“เท้าติดดิน ไม่อาจเอื้อมดาว”

สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิป ก่อนอื่นขอกล่าวก่อนเลยว่าผมพึ่งเป็นสมาชิกใหม่สดๆร้อนๆ ก็ขอขอบพระคุณบ้านหลังนี้ที่ให้ผมได้ร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวครับ

เริ่มกันเลย . . . เรื่องมันเริ่มจากการที่ผมเป็นแฟนคลับติดตาม IG facebook youtube ผู้หญิงอยู่คนหนึ่งมาเป็นเวลาพอสมควร เธอมีผู้ติดตามร่วมสองแสนคน เป็นคนมีชื่อเสียงระดับนึงเลยหล่ะ ผมให้ความสนใจเธอคนนี้เป็นพิเศษ เนื่องด้วยความรู้สึกส่วนตัวว่า เธอเป็นคนสวยมีชื่อเสียงที่มีไลฟ์สไตล์ ดูไม่ไฮโซ ไม่ติดหรู ไม่มีอีโก้ ตอบกลับแฟนคลับบ้าง ดูไม่หยิ่ง ตรงจุดนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าเธอคนนี้น่ารักมาก ๆ ดูเป็นคนใจดีมาก มันเริ่มทำให้ผมอยากรู้จักเธอมากขึ้นเลยหล่ะครับ

     เธอเปิดร้านอาหารแนวคาเฟ่แห่งหนึ่งอยู่แถวจังหวัดนนทบุรี มีทั้งอาหารฝรั่ง ไทย กาแฟ เครื่องดื่ม ซึ่งจากที่ตั้งร้าน ผมขับรถผ่านเส้นนั้นบ่อยมาก แต่ไม่เคยแวะเลย เนื่องจากผมมักเดินทางคนเดียวไม่มีเพื่อน เลยไม่ค่อยอยากไปนั่งคนเดียว พยายามหาเวลาชวนเพื่อนไปลองกินอาหารที่ร้านเธออยู่ แต่ก็ต่างคนต่างติดงานเลยไม่ได้ไปสักที จนวันหนึ่งเพื่อนผมต้องไปทำธุระที่ กทม. เค้าเลยชวนผมไปเป็นเพื่อน ซึ่งต้องใช้ถนนที่ผ่านร้านเธอพอดี เอาหล่ะเข้าทางเราเลย(ผมคิดในใจ55) ขาไปไม่ได้แวะแต่มาแวะกันตอนขากลับ ผมไปกับเพื่อนกันสองคน ไปถึงก็เข้าไปสั่งกาแฟกันคนละแก้ว เพราะทานข้าวกันมาแล้วเลยไม่ได้สั่งอาหารกัน โซนที่ขายกาแฟเนี่ยจะเป็นโซนหน้าร้าน แล้ววันนั้นไม่มีที่นั่ง ก็เลยบอกกับเพื่อนให้ไปนั่งโซนข้างในที่เป็นร้านอาหาร พอเปิดประตูเข้าไปปุ๊บสิ่งที่ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันคือ!!!!ภาพที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าในแนวสายตา กำลังเล่นโน๊ตบุคอยู่(เธอจดจ้องอยู่กับจอคอมและใส่หูฟังเลยทำให้ไม่เห็นว่ามีลูกค้าเดินเข้ามา) . . . เท่านั้นหล่ะครับ ความเขินความตื่นเต้นความประหม่าที่มีอยู่ในโลกมันพุ่งเข้ามาชนผมในเวลานั้น สิ่งที่ทำหลังจากนนั้นก็คือพยายามหาโต๊ะนั่ง ซึ่งโต๊ะว่างทุกโต๊ะ ผมก็เดินวนไปวนมา งงๆ ตึ๊บๆ เหมือนคนไม่มีสติ เพื่อนผมเลยเลือกที่นั่งให้ ปรากฎว่าได้ที่ที่เป็นโต๊ะหันข้างให้เธอ ส่วนเธอหันหน้าหาพวกผม และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ครับ ยิ้ม

     หลังจากได้ที่นั่งกันแล้ว เอาหล่ะสิ! จะคุยอะไรกับเพื่อนดีหล่ะ มันทำอะไรไม่ค่อยถูกเลย55 ผมก็ได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์ไป จิบกาแฟไป หางตาก็แอบมองเธอบ้าง แต่ก็ไม่กล้าหันไปมองบ่อยๆ กลัวจะทำให้เธออึดอัด และจะมองว่าเราเป็นพวกโรคจิตไปซะได้ วั้นนั้นเธอแต่งตัวเรียบๆด้วยเสื้อแขนยาวถึงศอกสีชมพูและกระโปรงสั้นลายภาพวาดดอกไม้ ดูเป็นแนวคิคุตะมุตะมิ(คือแนวอะไรไม่รู้ แต่ประมาณนี้แหละ55) และเหมือนจะเป็นวันเฝ้าร้านชิลๆไม่ได้แต่งหน้าแต่งตา แต่ทำไมผมยังรู้สึกว่าหน้าสดยังน่ารักขนาดนี้ ผมกับเพื่อนนั่งอยู่กันราวๆครึ่งชั่วโมงได้ก็คุยกันว่าได้เวลากลับละ   แต่!!! จะกลับทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ได้!! ผมจึงได้เริ่มรวบรวมพลังหยินหยาง พลังความกล้าที่ได้ศึกษามาจากหนังหลายๆเรื่อง - -* เพื่อที่จะเข้าไปทักทายเธอ เพื่อขอชักภาพไว้เป็นที่ระลึกในฐานะแฟนคลับคนหนึ่ง ตอนนั้นใจเต้นแรงมาก ๆ มีความกลัวแบบคิดไปเองว่าถ้าเข้าไปขอเธอถ่ายรูปแล้วเธอปฏิเสธแบบว่า “ไม่สะดวกค่ะ” จะทำยังไง จะเอาหน้าไปไว้ไหน . . .

     และแล้ววินาทีที่ต้องตัดสินใจก็มาถึง!! (ก่อนหน้านี้ผมได้คุยกับเพื่อนไว้ก่อนแล้วว่าถ้าได้ถ่ายรูป กดรัวๆหลายๆมุมเลยนะ โอเครู้เรื่อง) ผมลุกจากโต๊ะเดินหันหลังไปเข้าห้องน้ำเตรียมตัวเตรียมใจ แล้วเดินกลับเข้ามา พร้อมตรงเข้าไปหาเธอทันทีทันใด
ผม : “ขอโทษนะครับ ใช่น้อง...หรือเปล่า” (ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วแต่ทำแบ้ว55)

เธอ : “อ่อ ใช่ค่าาา“

ผม : “พอดีติดตามอยู่ จะขออนุญาตถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ”

เธอ : “ได้เลยค่า อุ่ยย...หน้าสดด้วย”(เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มแบบเขินๆ)

ผมก็ส่งโทรศัพท์ให้เพื่อนถ่าย วินาทีที่เธอเข้ามายืนถ่าย ไหล่ของเธอมาชิดไหล่ผมพอดี  ในใจก็คิด ” งื้ออ ทำไงดีๆไหล่ชนแล้ว ปลื้มปลิ่มแบบสุดๆกันเลยทีเดียว” เพื่อนก็กดถ่ายให้ประมาณไม่ถึง30วินาที ไอ้เราก็ดีใจรูปเต็มเครื่องแน่ๆ คุยกันไว้แล้วว่าขอแบบรัวๆ พอถ่ายเสร็จผมก็หันไปขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ เพราะเธอยกมือมาเหมือนกัน

ผม : “ขอบคุณมากครับ”

เธอ: “ขอบคุณเหมือนกันค่า”

ผม : “ตัวจริงน่ารักมากเลยครับ” (ผมเขิน ไม่รุจะพูดอะไร)

เธอ : “ตัวจริงไม่เหมือนในรูปหรอกค่า” (เธอพูดแบบถ่อมตัว)

จากนั้นก็ขอบคุณกันอีกรอบ แล้วผมก็เดินออกจากร้านกลับไปขึ้นรถ พร้อมกับความสุขที่เต็มเปี่ยม ยิ้ม พอขึ้นรถได้ก็ไม่รีรอเปิดดูรูปทันที ปรากฏว่ามีอยู่เพียงหกรูป!! ในมุมเดิม   รีบหันไปด่าเพื่อน ชั่วจริงๆเพื่อนเอ๋ย บอกว่าให้กดรัว ๆ เศร้า

     ระหว่างทางกลับบ้าน ผมก็คิดอยู่นานว่าจะลงรูปนี้ใน IG แล้วแท็กเธอไปดีไหมนะ ถ้าแท็กไปมันจะดูเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวทำให้เธอรำคาญหรือเปล่า มันจะดูสะเหล่อหรือเปล่า เพราะเธอก็เป็นคนมีชื่อเสียงด้วย แต่สุดท้ายผมก็แท็กเธอไป พร้อมกับแคปชั่นประมาณว่า” ร้านสวยบรรยากาศดี เจ้าของร้านน่ารักเป็นกันเอง “ และไม่ได้คิดว่าเธอจะมาตอบกลับหรืออะไร ก็ลงๆไป แต่หลังจากที่ได้ลงรูปไปไม่กี่นาที เธอมาตอบผม !!!!  “ขอบคุณมากน้าค้า^^ พร้อมกับอีโมรูปมือไหว้สามมือ รูปหน้ายิ้มแบบเขิลอีกสอง”  เท่านั้นหล่ะครับ!! สิ่งของโดยรอบ รถยนต์ ตึกรามบ้านช่อง กลายเป็นสีชมพูไปในทันที รู้สึกได้ถึงคำว่าน้ำตาเอ่อขึ้นมาเลยจริงๆ

     ใครจะไปคิดหล่ะครับ. . .แฟนคลับเธอมีร่วมสองแสนคน เธอไม่จำเป็นต้องมาตอบคอมเม้นอะไรผมเลย เพราะแฟนคลับทุกคนก็คงเข้าใจได้อยู่แล้วว่าจะให้ตอบทุกคนก็คงไม่ไหว เธอเป็นคนไม่ถือตัวจริง ๆ และหลังจากนาทีนั้น ความรู้สึกของผมที่มีกับตัวเธอได้เริ่มเปลี่ยนไปทั้งหมด  “ผมตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว”  จากแค่ความรู้สึกปลื้มของแฟนคลับคนนึง มันเปลี่ยนไปทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นกับตัวผม ความคิดที่ตามมาและทุกคนก็คงคิดเหมือนกับผมคือ เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน !! ใช่ครับเรื่องแบบนี้มันเกินฝันใฝ่จริงๆ หลังจากวันนั้นหลายครั้งก็ตัดพ้อตัวเอง แต่ก็คิดว่าจะตัดพ้อตัวเองไปทำไม เพ้อเจ้อ!! เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จากที่เคยฟังเพลงทุกแนว วันๆก็เริ่มฟังแต่
-คืนที่ดาวเต็มฟ้า
-ดาวประดับฟ้า
-คนเดินถนน
-หมาเห่าเครื่องบิน
-ไม่สมศักดิ์ศรี
อะไรทำนองนี้  เหมือนจะคิดอะไรไปไกลนะเรา เศร้า

     หลังจากวันนั้นอีกประมาณสี่วัน ก็มีโอกาสได้ไป กทม.กับเพื่อนอีกครั้ง ครั้งนี้เลยถือโอกาสเก็บท้องไว้รอไปทานอาหารร้านของเธอเลย หลังจากทำธุระกันเสร็จ ขากลับก็แวะร้านของเธอ ในใจก็แอบหวังว่าจะได้เจอเธออีกครั้ง แล้วก็เจอจริงๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ทักทายเพราะเค้าคงติดธุระอยู่อีกโซนนึงของร้าน ผมได้เห็นเธอแค่แว๊บๆ แต่ไม่รู้ว่าเธอเห็นผมหรือเปล่า ถ้าเห็นก็อาจจำไม่ได้ ผมกับเพื่อนก็สั่งอาหารมาทานกัน พออาหารมาก็ถ่ายรูปเก็บไว้ลงIGนิดนึง หลังจากนั้นก็ทานกันประมาณเกือบชั่วโมง กินไปคุยไป จริงๆที่นั่งนานคือแอบรอว่าจะได้เห็นเค้าชัดๆบ้าง ก็คงจะได้อิ่มใจ แต่ก็ไม่ได้เห็น ไม่นานผมกับเพื่อนจึงตัดสินใจเดินทางกลับ(จริงๆไม่อยากกลับเลย) ระหว่างทางกลับก็เหมือนเดิม ผมลงรูปอาหารใน IG แล้วก็มือลั่นไปแท็กเค้าอีก (เห้อ ไม่น่าเลย มันเป็นการรบกวนเค้าแน่ๆ) ขอโทษจริงๆ เศร้า  แต่สำหรับโพสต์นี้ เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับมา . . .

     ท้ายที่สุดนี้ผมอยากจะบอกว่า ความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงามจริงๆ แม้เรื่องเธอกับผมจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่ผมก็เลือกที่จะอยู่แบบมีความฝันครับ คนเราขับเคลื่อนชีวิตได้ก็ด้วยความรัก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พ่อ แม่ เพื่อนฝูง  และวันหนึ่งวันใดหากเธอได้มีโอกาสอ่านบทความนี้ของผม ซึ่งเธอก็คงไม่รู้หรอกว่าตัวละครเรื่องนี้คือเธอเอง ก็อยากจะบอกกับเธอว่า " ผมโชคดีมากๆ ขอบคุณมากครับที่ยิ้มให้ ที่ให้มีโอกาสได้พูดคุย ได้ถ่ายรูปกัน คุณทำให้ผมมีความสุขจริงๆ ”


     ว่ามาก็ยาวแล้ว ผมก็ต้องขอขอบพระคุณบ้านพันทิปหลังนี้ และเพื่อนๆที่เสียเวลาเข้ามาอ่าน อาจจะยาวสักหน่อย พิมพ์เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ต้องกราบขออภัยด้วยครับ ขอบพระคุณจริงๆ
ทั้งหมดที่เล่ามามันคือความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในใจของผม และก็รู้ว่ามันเป็นแค่ความเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน แต่ผมก็สบายใจแล้วที่ได้ระบายมันออกมา ณ ตรงนี้ เท้ายังติดดิน ไม่มีทางเลยที่จะเอื้อมถึงดาวครับ . . .


~ แม้วันนี้จะยังไม่มีวันนั้น ก็จะฝันจะเฝ้ารอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่