ยิ่งลักษณ์กระอัก! พณ.ตอกฝาโลงจำนำข้าว 'เสียหายตั้งแต่คิด-ขาดทุนตั้งแต่ตันแรก'
10 ก.ย.61 นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่รัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาบริหารประเทศ ภาครัฐได้ระบายข้าวค้างสต็อกจำนวนมหาศาลจากโครงการรับจำนำของรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง หลักเกณฑ์ และขั้นตอนดำเนินการที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรมเท่าเทียมกันในทุกกรณี โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและผลกระทบต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวไทยในทุกมิติ
นายอดุลย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังจัดกลุ่มการระบายอย่างชัดเจน เริ่มต้นจากการระบายแบบทั่วไปที่คนบริโภคได้ จนถึงที่สุดคนกินไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี (สิงหาคม 2557-กันยายน 2561) ที่กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ และเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ได้ระบายข้าวจำนวนมหาศาลในสต็อกของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ นบข. ให้ความเห็นชอบมาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่มีผู้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายจากการระบายข้าวในสต็อกของรัฐนั้น นายอดุลย์ กล่าวว่า ในข้อเท็จจริง ความเสียหายต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวไทยได้เกิดมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมาได้ตัดสินใจดำเนินโครงการรับจำนำแล้ว เพราะเมื่อเริ่มระบายข้าวตันแรกก็ขาดทุนแล้วเนื่องจากต้นทุนที่รับจำนำข้าวไม่สอดคล้องกับระดับราคาข้าวในตลาด ซึ่งเป็นภาระที่คนไทยทั้งประเทศต้องแบกรับต่อมา
“รัฐบาลปัจจุบันจึงต้องรีบเข้ามาแก้ไข และบรรเทาความเสียหายไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ โดยเร่งรัดระบายข้าวจำนวนนี้ออกจากสต็อก เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศซึ่งมาจากเงินภาษีของประชาชน แต่ในขณะเดียวกันต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดปัญหาสต็อกข้าวที่รัฐระบายออกไปกดทับตลาดและกระทบต่อราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรจะได้รับ”นายอดุลย์ กล่าว
นอกจากนี้ต้องเป็นการระบายที่รับผิดชอบตลาดในภาพรวมและผู้บริโภค ไม่ให้ข้าวที่เสื่อมคุณภาพเข้าไปปะปนกับข้าวบริโภค ซึ่งจะกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทย ซึ่งจะเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เน้นย้ำอีกครั้งว่าหลักการระบายข้าวในสต็อกของรัฐที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อตลาดที่คำนึงถึงประโยชน์ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อข้าวไทยทั้งระบบ โดยที่ผ่านมาหลังจากที่รัฐได้นำข้าวบริโภคออกมาประมูลขายให้มากที่สุดแล้วแต่ก็ยังพบว่ามีข้อจำกัดของตลาดที่จะรองรับ และปัญหาการคัดแยกกองข้าวขายตามคุณภาพซึ่งไม่คุ้มกับระยะเวลาและต้นทุนค่าใช้จ่าย
ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องปรับแนวทางการระบายโดยแยกข้าวออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อแยกตลาดให้ชัดเจน และขายแบบยกคลัง โดยภาครัฐไม่สามารถปล่อยให้มีการนำข้าวเสื่อมคุณภาพไปขายในตลาดปกติได้ ซึ่งจะกระทบต่อชื่อเสียง ความเชื่อมั่น ความเชื่อถือในคุณภาพข้าวไทย และเกิดวงจรการกดราคาข้าวในตลาดปกติต่อไปอีก
“ในส่วนประเด็นความรับผิดชอบของบริษัทเซอร์เวย์และเจ้าของคลัง ซึ่งมีหน้าที่ส่งมอบข้าวที่มีคุณภาพมาตรฐานทุกกระสอบตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญารับมอบข้าวเข้าคลัง หากพบว่ามีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามสัญญา ก็จะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมาย ซึ่งหากมีประเด็นข้อโต้แย้งก็สามารถใช้สิทธิชี้แจงหลักฐานข้อเท็จตามกระบวนการยุติธรรมได้อยู่แล้ว อีกทั้งภาครัฐได้สื่อสารให้สังคมรับทราบการดำเนินการของรัฐในทุกขั้นตอนมาโดยตลอดจึงไม่ทราบเหตุผลในการออกมาให้ข้อมูลสร้างกระแสบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดเช่นนี้”นายอดุลย์ กล่าว
http://www.naewna.com/business/363270
ลากไส้ข้าวเน่ายุคปู!จ่ายค่าเช่าโกดังอ้วกแตก เบ็ดเสร็จเกือบแสนล้าน
10 ก.ย.61 นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภารกิจการระบายข้าวตลอดกว่า 4 ปีที่ผ่านมาจากปริมาณตรวจสอบตัวเลขทางบัญชีของหน่วยงานที่เก็บข้าวในสตอกทั้งองค์การคลังสินค้า ( อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) มีสูงถึง 18.7 ล้านตัน แต่มีการจัดทีมลงตรวจสอบสตอกข้าวทั่วประเทศ พบตัวเลขข้าวที่มีอยู่จริง 17.76 ล้านตัน ทำให้มีส่วนต่างทางบัญชีหายไปกว่า 940,000 ตัน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.)
นายอดุลย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ทำให้ปริมาณการระบายข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ เริ่มที่ 17.76 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้มีภาระผูกพันกับการขายข้าวของรัฐบาลที่แล้วประมาณ 850,000 ตัน ทยอยส่งมอบทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้มีการรายงานตัวเลขของมูลค่าตรงนี้ให้กรมการค้าต่างประเทศ ดังนั้นกรมฯ สามารถระบายผ่านการประมูลได้ทั้งหมดรวม 32 ครั้ง ปริมาณ 16 .91 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าส่งกลับคืนคลัง 146,176 ล้านบาท และภาครัฐมีภาระต้องจ่ายค่าเช่าโกดังเก็บฝากข้าวตลอดที่ผ่านมาสูงถึง 93,600 ล้านบาท โดยไม่ได้รวมตัวเลขขาดทุนจากจำนวนข้าว ทำให้เมื่อหยุดการระบายข้าวส่งผลให้หยุดค่าเช่าโกดังไปโดยอัตโนมัติ
นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า ปริมาณข้าวที่ทำสัญญาก่อนส่งมอบดำเนินการไปแล้วกว่า 15.9 ล้านตัน แต่มีการรับมอบไปเพียง 12.6 ล้านตัน ยังเหลือไม่รับมอบอีกประมาณ 2.99 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเพื่อบริโภคประมาณ 65 0,000 ตัน ที่เหลือเป็นข้าวกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 รวมกัน หากไม่มีการรับมอบตามสัญญาที่กำหนดอาจจะต้องมีการนำกลับมาประมูลใหม่อีกครั้ง
“ดังนั้นถือได้ว่ากรมการค้าต่างประเทศ สามารถระบายสตอกข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาจบแล้ว ส่วนจะนำข้าวที่อยู่ระหว่างเจรจาส่งมอบเพิ่มหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณา แต่ในส่วนนี้ภาครัฐไม่ต้องดูแลเรื่องของค่าเช่าโกดัง เพราะถือว่าได้มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวไปแล้ว”นายอดุลย์ กล่าวย้ำ
http://www.naewna.com/business/363249
เรื่องที่ทุกคนไม่ควรลืม อย่าให้ใครบิดเบือนได้อีกค่ะ
ตอกย้ำกันให้ชัดๆ ก่อนเลือกตั้ง
⛰~มาลาริน~ปูกระอัก! พณ.ตอกจำนำข้าว 'เสียหายตั้งแต่คิด-ขาดทุนตั้งแต่ตันแรก' จ่ายค่าเช่าโกดังอ้วกแตก เบ็ดเสร็จเกือบแสนตัน
ยิ่งลักษณ์กระอัก! พณ.ตอกฝาโลงจำนำข้าว 'เสียหายตั้งแต่คิด-ขาดทุนตั้งแต่ตันแรก'
10 ก.ย.61 นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่รัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาบริหารประเทศ ภาครัฐได้ระบายข้าวค้างสต็อกจำนวนมหาศาลจากโครงการรับจำนำของรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง หลักเกณฑ์ และขั้นตอนดำเนินการที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรมเท่าเทียมกันในทุกกรณี โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและผลกระทบต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวไทยในทุกมิติ
นายอดุลย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังจัดกลุ่มการระบายอย่างชัดเจน เริ่มต้นจากการระบายแบบทั่วไปที่คนบริโภคได้ จนถึงที่สุดคนกินไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี (สิงหาคม 2557-กันยายน 2561) ที่กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ และเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ได้ระบายข้าวจำนวนมหาศาลในสต็อกของรัฐตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ นบข. ให้ความเห็นชอบมาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่มีผู้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสียหายจากการระบายข้าวในสต็อกของรัฐนั้น นายอดุลย์ กล่าวว่า ในข้อเท็จจริง ความเสียหายต่อระบบการผลิตและการค้าข้าวไทยได้เกิดมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมาได้ตัดสินใจดำเนินโครงการรับจำนำแล้ว เพราะเมื่อเริ่มระบายข้าวตันแรกก็ขาดทุนแล้วเนื่องจากต้นทุนที่รับจำนำข้าวไม่สอดคล้องกับระดับราคาข้าวในตลาด ซึ่งเป็นภาระที่คนไทยทั้งประเทศต้องแบกรับต่อมา
“รัฐบาลปัจจุบันจึงต้องรีบเข้ามาแก้ไข และบรรเทาความเสียหายไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ โดยเร่งรัดระบายข้าวจำนวนนี้ออกจากสต็อก เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศซึ่งมาจากเงินภาษีของประชาชน แต่ในขณะเดียวกันต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดปัญหาสต็อกข้าวที่รัฐระบายออกไปกดทับตลาดและกระทบต่อราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรจะได้รับ”นายอดุลย์ กล่าว
นอกจากนี้ต้องเป็นการระบายที่รับผิดชอบตลาดในภาพรวมและผู้บริโภค ไม่ให้ข้าวที่เสื่อมคุณภาพเข้าไปปะปนกับข้าวบริโภค ซึ่งจะกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทย ซึ่งจะเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เน้นย้ำอีกครั้งว่าหลักการระบายข้าวในสต็อกของรัฐที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อตลาดที่คำนึงถึงประโยชน์ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อข้าวไทยทั้งระบบ โดยที่ผ่านมาหลังจากที่รัฐได้นำข้าวบริโภคออกมาประมูลขายให้มากที่สุดแล้วแต่ก็ยังพบว่ามีข้อจำกัดของตลาดที่จะรองรับ และปัญหาการคัดแยกกองข้าวขายตามคุณภาพซึ่งไม่คุ้มกับระยะเวลาและต้นทุนค่าใช้จ่าย
ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องปรับแนวทางการระบายโดยแยกข้าวออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อแยกตลาดให้ชัดเจน และขายแบบยกคลัง โดยภาครัฐไม่สามารถปล่อยให้มีการนำข้าวเสื่อมคุณภาพไปขายในตลาดปกติได้ ซึ่งจะกระทบต่อชื่อเสียง ความเชื่อมั่น ความเชื่อถือในคุณภาพข้าวไทย และเกิดวงจรการกดราคาข้าวในตลาดปกติต่อไปอีก
“ในส่วนประเด็นความรับผิดชอบของบริษัทเซอร์เวย์และเจ้าของคลัง ซึ่งมีหน้าที่ส่งมอบข้าวที่มีคุณภาพมาตรฐานทุกกระสอบตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญารับมอบข้าวเข้าคลัง หากพบว่ามีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามสัญญา ก็จะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมาย ซึ่งหากมีประเด็นข้อโต้แย้งก็สามารถใช้สิทธิชี้แจงหลักฐานข้อเท็จตามกระบวนการยุติธรรมได้อยู่แล้ว อีกทั้งภาครัฐได้สื่อสารให้สังคมรับทราบการดำเนินการของรัฐในทุกขั้นตอนมาโดยตลอดจึงไม่ทราบเหตุผลในการออกมาให้ข้อมูลสร้างกระแสบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดเช่นนี้”นายอดุลย์ กล่าว
http://www.naewna.com/business/363270
ลากไส้ข้าวเน่ายุคปู!จ่ายค่าเช่าโกดังอ้วกแตก เบ็ดเสร็จเกือบแสนล้าน
10 ก.ย.61 นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภารกิจการระบายข้าวตลอดกว่า 4 ปีที่ผ่านมาจากปริมาณตรวจสอบตัวเลขทางบัญชีของหน่วยงานที่เก็บข้าวในสตอกทั้งองค์การคลังสินค้า ( อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) มีสูงถึง 18.7 ล้านตัน แต่มีการจัดทีมลงตรวจสอบสตอกข้าวทั่วประเทศ พบตัวเลขข้าวที่มีอยู่จริง 17.76 ล้านตัน ทำให้มีส่วนต่างทางบัญชีหายไปกว่า 940,000 ตัน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.)
นายอดุลย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ทำให้ปริมาณการระบายข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ เริ่มที่ 17.76 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้มีภาระผูกพันกับการขายข้าวของรัฐบาลที่แล้วประมาณ 850,000 ตัน ทยอยส่งมอบทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้มีการรายงานตัวเลขของมูลค่าตรงนี้ให้กรมการค้าต่างประเทศ ดังนั้นกรมฯ สามารถระบายผ่านการประมูลได้ทั้งหมดรวม 32 ครั้ง ปริมาณ 16 .91 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าส่งกลับคืนคลัง 146,176 ล้านบาท และภาครัฐมีภาระต้องจ่ายค่าเช่าโกดังเก็บฝากข้าวตลอดที่ผ่านมาสูงถึง 93,600 ล้านบาท โดยไม่ได้รวมตัวเลขขาดทุนจากจำนวนข้าว ทำให้เมื่อหยุดการระบายข้าวส่งผลให้หยุดค่าเช่าโกดังไปโดยอัตโนมัติ
นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า ปริมาณข้าวที่ทำสัญญาก่อนส่งมอบดำเนินการไปแล้วกว่า 15.9 ล้านตัน แต่มีการรับมอบไปเพียง 12.6 ล้านตัน ยังเหลือไม่รับมอบอีกประมาณ 2.99 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเพื่อบริโภคประมาณ 65 0,000 ตัน ที่เหลือเป็นข้าวกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 รวมกัน หากไม่มีการรับมอบตามสัญญาที่กำหนดอาจจะต้องมีการนำกลับมาประมูลใหม่อีกครั้ง
“ดังนั้นถือได้ว่ากรมการค้าต่างประเทศ สามารถระบายสตอกข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมาจบแล้ว ส่วนจะนำข้าวที่อยู่ระหว่างเจรจาส่งมอบเพิ่มหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณา แต่ในส่วนนี้ภาครัฐไม่ต้องดูแลเรื่องของค่าเช่าโกดัง เพราะถือว่าได้มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวไปแล้ว”นายอดุลย์ กล่าวย้ำ
http://www.naewna.com/business/363249
เรื่องที่ทุกคนไม่ควรลืม อย่าให้ใครบิดเบือนได้อีกค่ะ
ตอกย้ำกันให้ชัดๆ ก่อนเลือกตั้ง