จขกท. นำเรื่องราวสุดปวดใจที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมาลงพันทิพเพราะต้องการเล่าเรื่องราวที่อาจเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์กับผู้รักและมีจิตเมตตาต่อสัตว์เลี้ยงทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ เพื่อขอให้ทุกท่านช่วยแบ่งปันประสบการณ์ที่ตนเคยพบ และขอคำแนะนำด้วยค่ะ ควรจะทำอย่างไรดีกับเคสทั้งสอง และที่ตั้งใจจะทำนั้น ดีแล้ว ชอบแล้วหรือไม่ เพราะตอนนี้ครอบครัวมีทุกข์มาก ๆ
เรื่องมีอยู่ว่า...
น้องแมวพันธุ์ผสมเปอร์เซียของจขกท.ป่วยเป็นลูคีเมีย แน่นอนต้องให้เลือด เนื่องจากค่าเลือดของน้องลดลงจาก 10 เศษ ๆ ในวันที่ 20 ก.ค. เหลือเพียง 9 เศษ ๆ ในวันที่ 22 ก.ค. คุณหมอเจ้าของไข้แนะนำให้น้องได้รับเลือด ยิ่งเร็วยิ่งดี พี่ชายจขกท.เลี้ยงแมวไว้ที่บ้าน จึงนำแมวเตรียมไว้ตรวจเลือดตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. แต่ปรากฏว่า ค่าไตน้องสูง ไม่สามารถให้เลือดได้ และต้องล้างไตให้ค่าไตลดด้วย คุณหมอบอกว่า ให้ลองหาตัวอื่นมาช่วยดีกว่า
จขกท. มีแมวที่บ้านอีกสองตัว ตัวนึง เป็นตัวที่ไม่อยู่ในบ้านเลย เที่ยวเล่นทั้งวัน เล่นกันไปมาหนักเข้าบางทีก็กัดน้องแมวเปอร์เซียก่อนที่น้องเค้าจะเริ่มแสดงอาการซึม และอาเจียนจนมารู้เอาทีหลังว่าเค้าเป็นลูคีเมีย เราจึงกลัวไม่กล้านำตัวนี้ไปเจาะเลือด แม้ว่าเค้าจะสมบูรณ์ เพราะแนวโน้มพฤติกรรมไม่ใช่ผู้บริจาคเลือดที่เหมาะสม ส่วนอีกตัวเป็นแมวพิการขาหลัง ที่ต้องบีบฉี่อึ พี่ชายจขกท.ช่วยไว้เมื่อปีที่แล้ว น้องถูกรถชนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็รอดมาได้และนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านจขกท. เนื่องจากมีพ่อแม่คอยดูแล น้องอยู่ในบ้านตลอด แข็งแรงสมบูรณ์มาก กลายเป็นดาวเด่นของบ้านไปเลย แต่เนื่องทางบ้านไม่อยากรบกวนผู้อื่น ก่อนที่จะใช้ตัวช่วยของตัวเองก่อน พ่อจึงตัดสินใจว่าจะให้น้องพิการช่วยชีวิตน้องเปอร์เซีย แต่แม่ไม่เห็นด้วยเลยเพราะสงสารน้องซึ่งพิการอยู่แล้ว เราเป็นคนกลาง เราต้องช่วยตัดสินใจ แต่เราก็เลือกว่า ใช้ตัวช่วยของตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย เราไม่รู้เลยว่าจะหาผู้บริจาคได้เมื่อไหร่ โดยที่เราไม่รู้เลยว่า การตัดสินใจครั้งนั้นเหมือนเป็นการตัดสินประหารชีวิตน้องเค้า และครอบครัวเรากำลังจะเอาชีวิตหนึ่งไปแลกอีกชีวิตหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะยืนยาวที่นานเท่าใด
วันที่ 22 ก.ค. 2559
เนื่องจากค่าไตของน้องแมวพี่ชายหลังจากล้างไตแล้วก็ยังสูงไม่สามารถให้เลือดได้ คุณหมอที่รพส.แถวเกษตร นวมินทร์ ที่เรานำน้องไปรักษาก็บอกว่าควรจะหาตัวอื่นได้แล้ว คุณพ่อจึงไปรับน้องแมวพิการที่บ้านมาตรวจเลือด และค่าไต ทุกอย่างปกติ เลือดแมทช์กับน้องเปอร์เซียด้วย น้ำหนัก 4.9 โล อย่างไรก็ตามอาจจำเป็นต้องให้เลือดเพิ่ม เพราะค่าเลือดน้องแมวเปอร์เซียต่ำมาก การให้เลือดครั้งนี้อาจไม่ทำให้ค่าเลือดของอยู่ในระดับปกติ เมือ่ได้ยินดังนี้ จขกท.จึงเริ่มกระบวนการโพสต์หาแมวผู้บริจาคเพิ่มในโลกสังคมออนไลน์ ส่วนกระบวนการให้เลือดครั้งแรกก็เกิดขึ้น น้องแมวพิการได้รับการวางยาสลบ โกนคอ เจาะคอให้เลือด
ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง พอได้หลอดที่ 3 เพียงพอสำหรับให้เลือดแล้ว น้องแมวพิการเกิดอาการช็อค ต้องปั๊มหัวใจ ขึ้นมา ตอนนั้นจขกท.หัวใจสลายไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ คุณหมอบอกว่า การแพ้ยาสลบเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับน้องแมวผู้บริจาคเลือดตัวนี้
อนึ่ง ตอนน้องแมวพิการถูกปลุกให้ฟื้นจากหัวใจหยุดเต้น จขกท.ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใจบุญที่มีแมวที่เคยให้บริจาคเลือดสองครั้งแล้ว คุณแม่ของน้องแมวผู้บริจาคเลือดแสดงความจำนงบริจาคเลือดประสงค์จะให้เลือดที่ รพส.เกษตร จขกท. ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้ร้องไห้ คิดโทษตัวเองตลอดว่า ทำไมใจร้อนเกินไป หากรอเวลาให้น้องแมวลูคีเมียสู้ด้วยตัวเองไปอีกนิด เหตุการณ์ปวดใจนี้ อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ อารมณ์ตอนนั้นคือจะดราม่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
1 ทุ่ม น้องมีอาการหายใจหอบด้วยช่องท้องต่อด้วยอาการชัก ฉีดยาลดสมองบวม mannitol 20% ฉีดยาต้านอนุมูลอิสระ ให้น้ำเกลือ
หลังจากได้รับความช่วยเหลือมีอาการหายใจต้านเครื่องช่วยหายใจเป็นระยะ ตอบสนองดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งม่านตา และหู
ห้าทุ่ม หมดเวลาเยี่ยม คุณหมอถอดท่อช่วยหายใจ น้องหายใจได้เอง ย้ายไปอยู่ในตู้ออกซิเจน ยังไม่ได้สติ
วันที่ 23 ก.ค. 2559
ตี 2 คุณหมอให้ยาลดสมองบวมอีกครั้ง น้องอยู่ในตู้ออกซิเจน หายใจได้เองแต่ยังไม่ได้สติ
ประมาณบ่ายโมงครึ่งถึงบ่ายสองโมง หลังจขกท.ไปเยี่ยมน้องเกิดอาการชักอีกครั้ง หัวใจหยุดเต้น หมอปั๊มหัวใจช่วยครั้งที่สอง คราวนี้น้องการตอบสนองทุกอย่างช้าลง ต้องกลับมาใส่ท่อช่วยหายใจ ฉีดยากระตุ้นหัวใจหลายเข็มมาก ทุก 5-15นาที จนน้องมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบ่อยครั้งจนเราต้องบอกให้หมอหยุดฉีดเถอะ แต่น้องก้อยังสู้ แม้หัวใจจะค่อย ๆ เต้นช้าและเบาลง เราสวดมนต์บทปลงสังขารให้น้องแล้วตอนนั้น
แต่เชื่อไม๊คุณหมอบอกว่าแม้ว่าฤทธิ์ยากระตุ้นหัวใจจะหมดแล้ว น้องก็ยังหัวใจเต้น จมูกชมพูเหมือนปกติเลย
ประมาณหนึ่งทุ่ม หมอให้ยาลดสมองบวมอีกครั้ง ฉีดยาต้านอนุมูลอิสระ ให้น้ำเกลือ น้องไม่ได้สติ แม้ว่าจะอยู่ด้วยท่อช่วยหายใจและไม่มีสัญญาณหายใจต้านเครื่องด้วยตัวเองแล้ว แต่สัญญาณหัวใจ และจังหวะการเต้นดีกว่าช่วงบ่ายที่ต้องฉีดยากระตุ้นเสียอีก น้องสู้มาก ๆ เค้าเป็นฮีโร่ของน้องเปอร์เซียจริง ๆ
สี่ทุ่มเศษ ๆ หลัง จขกท. สวดมนต์ แผ่เมตตาให้น้องพิการฟังสวดมนต์ แผ่เมตตา และครอบครัวจขกท.ก็กลับบ้าน พร้อมความหนักอึ้งของจิตใจอีกหนึ่งวัน ร้องไห้กันจนไม่มีจะให้ร้องแล้ว
24 ก.ค. 2559
7 โมงเข้า โทรไปถามอาการหมอน้องยังหัวใจเต้นปกติ แม้ว่าต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ไม่มีสติเหมือนเดิม ส่วนน้องแมวให้เลือดไม่มีไข้ อาการทรง กินอาหารได้
ระหว่างนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่า ปาฏิหารย์เท่านั้นที่จะช่วยให้น้องพิการเค้ากลับมาอยู่กับครอบครัว จขกท. ยังเลือกที่จะไม่ถอดท่อช่วยหายใจ เพราะไม่อยากทำบาปกับชีวิตเค้าอีก ชีวิตใคร ใครก็รัก ถ้าเค้ายังสู้ เราก็จะสู้ แต่ยอมรับว่าค่ารักษาน้องพิการเค้าไม่น้อยจริง ๆ ตกวันละประมาณ 3000-4000 บาท นี่ไม่นับน้องเปอร์เซียที่ต้องดูอาการหลังให้เลือดอีก 3 วันก่อน ตอนนี้ น้องไม่มีไข้ อาหารทานได้ และยังไม่แสดงอาการแพ้เลือด
ช่วงบ่ายวันนี้ จะไปดูอาการน้องทั้งคู่อีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง จะมารายงานเพิ่มเติม แต่ตอนนี้มองไปข้างหน้าเหมือนกันว่า หากน้องเปอร์เซียจำเป็นต้องให้เลือดอีกคราวหน้า จะไปที่ รพส.เกษตร ตามที่ผู้บริจาคเลือดประสงค์ ไม่รู้ว่าจะซื้อเวลาให้น้องเค้าได้อีกนานแค่ไหน แต่ก็จะทำ แต่จะไม่เอาชีวิตมาแลกชีวิตอย่างนี้อีกแน่นอน
แชร์ประสบการณ์สุดเจ็บปวดของน้องแมวผู้บริจาคเลือดแต่กลับต้องมาโคม่า
เรื่องมีอยู่ว่า...
น้องแมวพันธุ์ผสมเปอร์เซียของจขกท.ป่วยเป็นลูคีเมีย แน่นอนต้องให้เลือด เนื่องจากค่าเลือดของน้องลดลงจาก 10 เศษ ๆ ในวันที่ 20 ก.ค. เหลือเพียง 9 เศษ ๆ ในวันที่ 22 ก.ค. คุณหมอเจ้าของไข้แนะนำให้น้องได้รับเลือด ยิ่งเร็วยิ่งดี พี่ชายจขกท.เลี้ยงแมวไว้ที่บ้าน จึงนำแมวเตรียมไว้ตรวจเลือดตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. แต่ปรากฏว่า ค่าไตน้องสูง ไม่สามารถให้เลือดได้ และต้องล้างไตให้ค่าไตลดด้วย คุณหมอบอกว่า ให้ลองหาตัวอื่นมาช่วยดีกว่า
จขกท. มีแมวที่บ้านอีกสองตัว ตัวนึง เป็นตัวที่ไม่อยู่ในบ้านเลย เที่ยวเล่นทั้งวัน เล่นกันไปมาหนักเข้าบางทีก็กัดน้องแมวเปอร์เซียก่อนที่น้องเค้าจะเริ่มแสดงอาการซึม และอาเจียนจนมารู้เอาทีหลังว่าเค้าเป็นลูคีเมีย เราจึงกลัวไม่กล้านำตัวนี้ไปเจาะเลือด แม้ว่าเค้าจะสมบูรณ์ เพราะแนวโน้มพฤติกรรมไม่ใช่ผู้บริจาคเลือดที่เหมาะสม ส่วนอีกตัวเป็นแมวพิการขาหลัง ที่ต้องบีบฉี่อึ พี่ชายจขกท.ช่วยไว้เมื่อปีที่แล้ว น้องถูกรถชนแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็รอดมาได้และนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านจขกท. เนื่องจากมีพ่อแม่คอยดูแล น้องอยู่ในบ้านตลอด แข็งแรงสมบูรณ์มาก กลายเป็นดาวเด่นของบ้านไปเลย แต่เนื่องทางบ้านไม่อยากรบกวนผู้อื่น ก่อนที่จะใช้ตัวช่วยของตัวเองก่อน พ่อจึงตัดสินใจว่าจะให้น้องพิการช่วยชีวิตน้องเปอร์เซีย แต่แม่ไม่เห็นด้วยเลยเพราะสงสารน้องซึ่งพิการอยู่แล้ว เราเป็นคนกลาง เราต้องช่วยตัดสินใจ แต่เราก็เลือกว่า ใช้ตัวช่วยของตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย เราไม่รู้เลยว่าจะหาผู้บริจาคได้เมื่อไหร่ โดยที่เราไม่รู้เลยว่า การตัดสินใจครั้งนั้นเหมือนเป็นการตัดสินประหารชีวิตน้องเค้า และครอบครัวเรากำลังจะเอาชีวิตหนึ่งไปแลกอีกชีวิตหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะยืนยาวที่นานเท่าใด
วันที่ 22 ก.ค. 2559
เนื่องจากค่าไตของน้องแมวพี่ชายหลังจากล้างไตแล้วก็ยังสูงไม่สามารถให้เลือดได้ คุณหมอที่รพส.แถวเกษตร นวมินทร์ ที่เรานำน้องไปรักษาก็บอกว่าควรจะหาตัวอื่นได้แล้ว คุณพ่อจึงไปรับน้องแมวพิการที่บ้านมาตรวจเลือด และค่าไต ทุกอย่างปกติ เลือดแมทช์กับน้องเปอร์เซียด้วย น้ำหนัก 4.9 โล อย่างไรก็ตามอาจจำเป็นต้องให้เลือดเพิ่ม เพราะค่าเลือดน้องแมวเปอร์เซียต่ำมาก การให้เลือดครั้งนี้อาจไม่ทำให้ค่าเลือดของอยู่ในระดับปกติ เมือ่ได้ยินดังนี้ จขกท.จึงเริ่มกระบวนการโพสต์หาแมวผู้บริจาคเพิ่มในโลกสังคมออนไลน์ ส่วนกระบวนการให้เลือดครั้งแรกก็เกิดขึ้น น้องแมวพิการได้รับการวางยาสลบ โกนคอ เจาะคอให้เลือด
ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง พอได้หลอดที่ 3 เพียงพอสำหรับให้เลือดแล้ว น้องแมวพิการเกิดอาการช็อค ต้องปั๊มหัวใจ ขึ้นมา ตอนนั้นจขกท.หัวใจสลายไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ คุณหมอบอกว่า การแพ้ยาสลบเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับน้องแมวผู้บริจาคเลือดตัวนี้
อนึ่ง ตอนน้องแมวพิการถูกปลุกให้ฟื้นจากหัวใจหยุดเต้น จขกท.ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใจบุญที่มีแมวที่เคยให้บริจาคเลือดสองครั้งแล้ว คุณแม่ของน้องแมวผู้บริจาคเลือดแสดงความจำนงบริจาคเลือดประสงค์จะให้เลือดที่ รพส.เกษตร จขกท. ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้ร้องไห้ คิดโทษตัวเองตลอดว่า ทำไมใจร้อนเกินไป หากรอเวลาให้น้องแมวลูคีเมียสู้ด้วยตัวเองไปอีกนิด เหตุการณ์ปวดใจนี้ อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ อารมณ์ตอนนั้นคือจะดราม่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
1 ทุ่ม น้องมีอาการหายใจหอบด้วยช่องท้องต่อด้วยอาการชัก ฉีดยาลดสมองบวม mannitol 20% ฉีดยาต้านอนุมูลอิสระ ให้น้ำเกลือ
หลังจากได้รับความช่วยเหลือมีอาการหายใจต้านเครื่องช่วยหายใจเป็นระยะ ตอบสนองดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งม่านตา และหู
ห้าทุ่ม หมดเวลาเยี่ยม คุณหมอถอดท่อช่วยหายใจ น้องหายใจได้เอง ย้ายไปอยู่ในตู้ออกซิเจน ยังไม่ได้สติ
วันที่ 23 ก.ค. 2559
ตี 2 คุณหมอให้ยาลดสมองบวมอีกครั้ง น้องอยู่ในตู้ออกซิเจน หายใจได้เองแต่ยังไม่ได้สติ
ประมาณบ่ายโมงครึ่งถึงบ่ายสองโมง หลังจขกท.ไปเยี่ยมน้องเกิดอาการชักอีกครั้ง หัวใจหยุดเต้น หมอปั๊มหัวใจช่วยครั้งที่สอง คราวนี้น้องการตอบสนองทุกอย่างช้าลง ต้องกลับมาใส่ท่อช่วยหายใจ ฉีดยากระตุ้นหัวใจหลายเข็มมาก ทุก 5-15นาที จนน้องมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบ่อยครั้งจนเราต้องบอกให้หมอหยุดฉีดเถอะ แต่น้องก้อยังสู้ แม้หัวใจจะค่อย ๆ เต้นช้าและเบาลง เราสวดมนต์บทปลงสังขารให้น้องแล้วตอนนั้น
แต่เชื่อไม๊คุณหมอบอกว่าแม้ว่าฤทธิ์ยากระตุ้นหัวใจจะหมดแล้ว น้องก็ยังหัวใจเต้น จมูกชมพูเหมือนปกติเลย
ประมาณหนึ่งทุ่ม หมอให้ยาลดสมองบวมอีกครั้ง ฉีดยาต้านอนุมูลอิสระ ให้น้ำเกลือ น้องไม่ได้สติ แม้ว่าจะอยู่ด้วยท่อช่วยหายใจและไม่มีสัญญาณหายใจต้านเครื่องด้วยตัวเองแล้ว แต่สัญญาณหัวใจ และจังหวะการเต้นดีกว่าช่วงบ่ายที่ต้องฉีดยากระตุ้นเสียอีก น้องสู้มาก ๆ เค้าเป็นฮีโร่ของน้องเปอร์เซียจริง ๆ
สี่ทุ่มเศษ ๆ หลัง จขกท. สวดมนต์ แผ่เมตตาให้น้องพิการฟังสวดมนต์ แผ่เมตตา และครอบครัวจขกท.ก็กลับบ้าน พร้อมความหนักอึ้งของจิตใจอีกหนึ่งวัน ร้องไห้กันจนไม่มีจะให้ร้องแล้ว
24 ก.ค. 2559
7 โมงเข้า โทรไปถามอาการหมอน้องยังหัวใจเต้นปกติ แม้ว่าต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ไม่มีสติเหมือนเดิม ส่วนน้องแมวให้เลือดไม่มีไข้ อาการทรง กินอาหารได้
ระหว่างนี้ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่า ปาฏิหารย์เท่านั้นที่จะช่วยให้น้องพิการเค้ากลับมาอยู่กับครอบครัว จขกท. ยังเลือกที่จะไม่ถอดท่อช่วยหายใจ เพราะไม่อยากทำบาปกับชีวิตเค้าอีก ชีวิตใคร ใครก็รัก ถ้าเค้ายังสู้ เราก็จะสู้ แต่ยอมรับว่าค่ารักษาน้องพิการเค้าไม่น้อยจริง ๆ ตกวันละประมาณ 3000-4000 บาท นี่ไม่นับน้องเปอร์เซียที่ต้องดูอาการหลังให้เลือดอีก 3 วันก่อน ตอนนี้ น้องไม่มีไข้ อาหารทานได้ และยังไม่แสดงอาการแพ้เลือด
ช่วงบ่ายวันนี้ จะไปดูอาการน้องทั้งคู่อีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง จะมารายงานเพิ่มเติม แต่ตอนนี้มองไปข้างหน้าเหมือนกันว่า หากน้องเปอร์เซียจำเป็นต้องให้เลือดอีกคราวหน้า จะไปที่ รพส.เกษตร ตามที่ผู้บริจาคเลือดประสงค์ ไม่รู้ว่าจะซื้อเวลาให้น้องเค้าได้อีกนานแค่ไหน แต่ก็จะทำ แต่จะไม่เอาชีวิตมาแลกชีวิตอย่างนี้อีกแน่นอน