ที่มาของภาพ
https://pixabay.com/en/smiley-clown-key-chain-black-544297/
เรื่องราวที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่ฉับพบเจอ จากประสบการณ์จริง เรื่องที่เล่าอาจจะไม่น่ากลัวแต่ฉันคิดว่ามันดูน่าแปลกและน่าประหลาดใจ
ขอย้อนเวลาไปเมื่อปี พ.ศ. 2551 ตอนนั้นฉันอยู่ ปี 3 ฉันเป็นนักศึกษามหาลัยข้างเขาข้างทะเล ฉันอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยมาตลอดตั้งแต่เรียนปี 1 เพราะราคาถูกในระยะเวลาที่อยู่หอในมาหลายปีก็เจอพบเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็หลายครั้ง วันนี้จะขอเล่าเรื่องนี้ก่อนมันง่ายต่อการเล่า
เพราะฉันเล่าเรื่องและเขียนเรื่องเล่าไม่ค่อยเก่ง ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ฉันเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งคณะของฉันสาขาของฉัน นั้นเรียนตั้งแต่ 7 โมงเช้า จะเลิกอีกทีก็ดึกเลย เรียกได้ว่า หอพักคือสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาไว้นอนเท่านั้น มีอยู่วันนึง เป็นวันที่ฉันเลิกเรียนเร็วไม่มีงานค้างที่ต้องทำต่อ ฉันก็กลับมาที่หอด้วยอารมณ์ที่อยากพักผ่อนอยากกลับไปนอนมาก ๆ ฉันดูเวลาตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง ฉันเดินขึ้นบันไดมาอย่างไม่ค่อยมีสติสักเท่าไร (อารมณ์แบบใจลอย และขออธิบายก่อนว่าห้องหนึ่งห้องอยู่ได้ 7 คน มีเตียง 7 เตียงโดยเตียงจะเป็นเตียง 2 ชั้น มีโต๊ะ 7 โต๊ะ มีตู้เรียงกัน 7 ตู้ มีระเบียง เพื่อน ๆ คิดใช่ไหม ว่าอยู่ตั้ง 7 คนอึดอัดแย่เลย มันไม่อึดอัดเลย มันกว้างมากและถ้าไม่มีคนอยู่สัก 3 คนมันจะ ดูวังเวงเลยทีเดียว) ห้องของฉันอยู่ชั้น 5 เป็นชั้นบนสุด พอถึงห้อง เปิดประตูไปก็ไม่มีใครอยู่ ฉันกลับมาที่ห้องคนเดียว ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก เลยล้มตัวลงนอน นอนไปนอนมาสักพัก รู้สึกว่าตัวเองนอนไม่หลับ ก็เลยหยิบหนังสือนิยายมาอ่าน พอจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก ขึ้น 3 ครั้ง ฉันก็ไม่ได้สนใจและใส่ใจอะไรได้แต่นอนนิ่ง ๆ รอ เพราะจำได้ว่าไม่ได้ล็อคห้อง ซึ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ห้องเดียวกันเขาจะเคาะแล้วบิดลูกบิดเข้ามาทันที แต่ครั้งนี้เคาะแล้วได้ยินเสียงบิดลูกบิดดังแกล๊ก เป็นเสียงประตูเปิด ดัง แอ๊ด เบา ๆ ฉันก็คอยดูว่าใครจะเข้ามา (ตำแหน่งเตียงที่ฉันนอนมันมองไม่เห็นประตูเพราะมีโต๊ะตัวใหญ่ 2 ตัวบังประตูไว้ ) แต่แล้วก็ไม่มีใครเดินเข้ามา ฉันจึงลุกขึ้นไปดู ปรากฏว่า ประตูก็ปิดอยู่ แวบแรกก็คิดในใจเลยว่า เอาแล้วไง โดนผีหลอกแน่ เพราะนาน ๆ จะกลับมาในช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดว่า น่าจะเป็นเสียงของห้องข้าง ๆ มากกว่า ฉันคงเข้าใจผิดและคิดไปเอง วันนั้นก็ผ่านไป ไม่ได้เล่าให้ใครฟังหรือถามใครเลย
วันต่อมาวันนั้นเป็นวันหยุดฉันไม่ได้กลับบ้าน รูมเมดก็กลับบ้าน 4 คน เหลือ 3 คนในห้อง วันนั้นก็ไปเดินเล่นเดินเที่ยวห้างที่อยู่ใกล้ ๆ ก็กลับมาที่ห้องเป็นเวลา บ่ายโมง เปิดห้องมาก็ยังไม่มีใครกลับมาฉันก็เอาหนังสือนิยายมาอ่านที่เตียงอ่านจบไป 1 เล่ม ก็มองเวลาคือบ่าย 3 โมงตรง กำลังจะบิดขี้เกียจก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เหมือนเดิมดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก จังหวะเดิมเป๊ะ ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ตรงหน้าประตู มองไปซ้ายมองขวาก็มีแต่ทางเดินยาว ๆ ประตูห้องทุกห้องก็ปิดสนิท เดินไปดูข้างห้องทั้งสองด้านก็ถูกล็อคด้วยแม่กุญแจ ทำให้รู้ว่าเจ้าของห้องหลาย ๆ ห้องกลับบ้านกันหมด ฉันก็คิดไปว่าถ้าแกล้งกันก็ไม่น่าจะวิ่งเร็วไปซ่อนตัวได้ไวขนาดนั้นเพราะห้องที่อยู่มันอยู่ตรงกลางระหว่างห้องทุกห้อง ฉันก็ไม่อยากจะคิดมาก เพราะในใจก็กลัวถ้าความจริงมันคือสิ่งที่มองไม่เห็นคงจะแย่ ฉันเลิกคิด ไม่บอกใครไม่ใส่ใจ และหลังจากนั้น ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เรื่องที่ฉันไม่ใส่ใจมันก็วกกลับมาทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
วันนั้นเป็นวันฝนตกบรรยากาศมืดครึ้ม ฉันปวดหัวมีไข้เลยลาป่วยกลับมานอนพักที่หอ ในเวลาบ่าย (อีกแล้ว) ฉันลืมเรื่องที่เจอไปสนิท ฉันกินยา และล้มตัวลงนอน นอนไปนานเท่าไรไม่รู้ พอรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองเหงื่อออกมาก แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องยามบ่ายหลังจากฝนตกดูร้อนแรงแสงจ้า พอมองนาฬิกา เป็นเวลาบ่าย 3 โมง ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องนั้นได้ แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะเสียงเดิม ก๊อก ก๊อก ก๊อก เวลาเดิม จังหวะเดิม ฉันลุกไปเปิดประตูทันทีสิ่งที่พบคือความว่างเปล่า ไม่มีคน ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทำให้เกิดเสียง ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินและไม่อยากจะเชื่อจึงเดินดูประตูห้องข้าง ๆ ดูว่ามีกุญแจล็อคประตูอยู่ไหม ถ้ามีคนแกล้ง ชั้นนี้ทั้งชั้นก็ไม่มีเพื่อนของฉันอยู่ด้วยกันเลยสักคนห้องข้างๆทั้งสองฝั่งฉันก็ไม่รู้จักใคร แล้วทำไมต้องมาเคาะเวลาเดิม ฉันคิดวกวนจนปวดหัวและใจเริ่มกลัวหน่อย ๆ
พอกลางดึกฉันเก็บเรื่องราวนี้ไว้คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว มันต้องเล่าต้องขยายจะได้มีเพื่อนกลัวไปด้วยกัน ฉันเล่าเรื่อราวที่ประสบพบเจอให้รูมเมดฟัง แต่คำตอบและการตอบสนองที่ได้รับกลับทำให้ฉันขนลุกยิ่งกว่า
" เขาเจอกันหมดแล้ว แกไม่สังเกตบ้างหรอ ว่าช่วงบ่ายๆไม่มีใครอยู่ห้อง ของแกมันยังน้อยไป ของพี่เนี้ยะ เปิดประตูให้เห็นต่อหน้าต่อตาเลย "
" แล้วทำไมพี่ไม่บอกหนู"
" ก็กลัวว่าเอ็งจะกลัวไงเลยไม่เล่า"
เป็นไงหล่ะทีนี้ เขาเจอกันหมดแล้ว เรามาเจอคนสุดท้าย ก็นั่งวิเคราะห์กัน แต่ก็ไม่มีข้อสรุปใด ๆ พี่คนนึงก็พูดออกเสียงดังๆไปว่าต่างคนต่างอยู่ เขาก็อยู่ส่วนเขาเราก็อยู่ส่วนเรา
ฉันก็อยู่มาได้จนจบปีการศึกษา ผีก็กลัว แต่ถ้าย้ายไปอยู่หอนอกกลัวจะไม่มีตังค์จ่ายค่าห้องมากกว่า 555555+
เรื่องก็มีเท่านี้แหละค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
ประสบการณ์ลี้ลับจากเรื่องจริงของเด็กหอ ตอน ใครมาเคาะ
เรื่องราวที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่ฉับพบเจอ จากประสบการณ์จริง เรื่องที่เล่าอาจจะไม่น่ากลัวแต่ฉันคิดว่ามันดูน่าแปลกและน่าประหลาดใจ
ขอย้อนเวลาไปเมื่อปี พ.ศ. 2551 ตอนนั้นฉันอยู่ ปี 3 ฉันเป็นนักศึกษามหาลัยข้างเขาข้างทะเล ฉันอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยมาตลอดตั้งแต่เรียนปี 1 เพราะราคาถูกในระยะเวลาที่อยู่หอในมาหลายปีก็เจอพบเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็หลายครั้ง วันนี้จะขอเล่าเรื่องนี้ก่อนมันง่ายต่อการเล่า
เพราะฉันเล่าเรื่องและเขียนเรื่องเล่าไม่ค่อยเก่ง ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ฉันเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งคณะของฉันสาขาของฉัน นั้นเรียนตั้งแต่ 7 โมงเช้า จะเลิกอีกทีก็ดึกเลย เรียกได้ว่า หอพักคือสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาไว้นอนเท่านั้น มีอยู่วันนึง เป็นวันที่ฉันเลิกเรียนเร็วไม่มีงานค้างที่ต้องทำต่อ ฉันก็กลับมาที่หอด้วยอารมณ์ที่อยากพักผ่อนอยากกลับไปนอนมาก ๆ ฉันดูเวลาตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง ฉันเดินขึ้นบันไดมาอย่างไม่ค่อยมีสติสักเท่าไร (อารมณ์แบบใจลอย และขออธิบายก่อนว่าห้องหนึ่งห้องอยู่ได้ 7 คน มีเตียง 7 เตียงโดยเตียงจะเป็นเตียง 2 ชั้น มีโต๊ะ 7 โต๊ะ มีตู้เรียงกัน 7 ตู้ มีระเบียง เพื่อน ๆ คิดใช่ไหม ว่าอยู่ตั้ง 7 คนอึดอัดแย่เลย มันไม่อึดอัดเลย มันกว้างมากและถ้าไม่มีคนอยู่สัก 3 คนมันจะ ดูวังเวงเลยทีเดียว) ห้องของฉันอยู่ชั้น 5 เป็นชั้นบนสุด พอถึงห้อง เปิดประตูไปก็ไม่มีใครอยู่ ฉันกลับมาที่ห้องคนเดียว ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก เลยล้มตัวลงนอน นอนไปนอนมาสักพัก รู้สึกว่าตัวเองนอนไม่หลับ ก็เลยหยิบหนังสือนิยายมาอ่าน พอจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก ขึ้น 3 ครั้ง ฉันก็ไม่ได้สนใจและใส่ใจอะไรได้แต่นอนนิ่ง ๆ รอ เพราะจำได้ว่าไม่ได้ล็อคห้อง ซึ่งถ้าเป็นคนที่อยู่ห้องเดียวกันเขาจะเคาะแล้วบิดลูกบิดเข้ามาทันที แต่ครั้งนี้เคาะแล้วได้ยินเสียงบิดลูกบิดดังแกล๊ก เป็นเสียงประตูเปิด ดัง แอ๊ด เบา ๆ ฉันก็คอยดูว่าใครจะเข้ามา (ตำแหน่งเตียงที่ฉันนอนมันมองไม่เห็นประตูเพราะมีโต๊ะตัวใหญ่ 2 ตัวบังประตูไว้ ) แต่แล้วก็ไม่มีใครเดินเข้ามา ฉันจึงลุกขึ้นไปดู ปรากฏว่า ประตูก็ปิดอยู่ แวบแรกก็คิดในใจเลยว่า เอาแล้วไง โดนผีหลอกแน่ เพราะนาน ๆ จะกลับมาในช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดว่า น่าจะเป็นเสียงของห้องข้าง ๆ มากกว่า ฉันคงเข้าใจผิดและคิดไปเอง วันนั้นก็ผ่านไป ไม่ได้เล่าให้ใครฟังหรือถามใครเลย
วันต่อมาวันนั้นเป็นวันหยุดฉันไม่ได้กลับบ้าน รูมเมดก็กลับบ้าน 4 คน เหลือ 3 คนในห้อง วันนั้นก็ไปเดินเล่นเดินเที่ยวห้างที่อยู่ใกล้ ๆ ก็กลับมาที่ห้องเป็นเวลา บ่ายโมง เปิดห้องมาก็ยังไม่มีใครกลับมาฉันก็เอาหนังสือนิยายมาอ่านที่เตียงอ่านจบไป 1 เล่ม ก็มองเวลาคือบ่าย 3 โมงตรง กำลังจะบิดขี้เกียจก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เหมือนเดิมดัง ก๊อก ก๊อก ก๊อก จังหวะเดิมเป๊ะ ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ตรงหน้าประตู มองไปซ้ายมองขวาก็มีแต่ทางเดินยาว ๆ ประตูห้องทุกห้องก็ปิดสนิท เดินไปดูข้างห้องทั้งสองด้านก็ถูกล็อคด้วยแม่กุญแจ ทำให้รู้ว่าเจ้าของห้องหลาย ๆ ห้องกลับบ้านกันหมด ฉันก็คิดไปว่าถ้าแกล้งกันก็ไม่น่าจะวิ่งเร็วไปซ่อนตัวได้ไวขนาดนั้นเพราะห้องที่อยู่มันอยู่ตรงกลางระหว่างห้องทุกห้อง ฉันก็ไม่อยากจะคิดมาก เพราะในใจก็กลัวถ้าความจริงมันคือสิ่งที่มองไม่เห็นคงจะแย่ ฉันเลิกคิด ไม่บอกใครไม่ใส่ใจ และหลังจากนั้น ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เรื่องที่ฉันไม่ใส่ใจมันก็วกกลับมาทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
วันนั้นเป็นวันฝนตกบรรยากาศมืดครึ้ม ฉันปวดหัวมีไข้เลยลาป่วยกลับมานอนพักที่หอ ในเวลาบ่าย (อีกแล้ว) ฉันลืมเรื่องที่เจอไปสนิท ฉันกินยา และล้มตัวลงนอน นอนไปนานเท่าไรไม่รู้ พอรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองเหงื่อออกมาก แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องยามบ่ายหลังจากฝนตกดูร้อนแรงแสงจ้า พอมองนาฬิกา เป็นเวลาบ่าย 3 โมง ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องนั้นได้ แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะเสียงเดิม ก๊อก ก๊อก ก๊อก เวลาเดิม จังหวะเดิม ฉันลุกไปเปิดประตูทันทีสิ่งที่พบคือความว่างเปล่า ไม่มีคน ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทำให้เกิดเสียง ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินและไม่อยากจะเชื่อจึงเดินดูประตูห้องข้าง ๆ ดูว่ามีกุญแจล็อคประตูอยู่ไหม ถ้ามีคนแกล้ง ชั้นนี้ทั้งชั้นก็ไม่มีเพื่อนของฉันอยู่ด้วยกันเลยสักคนห้องข้างๆทั้งสองฝั่งฉันก็ไม่รู้จักใคร แล้วทำไมต้องมาเคาะเวลาเดิม ฉันคิดวกวนจนปวดหัวและใจเริ่มกลัวหน่อย ๆ
พอกลางดึกฉันเก็บเรื่องราวนี้ไว้คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว มันต้องเล่าต้องขยายจะได้มีเพื่อนกลัวไปด้วยกัน ฉันเล่าเรื่อราวที่ประสบพบเจอให้รูมเมดฟัง แต่คำตอบและการตอบสนองที่ได้รับกลับทำให้ฉันขนลุกยิ่งกว่า
" เขาเจอกันหมดแล้ว แกไม่สังเกตบ้างหรอ ว่าช่วงบ่ายๆไม่มีใครอยู่ห้อง ของแกมันยังน้อยไป ของพี่เนี้ยะ เปิดประตูให้เห็นต่อหน้าต่อตาเลย "
" แล้วทำไมพี่ไม่บอกหนู"
" ก็กลัวว่าเอ็งจะกลัวไงเลยไม่เล่า"
เป็นไงหล่ะทีนี้ เขาเจอกันหมดแล้ว เรามาเจอคนสุดท้าย ก็นั่งวิเคราะห์กัน แต่ก็ไม่มีข้อสรุปใด ๆ พี่คนนึงก็พูดออกเสียงดังๆไปว่าต่างคนต่างอยู่ เขาก็อยู่ส่วนเขาเราก็อยู่ส่วนเรา
ฉันก็อยู่มาได้จนจบปีการศึกษา ผีก็กลัว แต่ถ้าย้ายไปอยู่หอนอกกลัวจะไม่มีตังค์จ่ายค่าห้องมากกว่า 555555+
เรื่องก็มีเท่านี้แหละค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ