมั่นอิ่มเอมใจละอกุศลทั้งหลาย
.........ถึงแม้เราตั้งอยู่ด้วยกุศลวิตก แต่เราก็ไม่สมารถตั้งอยู่นิ่ง ๆ ได้ ไม่เที่ยง ทนได้ยาก เราพึงละเสีย (ผมใช้รู้ลม บางคนใช้พุทโธ)
............ความปิติทั่วร่างกายเรานี้เป็นของปรุงแต่งมาจากลมหายใจ ทำให้วุ่นวายไม่สงบเราพึงละเสียเพื่อความสงบ
...............ความสงบสุขนี้มันซาบซ่านอิ่มเอิบใจจริง ๆ แต่ครูบาอาจารย์สอนว่าอย่าติดอย่ายึด เป็นอันว่าได้กำหนดรู้ และได้ละ
..................ทุกวันนี้ผมเจริญกรรมฐานด้วยอานาปาณสติ เจริญสติจริง ๆ สติเกิดดับสลับกันขันธ์ ๕ นั่งดูไปอย่างนั้นทำเวลาที่อยู่ว่าง ๆ
ตอนหลังทำในรูปแบบไม่มาก และชอบสังเกตุอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง และคนรอบข้าง ช่วยให้ปลอดโปร่งไม่ค่อยจะหงุดหงิดหรือเครียด ไม่ค่อยโกรธ