น้องหมาเราเป็นสุนัขหน้าสั้นค่ะ น้องเป็นหลายโรคค่ะ ภูมิแพ้หลายอย่าง แพ้อาหารแทบทุกชนิด เป็นนิ่วชนิดหายาก ต้องทานอาหารพิเศษสำหรับนิ่วชนิดนั้นโดยเฉพาะ เคยผ่านิ่วมาแล้วครั้งนึง ผ่านไปปีกว่าๆ ปรากฏว่าน้องเกิดอาการฉี่ไม่ออก เราก้อร้อนใจรีบพาน้องไปหาหมอ และตัดสินใจให้น้องผ่า วันที่เราเอาน้องไปฝากรพส. น้องยังร่าเริงไม่ได้แสดงอาการป่วยหงอยใดๆ ที่เราตัดสินใจให้น้องผ่าเพราะเราคิดว่าน้องอายุยังไม่เยอะ (5ปี)ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ปรากฏว่า ปัญหาเกิดค่ะ
วันแรกในวันที่น้องผ่า คุณหมอโทรมาแจ้งว่า น้องหัวใจหยุดเต้นตอนผ่าตัด หมอพยายามช่วยอยู่ เราตกใจมาก รีบไปรพส. เพื่อดูน้องโชคดีที่หมอปั๊มน้องคืนมาได้ แต่น้องไม่รู้สึกตัว
วันที่สอง น้องไม่รู้ตัวเนื่องจากเมื่อน้องเริ่มตื่น น้องมีอาการชัก เลยต้องให้ยากันชัก ใส่ท่อหายใจช่วย หัวใจเต้นดี ปริมาณออกซิเจนเพียงพอ
เราไปเยี่ยมน้องทุกวันค่ะ วันละ 2 -3 ครั้ง ไปนั่งจนหมดเวลาเยี่ยม นั่งดูไปร้องให้ไป
วันที่สาม. หมอลดปริมาณยากันชักลง เราเริ่มเห็นน้องขยับเขยื้อนตัวบ้าง แต่ยังไม่ได้สติ 100% ถอดท่อหายใจออกแล้วเพราะน้องเริ่มเคี้ยวท่อ แต่ยังหายใจลำบากเพราะมีเสมหะเยอะ หมอติดเครื่องตรวจวัดออกซิเจน และเครื่องวัดการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ช่วงเย็นเราแวะไปเยี่ยมน้องอีก น้องเริ่มยกหัวได้ วันนี้เรายิ้มออก มีความหวังว่าน้องจะได้กลับบ้าน
คืนนี้เป็นคืนแรกที่เราได้นอนแบบมีความหวัง
วันที่สี่ เราไปเยี่ยมน้องตามเคย น้องยกหัวหันหัวตามเสียงเรา ใจเราพองโตมาก ความหวังที่จะพาน้องกลับไปดูแลที่บ้านมันเพิ่มมากขึ้น วันนี้มีใส่ท่อหายใจช่วงนึงแล้วก้อเอาออกเพราะน้องเคี้ยวท่อ เราทำใจว่าแม้น้องจะกลับมาในสภาพไม่ 100 % (สมองน้องอาจขาดออกซิเจนช่วงที่หัวใจหยุดเต้น เมื่อทดสอบการรับรู้ ม่านตายังตอบสนองต่อแสง เมื่อเอานิ้วไปใกล้หัวตาน้องกระพริบตา) แต่เราก้อยังดีใจที่เราจะมีโอกาสได้ดูแลน้องอยู่ อาการน้องดูดีกว่าวันแรกๆมากเราเริ่มสบายใจ จึงกลับบ้าน และมาเยี่ยมน้องอีกตอนเย็น น้องก้อยังดูดีเหมือนเมื่อกลางวัน ตอน 2 ทุ่มมีพ่นยาขยายหลอดลม ไม่ได้ใส่ท่อหายใจแล้ว ก้อหายใจแบบลำบากนิดๆ และยังติดเครื่องมอนิเตอร์อยู่ เราอยู่กับน้องจนเกือบสามทุ่มครึ่ง เราจึงกลับบ้าน
ทุกคืนที่ผ่านมาเรานอนผวาเสียงโทรศัพน์ ทุกคืน จนคืนนี้ 16 กย. 61 เราได้รับโทรศัพน์ตอน ตีหนึ่งกว่าๆ บอกว่าน้องหยุดหายใจ กำลังช่วยอยู่ เราบอกหมอว่าช่วยน้องให้ได้นะ เราวางหูพร้อมกับใจที่ล่องลอย อีกประมาณชั่วโมงให้หลังมีเสียงโทรศัพน์อีกครั้ง เสียงปลายสายทำลายหัวใจเรา มันเจ็บปวด มันทรมาน เสียงนั่นบอกมาว่า น้องไม่ไหว น้องไปแล้ว เสียใจด้วย เราร้องไห้ไม่ออก มันเคว้งไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น
เราไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆน้องก้อหยุดหายใจ ทั้งๆที่ 3 คืนแรกน้องสู้มาก ทำไมอยู่ๆ น้องก้อทิ้งเราไป
เราเอาน้องไปฝากวันอาทิตย์ ที่ 9 น้องผ่าวันที่ 12 เราก้อคิดว่าให้น้องพักที่รพส. จนถึงวันที่ 16 เราจะไปรับน้องกลับบ้าน ใช่เราได้รับน้องกลับบ้านแบบไม่มีลมหายใจ
น้องจากเราไปแล้ว เรารู้สึกผิดมากที่พาเค้าไปผ่าตัด เหมือนเราพาน้องไปตาย เราไม่รู้จะขอโทษเค้ายังไง เราไม่รู้จะแก้ไขความตายที่เราหยิบยื่นให้เค้ายังไง
ต้องขอโทษที่พิมเยอะ และข้อมูลอาจไม่กระชับ อ่านแล้วอาจไม่สนุกไม่ถูกใจใครหลายๆคน แต่เราขอเขียนเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าเราจะรักและคิดถึงเค้าตลอดไป ลาก่อนลูกชายหน้าขนของแม่ ขอให้น้องไปสู่ภพภูมิที่ดี หากเกิดอีกอย่าได้เจ็บได้ป่วยอย่าได้มีโรคประจำตัว
เรารู้สึกว่าเราส่งน้องหมาไปเสียชีวิต
วันแรกในวันที่น้องผ่า คุณหมอโทรมาแจ้งว่า น้องหัวใจหยุดเต้นตอนผ่าตัด หมอพยายามช่วยอยู่ เราตกใจมาก รีบไปรพส. เพื่อดูน้องโชคดีที่หมอปั๊มน้องคืนมาได้ แต่น้องไม่รู้สึกตัว
วันที่สอง น้องไม่รู้ตัวเนื่องจากเมื่อน้องเริ่มตื่น น้องมีอาการชัก เลยต้องให้ยากันชัก ใส่ท่อหายใจช่วย หัวใจเต้นดี ปริมาณออกซิเจนเพียงพอ
เราไปเยี่ยมน้องทุกวันค่ะ วันละ 2 -3 ครั้ง ไปนั่งจนหมดเวลาเยี่ยม นั่งดูไปร้องให้ไป
วันที่สาม. หมอลดปริมาณยากันชักลง เราเริ่มเห็นน้องขยับเขยื้อนตัวบ้าง แต่ยังไม่ได้สติ 100% ถอดท่อหายใจออกแล้วเพราะน้องเริ่มเคี้ยวท่อ แต่ยังหายใจลำบากเพราะมีเสมหะเยอะ หมอติดเครื่องตรวจวัดออกซิเจน และเครื่องวัดการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ช่วงเย็นเราแวะไปเยี่ยมน้องอีก น้องเริ่มยกหัวได้ วันนี้เรายิ้มออก มีความหวังว่าน้องจะได้กลับบ้าน
คืนนี้เป็นคืนแรกที่เราได้นอนแบบมีความหวัง
วันที่สี่ เราไปเยี่ยมน้องตามเคย น้องยกหัวหันหัวตามเสียงเรา ใจเราพองโตมาก ความหวังที่จะพาน้องกลับไปดูแลที่บ้านมันเพิ่มมากขึ้น วันนี้มีใส่ท่อหายใจช่วงนึงแล้วก้อเอาออกเพราะน้องเคี้ยวท่อ เราทำใจว่าแม้น้องจะกลับมาในสภาพไม่ 100 % (สมองน้องอาจขาดออกซิเจนช่วงที่หัวใจหยุดเต้น เมื่อทดสอบการรับรู้ ม่านตายังตอบสนองต่อแสง เมื่อเอานิ้วไปใกล้หัวตาน้องกระพริบตา) แต่เราก้อยังดีใจที่เราจะมีโอกาสได้ดูแลน้องอยู่ อาการน้องดูดีกว่าวันแรกๆมากเราเริ่มสบายใจ จึงกลับบ้าน และมาเยี่ยมน้องอีกตอนเย็น น้องก้อยังดูดีเหมือนเมื่อกลางวัน ตอน 2 ทุ่มมีพ่นยาขยายหลอดลม ไม่ได้ใส่ท่อหายใจแล้ว ก้อหายใจแบบลำบากนิดๆ และยังติดเครื่องมอนิเตอร์อยู่ เราอยู่กับน้องจนเกือบสามทุ่มครึ่ง เราจึงกลับบ้าน
ทุกคืนที่ผ่านมาเรานอนผวาเสียงโทรศัพน์ ทุกคืน จนคืนนี้ 16 กย. 61 เราได้รับโทรศัพน์ตอน ตีหนึ่งกว่าๆ บอกว่าน้องหยุดหายใจ กำลังช่วยอยู่ เราบอกหมอว่าช่วยน้องให้ได้นะ เราวางหูพร้อมกับใจที่ล่องลอย อีกประมาณชั่วโมงให้หลังมีเสียงโทรศัพน์อีกครั้ง เสียงปลายสายทำลายหัวใจเรา มันเจ็บปวด มันทรมาน เสียงนั่นบอกมาว่า น้องไม่ไหว น้องไปแล้ว เสียใจด้วย เราร้องไห้ไม่ออก มันเคว้งไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น
เราไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆน้องก้อหยุดหายใจ ทั้งๆที่ 3 คืนแรกน้องสู้มาก ทำไมอยู่ๆ น้องก้อทิ้งเราไป
เราเอาน้องไปฝากวันอาทิตย์ ที่ 9 น้องผ่าวันที่ 12 เราก้อคิดว่าให้น้องพักที่รพส. จนถึงวันที่ 16 เราจะไปรับน้องกลับบ้าน ใช่เราได้รับน้องกลับบ้านแบบไม่มีลมหายใจ
น้องจากเราไปแล้ว เรารู้สึกผิดมากที่พาเค้าไปผ่าตัด เหมือนเราพาน้องไปตาย เราไม่รู้จะขอโทษเค้ายังไง เราไม่รู้จะแก้ไขความตายที่เราหยิบยื่นให้เค้ายังไง
ต้องขอโทษที่พิมเยอะ และข้อมูลอาจไม่กระชับ อ่านแล้วอาจไม่สนุกไม่ถูกใจใครหลายๆคน แต่เราขอเขียนเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำว่าเราจะรักและคิดถึงเค้าตลอดไป ลาก่อนลูกชายหน้าขนของแม่ ขอให้น้องไปสู่ภพภูมิที่ดี หากเกิดอีกอย่าได้เจ็บได้ป่วยอย่าได้มีโรคประจำตัว