เป็นเรื่องที่นัทกับน้องแพร เพิ่งผ่านมาแล้วอยากนำมาแชร์กัน อยากให้ทุกๆคนหันมาใส่ใจกับสุขภาพอย่าปล่อยผ่าน
เรื่องทั้งหมดมันมีอยู่ว่า
ช่วงเช้าของวันที่ 14 .09.18
นัทรับโทรศัทพ์ จากน้องแพร
" มารับหน่อยคะ ตอนนี้ทั้งท้องเสีย และอ้วก อยู่ในห้องน้ำเดินออกไปไม่ไหว เดี๋ยวจะให้พี่ๆเค้าพาส่งศูนย์แพทย์ของ ที่ทำงาน ... "
ได้ยินแค่นั้นก็ตกใจรีบบึ่งออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพราะตอนนั้นเฝ้าไข้ปู่อยู่ มุ่งหน้า ศูนย์การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ ในใจคิดตลอดว่าแพรเป็นอะไรวะ ปลอบใจตัวเองว่าคงเป็นแค่ท้องเสียธรรมดา
ไม่นานก็มาถึง ศูนย์การแพทย์ของ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พอเข้าไปก็ไปที่แผนก ฉุกเฉิน ก็เห็นน้องแพรนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงคนไข้ โดนเจาะแขนให้น้ำเกลืออยู่แล้ว เลยรีบเข้าไปหา พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ... ก็ขอออกมารอหน้าห้อง
สักพัก !!!
" นี่ๆมาดูนี่หน่อย ทำไมผลมันออกมาแบบนี้...มีอะไรผิดพลาดรึป่าว ? รีบเอาผลไปให้หมอเร็ว "
เสียงเอะอะของพี่ๆพยาบาลที่ถือกระดาษผลตรวจจากแลปประมาณ 2-3 คนกำลังถกเถียงกันเรื่องผลตรวจที่ได้ ... นัทเองก็เริ่มเอะใจ เพราะทุกคนเป็นพยาบาลจากห้องฉุกเฉิน แล้วในห้องก็มีคนไข้อยู่คนเดียวคือน้องแพร ... จะมีอะไรเกิดขึ้นป่าวว่ะ !! ใจไม่ค่อยดีแระ
แล้วจู่ๆ พี่พยาบาลก็เดินมา
ญาติคนไข้ป่าวคะ ....( พยาบาล )
ครับ ... (นัท)
คือ เราต้องทำการส่งตัวคนไข้ไปที่ รพ.ท่าศาลา คะ เราพบว่า คนไข้เสียน้ำเยอะและพบว่าไตทำงานผิดปกติ เดี๋ยวญาติขับรถไปรอที่นั่นได้เลยนะคะเดี๋ยวทางเราจะพาคนไข้ไปส่งเองคะ....
เอาแล้ว !!! ต้องมีอะไรสักอย่างแล้ว ถึงขั้นต้องส่งตัวต่อแบบนี้ ตอนนั้นสับสนมาก แต่ก็ต้องตั้งสติ...ลำดับว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
พอถึง รพ.ท่าศาลา นัทเองต้องรีบวิ่งไปทำเรื่องเอกสารต่างๆ แล้วกลับไปพาน้องแพรที่ห้องฉุกเฉิน
เปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือ ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่มีการแบ่งโซน ด้วยป้ายสีๆ ได้บนเพดาน ตามความระดับความรุนแรงของอาการผู้ป่วย น้องแพรอยู่ในโซนสีแดง...
มีพยาบาลรุมกัน2-3คนรอบเตียงน้องแพร ทุกคนช่วยกันหาเส้นเลือดเพื่อจะทำการเจาะเพื่อให้น้ำเกลือ ฉีดยา แต่พี่ๆเค้าหาเส้นเลือดกันไม่เจอเพราะตอนนั้นเส้นเลือดน้องแพรจมหายลงไป พี่ๆเค้าเริ่มดูที่ขาเพื่อจะเจาะจากตรงนั้นแต่ดีที่พี่คนนึงเค้าเจอที่แขนเสียก่อน เลยรีบให้น้ำเกลือ ฉีดยา ...
ภาพนั้นทำเอานัทตัวชา มือชา ทำอะไรไม่ถูก ... จนคุณหมอเดินเข้ามาทัก
" คุณครับ หมอจะแจ้งว่าคนไข้มีอาการขาดน้ำมาก แบะที่สำคัญพบว่าคนไข้มี ภาวะไตวายฉับพลัน ...!!! "
พอได้ยินแบบนั้น เข่าอ่อนแบบไม่รู้ตัวเลย คือห่วงน้องแพรมาก กลัวน้องแพรจะเป็นอะไร กลัวเสียน้องแพรไป กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง 😭
คุณหมอ อธิบายง่ายๆว่าภาวะไตวาย มี 5 ระดับ ตอนนี้ ไตน้องแพรอยู่ในขั้นที่ 4 ซึ่งถือว่าอันตรายมาก
และมีค่าไตสูงถึงระดับที่8 จาก ทั้งหมด 10ระดับ ซึ่งเสี่ยงมากที่จะเกิดไตวาย หรือ ไตหยุดทำงาน !!!
คุณหมอกบอกขั้นตอนว่า ตอนนี้จะต้องทำการอัลตร้าซาว เพื่อดูรูปร่าง และการทำงานของไต ว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย ...
และไม่นานนักผลที่ออกมาดูดี ทั้งรูปร่าง และการทำงานยังปรกติดี ไม่ผิดรูป แต่ค่าไตยังสูงอยู่
คุณหมอเลยต้องให้น้องแพร นอนโรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
น้องแพรถูกย้ายจากห้องฉุกเฉินมา หอผู้ป่วย ภายในนั้นค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากมีคนไข้อยู่ค่อนข้างเยอะ ...
พอมาถึง พี่พยาบาลก็มาทำการติดตั้งอุปกรณ์เสริมในการให้น้ำเกลือ เพื่อเร่งอัตราการหยดให้เร็วขึ้น พี่พยาบาลบอกว่า น้องเค้าเสียน้ำเยอะคุณหมอเลยต้องเร่งให้น้ำเข้าร่างกายนะ
ผ่านคืนแรกไป...
เช้าต่อมาวันที่ 15.09.18
คุณหมอจากห้องฉุกเฉินเมื่อวาน ก็เดินมาทัก สอบถามอาการกัน คงด้วยเป็นเคสที่ไม่ค่อยเจอเพราะด้วยอายุยังน้อยละมั้ง
ไม่นานนัก คุณหมอเจน ซึ่งเป็นหมอไต เข้ามาซักประวัติเพิ่มเติม เพราะหมอเองก็อยากได้ข้อมูลเพิ่มเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมร่างกายถึงขาดน้ำถึงขั้นไตวาย ถามเรื่องของยาที่กินก่อนหน้านี้ เรื่องของอาการป่วยท้องเสีย เรื่องของการใช้ชีวิต คุณหมอถามน้องแพรอยู่ค่อนข้างนาน และให้นัทกลับบ้านไปเพื่อเอายาที่น้องแพรกินประจำมาให้หมอดู ยาเสริมคงามงายก็เอาด้วย ...
คุณหมอเลยอธิบายขั้นตอนการรักษาต่อจากนี้
คือคุณหมอจะให้น้ำเกลือ + ให้ยา + ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อปรับสภาพของไต ฟื้นฟูการทำงาน และจะมีการเก็บฉี่ ตรวจอึ เจาะเลือด ด้วย
มีการทำเทส ด้วยการให้น้องแพรดื่มน้ำ 1 ลิตร และเก็บฉี่ดูว่า เวลาฉี่ออกมามีปริมาณเท่าไหร่ พี่พยาบาลจะเข้ามาดูทุก 6 ชม.
จากวันที่ 14 - 19 .09.18
ที่น้องแพรนอนโรงพยาบาล เป็นอะไรที่เครียดมาก เพราะต้องรอลุ้นผลเลือด ผลของการตรวยค่าไต ว่าเป็นปรกติมั้ย ลุ้นกันแบบวันต่อวัน
ตัวน้องแพรเองก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ทานข้าวได้มากขึ้น ดื่มน้ำเยอะขึ้น แต่ต้องลุกมาฉี่บ่อยมาก จะทุลักทุเลหน่อย เพราะต้องเข้าห้องน้ำพร้อมขวดน้ำเกลือ ต้องคอยเก็บฉี่เพราะให้คุณหมอดูปริมาณ
ค่าไตของน้องแพรค่อยๆลดลงมา จากวันแรกที่เข้า รพ. ที่สูงถึงระดับ 8 จาก10ระดับ
ลงมาเหลือ 7 แล้วค่อยๆลงมาเหลือ 4.5 ลงมาอีกทีเหลือ 2.8 และลงมาเหลือ 2.2
จนวันที่ 20.09.18
คุรหมอเข้ามาแจ้งข่าวดี ว่าวันนี้ค่าไตลงมาเหลือ 2.2 เดี๋ยวจะให้กลับบ้านได้ เลยสอบถามคุณหมอว่าสาเหตุของน้องแพรมาจากอะไร
หมอเลยบอกว่าในรายนี้ การกินยาไมเกรน น่าจะมีผลมาก + คนไข้ทานน้ำน้อย + กินอาการรสจัด และยาเสริมความงานบางตัวที่ใช้มีผลต่อไต
และถามคุณหมอเพิ่มว่าแล้ว สัญญาณอาการของไตวายนี้เป็นยังไง
" อาการขาบวม บวมแบบพอเอามือกดแล้วบุ๋มยุบลงไป อาการเป็นตะคริว เบื่ออาหาร จะฉี่บ่อยในตอนกลางคืนแต่ปริมารฉี่ออกมาไม่เยอะ หรือทั้งวันจะฉี่น้อยกว่า 500 มล "
ถ้าจะให้แบ่งระดับอาการของโรคนี้ก็จะแบ่งได้เป็น 5 ระยะ
ระยะที่ 1,2 และ3
จะไม่แสดงออกทางร่างกาย แต่จะตรวจพบได้ด้วยการตรวจเลือด การตรวจค่าไต
ระยะที่ 4 ( ซึ่งน้องแพร เป็น )
จะแสดงออกทางร่างกาย จะมีอาการมึนงง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผิวแห้งและคัน กล้ามเนื้อเป็นตะคริวบ่อยขึ้น มีอาการบวมน้ำที่ตามข้อ ขา และเท้า ใต้ตาคล้ำ ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ปริมาณปัสสาวะน้อยลง โลหิตจาง หรือรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวตลอดเวลา
และระยะที่ 5 จะคล่ายๆกับ 4
แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจจะเสียชีวิตได้
อาการทั้งหมดที่คุณหมอบอกนั้น แพรล้วนแต่มีอาการมาแล้วเกือบทั้งหมด ตอนนั้นนัทเองก็ คิดว่าเป้นอาการของอย่างอื่น เช่นขาดวิตามิน กรือโรคของติดเชื้อในลำไส้เพราะแพรท้องไส้ไม่ค่อยดี
ผลจากการนอนโรงพยาบาล เกือบ 7 วันของน้องแพรรอบนี้ ที่ต้องรับน้ำเกลือขนาด 1 ลิตร ถึง 10ขวด !!! ทำให้ น้องแพรต้องปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ทั้งหมด ควบคุมการกินอาหาร ปรับการดื่มน้ำ และเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น
เอาเป็นว่าเรื่อราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็จะสอนตัวเองให้รักตัวเองมากขึ้น อย่าใช้คำว่า ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวด่อนค่อยทำค่อยกิน กับร่างกายตัวเองเลยครับ
ต้องขอขอบคุณ
อาการท้องเสีย และอาเจียนในครั้งนั้น ที่ทำให้ตรวจพบการทำงานของไตที่ผิดปกรติในครั้งนี้
ขอบคุณ คุณหมอทุกๆท่าน ที่ช่วยรักษาและเป็นห่วงคนไข้เคสนี้
ขอบคุณพี่ๆพยาบาลและพี่ๆผู้ช่วย ที่คอยมาเปล่ยนน้ำเกลือ หรือ เปิดปิดเครื่องปั้มน้ำเกลือ ตอนดึกๆดื่นๆ ขอบคุณที่แวะมาคุยเล่น จนทำให้หายเครียดกัน
ขอบคุณพ่อ แม่ ญาติๆ พี่ๆน้องที่อ๊อฟฟิตน้องแพร ที่แวะเวียนมาหา ติดขนมมาฝากคนเฝ้าไข้ 😉
พี่ๆที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็เอาไว้คอยดูแลและฝากเตือนคนข้างๆตัวนะครับ
😊😘
ก้าวเข้ามาหา น้องแพรก็เจอสภาพนี้ นอนนิ่งๆ ถามตอบได้บ้าง แต่เพลียมาก
ถูกส่งตัว มาถึง รพ.ท่าศาลา.... และเข้าห้องฉุกเฉิน ผ่านการอัลตร้าซาวดูรูปร่างไต คุณหมอก็ส่งตัวมาที่นี่
และนี่ก็เป็นเพื่อสนิท ที่จะเจอกันบ่อยนั่นคือ เหยืกน้ำ คุณหมอ กำหนดให้ 1 ลิตร ดื่ม แล้วถ้าจะฉี่ ก็ต้องเก็บฉี่ใส่ขวด มาให้คุณหมอดู ปริมาณ 6 ชม.ต่อการเช็ค 1 รอบ
ภาพนี้ คือ ภาพชินตาที่เจอทุกวัน แพรจะลุกขึ้นมานั่ง นิ่งๆ เพราะไม่ค่อยมีแรงขยับตัว เนื่องจาก ปวดแขนที่เจาะน้ำเกลือ แอบเห็นแล้วสงสาร แขนนิดเดียว โดนเจาะไปข้างละ 5-6 ครั้ง
ได้กลับบ้านแล้ววว รอวันนี้มาตลอด
และภาพนี้คือ ภาพที่นัทดีใจมาก เพราะเห็นวันแรกที่น้องแพรเข้า รพ. อาการหนักจนกลัวว่าจะเสียเค้าไป แต่วันนี้เค้าดีขึ้น จนกลับบ้านได้และมานั่งถ่ายรูปข้างๆแบบนี้ แอบน้ำตาซึม อย่างน้อยก็ยังเห็นรอยยิ้มเล็กๆอีกครั้ง
" คุณครับ หมอจะแจ้งว่าคนไข้มีอาการขาดน้ำรุนแรง และที่สำคัญพบว่า คนไข้มี ภาวะ ไตวาย ...!!! "
เรื่องทั้งหมดมันมีอยู่ว่า
ช่วงเช้าของวันที่ 14 .09.18
นัทรับโทรศัทพ์ จากน้องแพร
" มารับหน่อยคะ ตอนนี้ทั้งท้องเสีย และอ้วก อยู่ในห้องน้ำเดินออกไปไม่ไหว เดี๋ยวจะให้พี่ๆเค้าพาส่งศูนย์แพทย์ของ ที่ทำงาน ... "
ได้ยินแค่นั้นก็ตกใจรีบบึ่งออกจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพราะตอนนั้นเฝ้าไข้ปู่อยู่ มุ่งหน้า ศูนย์การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ ในใจคิดตลอดว่าแพรเป็นอะไรวะ ปลอบใจตัวเองว่าคงเป็นแค่ท้องเสียธรรมดา
ไม่นานก็มาถึง ศูนย์การแพทย์ของ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พอเข้าไปก็ไปที่แผนก ฉุกเฉิน ก็เห็นน้องแพรนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงคนไข้ โดนเจาะแขนให้น้ำเกลืออยู่แล้ว เลยรีบเข้าไปหา พอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ... ก็ขอออกมารอหน้าห้อง
สักพัก !!!
" นี่ๆมาดูนี่หน่อย ทำไมผลมันออกมาแบบนี้...มีอะไรผิดพลาดรึป่าว ? รีบเอาผลไปให้หมอเร็ว "
เสียงเอะอะของพี่ๆพยาบาลที่ถือกระดาษผลตรวจจากแลปประมาณ 2-3 คนกำลังถกเถียงกันเรื่องผลตรวจที่ได้ ... นัทเองก็เริ่มเอะใจ เพราะทุกคนเป็นพยาบาลจากห้องฉุกเฉิน แล้วในห้องก็มีคนไข้อยู่คนเดียวคือน้องแพร ... จะมีอะไรเกิดขึ้นป่าวว่ะ !! ใจไม่ค่อยดีแระ
แล้วจู่ๆ พี่พยาบาลก็เดินมา
ญาติคนไข้ป่าวคะ ....( พยาบาล )
ครับ ... (นัท)
คือ เราต้องทำการส่งตัวคนไข้ไปที่ รพ.ท่าศาลา คะ เราพบว่า คนไข้เสียน้ำเยอะและพบว่าไตทำงานผิดปกติ เดี๋ยวญาติขับรถไปรอที่นั่นได้เลยนะคะเดี๋ยวทางเราจะพาคนไข้ไปส่งเองคะ....
เอาแล้ว !!! ต้องมีอะไรสักอย่างแล้ว ถึงขั้นต้องส่งตัวต่อแบบนี้ ตอนนั้นสับสนมาก แต่ก็ต้องตั้งสติ...ลำดับว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
พอถึง รพ.ท่าศาลา นัทเองต้องรีบวิ่งไปทำเรื่องเอกสารต่างๆ แล้วกลับไปพาน้องแพรที่ห้องฉุกเฉิน
เปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือ ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่มีการแบ่งโซน ด้วยป้ายสีๆ ได้บนเพดาน ตามความระดับความรุนแรงของอาการผู้ป่วย น้องแพรอยู่ในโซนสีแดง...
มีพยาบาลรุมกัน2-3คนรอบเตียงน้องแพร ทุกคนช่วยกันหาเส้นเลือดเพื่อจะทำการเจาะเพื่อให้น้ำเกลือ ฉีดยา แต่พี่ๆเค้าหาเส้นเลือดกันไม่เจอเพราะตอนนั้นเส้นเลือดน้องแพรจมหายลงไป พี่ๆเค้าเริ่มดูที่ขาเพื่อจะเจาะจากตรงนั้นแต่ดีที่พี่คนนึงเค้าเจอที่แขนเสียก่อน เลยรีบให้น้ำเกลือ ฉีดยา ...
ภาพนั้นทำเอานัทตัวชา มือชา ทำอะไรไม่ถูก ... จนคุณหมอเดินเข้ามาทัก
" คุณครับ หมอจะแจ้งว่าคนไข้มีอาการขาดน้ำมาก แบะที่สำคัญพบว่าคนไข้มี ภาวะไตวายฉับพลัน ...!!! "
พอได้ยินแบบนั้น เข่าอ่อนแบบไม่รู้ตัวเลย คือห่วงน้องแพรมาก กลัวน้องแพรจะเป็นอะไร กลัวเสียน้องแพรไป กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง 😭
คุณหมอ อธิบายง่ายๆว่าภาวะไตวาย มี 5 ระดับ ตอนนี้ ไตน้องแพรอยู่ในขั้นที่ 4 ซึ่งถือว่าอันตรายมาก
และมีค่าไตสูงถึงระดับที่8 จาก ทั้งหมด 10ระดับ ซึ่งเสี่ยงมากที่จะเกิดไตวาย หรือ ไตหยุดทำงาน !!!
คุณหมอกบอกขั้นตอนว่า ตอนนี้จะต้องทำการอัลตร้าซาว เพื่อดูรูปร่าง และการทำงานของไต ว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย ...
และไม่นานนักผลที่ออกมาดูดี ทั้งรูปร่าง และการทำงานยังปรกติดี ไม่ผิดรูป แต่ค่าไตยังสูงอยู่
คุณหมอเลยต้องให้น้องแพร นอนโรงพยาบาล เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
น้องแพรถูกย้ายจากห้องฉุกเฉินมา หอผู้ป่วย ภายในนั้นค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากมีคนไข้อยู่ค่อนข้างเยอะ ...
พอมาถึง พี่พยาบาลก็มาทำการติดตั้งอุปกรณ์เสริมในการให้น้ำเกลือ เพื่อเร่งอัตราการหยดให้เร็วขึ้น พี่พยาบาลบอกว่า น้องเค้าเสียน้ำเยอะคุณหมอเลยต้องเร่งให้น้ำเข้าร่างกายนะ
ผ่านคืนแรกไป...
เช้าต่อมาวันที่ 15.09.18
คุณหมอจากห้องฉุกเฉินเมื่อวาน ก็เดินมาทัก สอบถามอาการกัน คงด้วยเป็นเคสที่ไม่ค่อยเจอเพราะด้วยอายุยังน้อยละมั้ง
ไม่นานนัก คุณหมอเจน ซึ่งเป็นหมอไต เข้ามาซักประวัติเพิ่มเติม เพราะหมอเองก็อยากได้ข้อมูลเพิ่มเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมร่างกายถึงขาดน้ำถึงขั้นไตวาย ถามเรื่องของยาที่กินก่อนหน้านี้ เรื่องของอาการป่วยท้องเสีย เรื่องของการใช้ชีวิต คุณหมอถามน้องแพรอยู่ค่อนข้างนาน และให้นัทกลับบ้านไปเพื่อเอายาที่น้องแพรกินประจำมาให้หมอดู ยาเสริมคงามงายก็เอาด้วย ...
คุณหมอเลยอธิบายขั้นตอนการรักษาต่อจากนี้
คือคุณหมอจะให้น้ำเกลือ + ให้ยา + ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อปรับสภาพของไต ฟื้นฟูการทำงาน และจะมีการเก็บฉี่ ตรวจอึ เจาะเลือด ด้วย
มีการทำเทส ด้วยการให้น้องแพรดื่มน้ำ 1 ลิตร และเก็บฉี่ดูว่า เวลาฉี่ออกมามีปริมาณเท่าไหร่ พี่พยาบาลจะเข้ามาดูทุก 6 ชม.
จากวันที่ 14 - 19 .09.18
ที่น้องแพรนอนโรงพยาบาล เป็นอะไรที่เครียดมาก เพราะต้องรอลุ้นผลเลือด ผลของการตรวยค่าไต ว่าเป็นปรกติมั้ย ลุ้นกันแบบวันต่อวัน
ตัวน้องแพรเองก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ทานข้าวได้มากขึ้น ดื่มน้ำเยอะขึ้น แต่ต้องลุกมาฉี่บ่อยมาก จะทุลักทุเลหน่อย เพราะต้องเข้าห้องน้ำพร้อมขวดน้ำเกลือ ต้องคอยเก็บฉี่เพราะให้คุณหมอดูปริมาณ
ค่าไตของน้องแพรค่อยๆลดลงมา จากวันแรกที่เข้า รพ. ที่สูงถึงระดับ 8 จาก10ระดับ
ลงมาเหลือ 7 แล้วค่อยๆลงมาเหลือ 4.5 ลงมาอีกทีเหลือ 2.8 และลงมาเหลือ 2.2
จนวันที่ 20.09.18
คุรหมอเข้ามาแจ้งข่าวดี ว่าวันนี้ค่าไตลงมาเหลือ 2.2 เดี๋ยวจะให้กลับบ้านได้ เลยสอบถามคุณหมอว่าสาเหตุของน้องแพรมาจากอะไร
หมอเลยบอกว่าในรายนี้ การกินยาไมเกรน น่าจะมีผลมาก + คนไข้ทานน้ำน้อย + กินอาการรสจัด และยาเสริมความงานบางตัวที่ใช้มีผลต่อไต
และถามคุณหมอเพิ่มว่าแล้ว สัญญาณอาการของไตวายนี้เป็นยังไง
" อาการขาบวม บวมแบบพอเอามือกดแล้วบุ๋มยุบลงไป อาการเป็นตะคริว เบื่ออาหาร จะฉี่บ่อยในตอนกลางคืนแต่ปริมารฉี่ออกมาไม่เยอะ หรือทั้งวันจะฉี่น้อยกว่า 500 มล "
ถ้าจะให้แบ่งระดับอาการของโรคนี้ก็จะแบ่งได้เป็น 5 ระยะ
ระยะที่ 1,2 และ3
จะไม่แสดงออกทางร่างกาย แต่จะตรวจพบได้ด้วยการตรวจเลือด การตรวจค่าไต
ระยะที่ 4 ( ซึ่งน้องแพร เป็น )
จะแสดงออกทางร่างกาย จะมีอาการมึนงง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผิวแห้งและคัน กล้ามเนื้อเป็นตะคริวบ่อยขึ้น มีอาการบวมน้ำที่ตามข้อ ขา และเท้า ใต้ตาคล้ำ ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ปริมาณปัสสาวะน้อยลง โลหิตจาง หรือรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวตลอดเวลา
และระยะที่ 5 จะคล่ายๆกับ 4
แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจจะเสียชีวิตได้
อาการทั้งหมดที่คุณหมอบอกนั้น แพรล้วนแต่มีอาการมาแล้วเกือบทั้งหมด ตอนนั้นนัทเองก็ คิดว่าเป้นอาการของอย่างอื่น เช่นขาดวิตามิน กรือโรคของติดเชื้อในลำไส้เพราะแพรท้องไส้ไม่ค่อยดี
ผลจากการนอนโรงพยาบาล เกือบ 7 วันของน้องแพรรอบนี้ ที่ต้องรับน้ำเกลือขนาด 1 ลิตร ถึง 10ขวด !!! ทำให้ น้องแพรต้องปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ทั้งหมด ควบคุมการกินอาหาร ปรับการดื่มน้ำ และเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น
เอาเป็นว่าเรื่อราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็จะสอนตัวเองให้รักตัวเองมากขึ้น อย่าใช้คำว่า ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวด่อนค่อยทำค่อยกิน กับร่างกายตัวเองเลยครับ
ต้องขอขอบคุณ
อาการท้องเสีย และอาเจียนในครั้งนั้น ที่ทำให้ตรวจพบการทำงานของไตที่ผิดปกรติในครั้งนี้
ขอบคุณ คุณหมอทุกๆท่าน ที่ช่วยรักษาและเป็นห่วงคนไข้เคสนี้
ขอบคุณพี่ๆพยาบาลและพี่ๆผู้ช่วย ที่คอยมาเปล่ยนน้ำเกลือ หรือ เปิดปิดเครื่องปั้มน้ำเกลือ ตอนดึกๆดื่นๆ ขอบคุณที่แวะมาคุยเล่น จนทำให้หายเครียดกัน
ขอบคุณพ่อ แม่ ญาติๆ พี่ๆน้องที่อ๊อฟฟิตน้องแพร ที่แวะเวียนมาหา ติดขนมมาฝากคนเฝ้าไข้ 😉
พี่ๆที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็เอาไว้คอยดูแลและฝากเตือนคนข้างๆตัวนะครับ
😊😘
ก้าวเข้ามาหา น้องแพรก็เจอสภาพนี้ นอนนิ่งๆ ถามตอบได้บ้าง แต่เพลียมาก
ถูกส่งตัว มาถึง รพ.ท่าศาลา.... และเข้าห้องฉุกเฉิน ผ่านการอัลตร้าซาวดูรูปร่างไต คุณหมอก็ส่งตัวมาที่นี่
และนี่ก็เป็นเพื่อสนิท ที่จะเจอกันบ่อยนั่นคือ เหยืกน้ำ คุณหมอ กำหนดให้ 1 ลิตร ดื่ม แล้วถ้าจะฉี่ ก็ต้องเก็บฉี่ใส่ขวด มาให้คุณหมอดู ปริมาณ 6 ชม.ต่อการเช็ค 1 รอบ
ภาพนี้ คือ ภาพชินตาที่เจอทุกวัน แพรจะลุกขึ้นมานั่ง นิ่งๆ เพราะไม่ค่อยมีแรงขยับตัว เนื่องจาก ปวดแขนที่เจาะน้ำเกลือ แอบเห็นแล้วสงสาร แขนนิดเดียว โดนเจาะไปข้างละ 5-6 ครั้ง
ได้กลับบ้านแล้ววว รอวันนี้มาตลอด
และภาพนี้คือ ภาพที่นัทดีใจมาก เพราะเห็นวันแรกที่น้องแพรเข้า รพ. อาการหนักจนกลัวว่าจะเสียเค้าไป แต่วันนี้เค้าดีขึ้น จนกลับบ้านได้และมานั่งถ่ายรูปข้างๆแบบนี้ แอบน้ำตาซึม อย่างน้อยก็ยังเห็นรอยยิ้มเล็กๆอีกครั้ง