[CR] Italy ♡ ตะลุยอิตาลีด้วยรถไฟหวานเย็น

เย้ กลับมาเจอกันอีกครั้งนึงแล้วววว เรากลับมาแล้วทุกคนกับการรีวิวริปท่องเที่ยวแบบบ้าระห่ำอีกครั้ง หลังจากที่เคยพาทุกคนไปเที่ยวที่ประเทศมอลต้า และเมืองบูดาเปส ประเทศฮังการี

Malta ♡ ประเทศเล็กๆที่เที่ยวเท่าไรก็ไม่พอ - https://ppantip.com/topic/36591267
Budapest, Hungary ♡ สวยที่สุดในยุโรปสมคำร่ำลือ - https://ppantip.com/topic/37690503

อย่างที่เห็นกันไปว่าหัวเรื่องก็จั่วมาแล้วว่าจะพาไปเที่ยวประเทศอิตาลีกัน ทริปนี้เราไปมาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (ที่ผ่านมา ใช่ค่ะ ไม่ใช่ปี 2018 แต่เป็นปี 2017) เรียกได้ว่าดองในดองในดองไปอีก กว่าจะได้ฤกษ์เขียนรีวิวก็ผ่านมาปีเต็มๆ รายละเอียดอะไรก็เริ่มเลือนหายหมดแล้ว ครั้งนี้อาจจะไม่ได้รีวิวละเอียดถึงที่พัก ตั๋วเครื่องบิน หรืออาหารทุกมื้อแบบที่เคยทำมา เพราะอิชั้นลืมค่ะ แต่ก็จะพยายาม recall กลับมาให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้งนี้เราไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะไปแค่เมืองเดียวอย่างบูดาเปส หรือประเทศเล็กอย่างมอลต้า แต่ว่าเราไปประเทศอิตาลี ล่องลงมาตั้งแต่เหนือลงใต้ ตั้งแต่เมือง Turin (ตูริน) ไปจบทริปที่เมือง Rome (โรม) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี บอกเลยว่าเป็นทริปที่แหลกแหกสะบั้นมาก


ถ้าใครเคยติดตาม มอลต้าจะมีแค่เราและ B1 B2 บูดาเปสมี B3 โผล่มา มาประเทศอิตาลีครั้งนี้มาครบทั้ง B1 B2 B3 และ B4 เลยค่า บันเทิงแน่ๆทริปนี้ จะเป็นยังไงไปติดตามเด้ออออออ

ทริปนี้ใช้กล้องทั้งหมด 6 ตัว:
- Nikon D90 Fixed-Lens 35mm f/1.8
- Nikon D5000 Kit-Lens 55-200mm f/4-5.6
- Olympus Pen Lite E-PL7
- iPhone 6 & 6s Plus



ก่อนอื่นเลยขอ lead-in สั้นๆเกี่ยวกับการเริ่มต้นของทริปนี้ จริงๆแล้วทริปนี้เกิดขึ้นหลังจากทริป Malta แค่ 2 เดือนเท่านั้นเอง คือเราและ B1 ที่ตอนนั้นยังเรียนอยู่ที่เมือง Grenoble ประเทศฝรั่งเศส และ B2 ที่กำลังฝึกงานอยู่ ในขณะนั้นเอง B3 ก็ตามมาเที่ยวที่ประเทศฝรั่งเศสก่อน และ B4 จะเป็นคนที่ตามมาหลังสุด

แพลนอยู่นานว่าจะไปที่ไหนดี ความจริงแล้วไม่ได้อยากไปประเทศอิตาลีเลย เพราะเกือบทุกคนเคยไปมาหมดแล้ว แต่ประเทศอื่นๆก็ไม่ลงตัว เอาไงดีล่ะ เอายังไงงงง 4 คนอยู่ฝรั่งเศส อีกคนกำลังจะบินตามมาจากไทย ไม่ลงตัวสักที สุดท้ายอิตาลีนี่แหละที่ลงตัวที่สุด (ในที่นี้คือตั๋วถูก เที่ยวไม่แพงมาก และเวลาลงตัวกับที่ต้องการ) ก็เลยเอ้า อิตาลี (อีกสักรอบ) ก็ได้! นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้นั่นเอง เกริ่นยาวทุกครั้ง 555555 ป่ะ ไปเที่ยวกันค่าาาาาา

วงเล็บอีกรอบ ว่ากระทู้นี้ก็น่าจะยาวมากอีกเช่นกัน อย่าเพิ่งเบื่อกันเลยนะ



Day 1

ทริปนี้เราเริ่มต้นด้วยการนั่งรถบัสข้ามประเทศ จาก Grenoble ไปยังเมือง Turin (ตูริน) โดย Flixbus ถ้าจำไม่ผิดนะ เพราะมันเป็นทางที่เราเห็นว่าถูกที่สุดแล้วในการข้ามประเทศมา จะบอกว่าทริปนี้เรานั่งรถบัสและรถไฟซะส่วนใหญ่เลย จะมีนั่งเครื่องก็เฉพาะขากลับเท่านั้น

เรานั่งรถบัส Flixbus มาใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ราคาประมาณคนละ 15€ (ถ้าจำไม่ผิดนะ คือทุกอย่างในทริปนี้ก็จะมีความไม่แน่ใจผสมลงไปทุกอย่างแหละ เพราะลืมจ้า) พอไปถึงก็เดินทาง (โดยเท้า) จากสถานีรถไปยังที่พัก เราจอง airbnb มา 1 คืน ตอนแรกที่ดูในแมพก็ไม่ไกลนะ แต่พอเริ่มเดินเท่านั้นแหละ เท่าไรก็ไม่ถึงสักที เดินไกลม๊ากกกกก ไม่พอ ร้อนด้วย คือช่วงที่เราไปนั้นคือต้นเดือนสิงหาคม และมันเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในซัมเมอร์ของประเทศแถบยุโรป แล้วคิดดูว่าประเทศอิตาลีนี่คือปลายทวีปยุโรปแล้ว ยิ่งร้อนไปใหญ่เล้ย เดินแล้วเดินอีก อ่ะ ถึงสักที


จริงๆแล้ว airbnb ที่เราจองมาตอนแรกมีปัญหาด้วย ครั้งนี้เราได้พักในที่ที่เราไม่ได้จองมา เพราะว่าที่พักที่เราจอง ปรากฎว่าคนที่พักก่อนหน้าเราเค้าทำกระจกแตก ทำให้เราเข้าพักไม่ได้ manager ของที่พักก็เลยแก้ปัญหาโดยการให้เราเข้าไปพักอีกที่นึง เค้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม อีกทั้งเรายังได้พักในที่พักที่ดีกว่าและแพงกว่าอีกด้วย ลาภลอยกันไป เราจะนอนที่นี่แค่คืนเดียว หลังจากเช้คอินอะไรเสร็จ เก็บกระเป๋า ก็ออกไปเดินเที่ยวกัน

Turin ในความคิดเราคือเมืองเล็กๆที่ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดนเด่นอะไรมาก นอกจากสนามบอลของทีม Juventus แต่ตัดไปไม่เอาจ้า คือแรกเริ่มเลยอ่ะ ไม่รู้จักเมืองนี้หรอก แต่เป็นเพราะว่าพวกเราจะมาเจอ B4 ที่มิลานและเมืองนี้เป็นช้อยที่ง่ายที่สุดและถูกที่สุดที่จะข้ามจากฝรั่งเศสเข้าอิตาลี ก็เอาเป็นว่าเลยตามเลย นอนเล่น เดินเล่น อยู่ที่นี่สักคืน เดินมั่วๆไป

ในตัวเมืองก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น เหมือนๆกับเมืองในยุโรปทั่วๆไป เราเดินไปเรื่อยๆ ไปเจอที่แรก นั่นก็คือ Palazzo Carignano เป็นตึกสีน้ำตาลแดงๆใหญ่ๆเลย ด้อมๆมองๆอยู่ด้านนอกสักพักก็เดินเข้าไปด้านใน ก็จะเห็นป้ายบอกว่าที่นี่จริงๆแล้วเป็นพิพิธภัณฑ์ Museum of the Risorgimento อะไรสักอย่าง แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปดู จำไม่ได้ว่าปิดแล้วหรือยังไงนี่แหละ ก็เลยได้แค่ถ่ายรูปเฉยๆ ซึ่งพอเดินเข้าไปด้านในก็จะเจอกับลานเล็กๆไม่ใหญ่มาก ล้อมรอบด้วยตัวตึกอิฐสีน้ำตาลแดงเป็นรูปสี่เหลี่ยม สวยดี คิดเอาซะว่าเดินสำรวจเมืองเล่นๆ 55555555555



เดินต่อลัดเลาะตัวเมืองไปเรื่อยๆก็ไปหยุดที่ร้านเจลาโต้ GROM ซึ่งเราจำได้ว่านี่เป็นเจลาโต้ที่ดังก็เลยหยุดซื้อคนละถ้วย ซึ่งแบบบบบบบ คนเยอะเว่อร์ แต่จะกิน มันร้อนนน ตอนนี้ร่างกายมันต้องการของเย็นๆ แล้วก็ได้มาครอบครอง (วงเล็บ ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะไม่ทันเด้อจ้า)

หลังจากได้กินเจลาโต้หวานเย็นชื่นใจ ก็จะมาเจอกับ Piazza Catello (จริงๆแล้วไม่ได้รู้เลยนะว่าตอนนั้นจะไปไหนบ้าง มาเสิชชื่อเอาทีหลังนี่แหละ ช่างเป็นการเที่ยวแบบแรนด้อม) ที่เป็นลานกว้างมากกกกกก และด้วยความที่เป็นลานกว้าง แดดก็แผดเผาลงมาแบบ ขอละลายไปตรงนี้เลยละกัน ละเค้าก็มีวิธีดับร้อนให้ประชาชนด้วยการเปิดน้ำพุให้พุ่งขึ้นมาจากพื้น ซึ่งไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าต้องการความสวยงามหรือการใช้งานเป็นหลัก แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือเด็กๆมาเล่นน้ำกันเต็มเลย เหมือนเห็นตัวเองตอนเด็กๆที่พ่อแม่พาไปเล่นน้ำพุแบบเดียวกันนี้ที่ดรีมเวิลด์ และถ้ามองที่จัตุรัสตรงนี้เป็น big picture ก็จะเห็นว่ามี Royal Palace of Turin ตั้งอยู่เป็น background



ต่อจากดรีมเวิลด์เราก็จะไปต่อกันที่อยุธยากัน เป็นเพราะว่าเจ้าซากปรักหักพังที่ชื่อว่า Palatine Towers เนี่ย remind me of อยุธยาเมืองเก่าของบ้านเราเหลื้อออเกิน เป็นซากตึกสีแดงๆ ซึ่งก็จะมีสวนสาธารณะจิ๋วหลิวตั้งอยู่ข้างๆกัน ณ ตอนนั้นเราไม่ค่อยมีอารมณ์เที่ยวเท่าไร เพราะอะไร เพราะกำลังสับสนงงงวยกันอยู่ว่า พวกเราใช้ account Airbnb ของใครจองที่พักในวันต่อๆไป จะได้ติดต่อโฮสถูก account และถูกคน ถูกวัน ที่งงเนี่ย ก็เป็นเพราะว่าทั้งทริปเรามี 5 คน ก็แบ่งกันจอง และถ้า invite คนอื่นเข้ามาก็จะได้ส่วนลด ทั้งเราและเค้า ทีนี้จองกันให้วุ่นไปหมด


หลังจากแก้ปัญหาได้ละ ก็ออกเดินเล่นถ่ายรูปกันต่อที่ Mole Antonelliana ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คหนึ่งเดียวของเมือง ที่จะเห็นสถานที่นี้ติดอยู่ตรงโปสการ์ดในทุกๆร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเราเดาว่าที่นี่น่าจะเป็นโบสถ์นะ เป็นโบสถ์ที่มียอดสู๊งงงงงงงงงงง สูงไปไหน๊ แหงนคอมองยังเมื่อย ไม่พอแค่นั้น ยังถ่ายรูปยากอีก เพราะมันอยู่ตรงถนนที่แคบมากๆ นึกภาพซอยเล็กๆในถนนเงี้ย ซึ่งตรงนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากอีกเช่นกัน ก็มาให้เห็น ถ่ายรูป แล้วก็เดินกลับ


เสร็จจากตรงนั้นเราก็เดินมากันตรงที่ลานกว้างริมแม่น้ำ มันคือแม่น้ำโป (Po) คือเดินเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อากาศก็ร้อน แดดก็แรง ตรงนี้เป็นที่ร่มที่ให้คนมาวิ่ง นั่งพักผ่อน อะไรแบบนี้ ตรงลานกว้างก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ เรียงๆๆกันอยู่ เราจำได้ว่าก็มานั่งพักตรงนี้ หลบแดด และด้วยความที่อยู่ติดริมแม่น้ำก็จะมีลมโชยๆมาพอให้ชื่นใจ ก็นั่งเล่น นั่งคุย มองคนที่เดินผ่านไปมา บ้างก็มาวิ่งออกกำลังกาย สบายใจไปอีกแบบ ตรงแม่น้ำจะมีสะพาน Turin Piedmont Bridge อยู่ให้ข้ามฝั่งไป ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝั่งคืออะไร แต่ก็พอละสำหรับวันนี้ พอหายเหนื่อยก็เลยตัดสินใจเดินกลับบ้าน กลับไปต้มมาม่าที่แพ้คมากินที่บ้านพัก นอน




Day 2

ลืมตาตื่นเช้า (ที่ไม่เช้าเท่าไรหรอกมั้ง) ก็เก็บของ เดินไปที่ท่ารถบัส ที่อยู่ไม่ไกลกันจากสถานีรถไฟเท่าไร เพื่อที่จะขึ้นรถบัสของ Flixbus ไปที่ Milan กัน มิลานดูเป็นเมืองที่ใครมาอิตาลีก็ต้องเคยมาแล้วแหละ ก็คงจะไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพราะมันดูไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวเนอะ (ในความคิดเราเอง) ซึ่งที่จริงแล้วจะไม่ไปก็ได้แหละ เราสามารถข้ามไปเมืองอื่นได้เลย แต่เป็นเพราะว่าเดี๋ยว B4 ที่บินมาจากไทย จะมาลงที่มิลาน เราก็เลยต้องมาสักหน่อย ก็เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง


และตอนนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่พวกเราจะครบแก้งสักที เมื่อ B4 เดินทางมาถึงจากสนามบิน Milan Malpensa Airport มาถึงที่ Duomo di Milano

คือเราเคยมาที่มิลานแล้วครั้งล่าสุดคือเมื่อปี 2011 ซึ่งแบบ 6 ปีได้แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นก็คือตะลึงงัน ตะลึงตึงๆ ตะลึงตึงๆ ตะลึงตึงๆ (เวอร์ชั่นอนันอันวา 555555555555) พอมาอีก ก็สวยอีก สวยเหมือนเดิม (สวยสิ ก็ดูโอโม่อันเดิม) เพิ่มเติมคือ นกพิราบเยอะ และพี่ๆขายของก็เยอะขึ้นเช่นกัน มาหมด ทั้งให้อาหารนก ถ่ายรูป ผูกเชือกสี หรืออะไรก็ตาม และเราๆทุกคนที่เดินทางมาจากอีกเมืองนึงก็มีกระเป๋าเดินทางกันคนละใบสองใบ ก็คือเอากระเป๋ามารวมสุ่มๆกันเอาไว้ แล้วก็ถ่ายรูป สายตาก็ชำเลืองมองกระเป๋าแบบระแวงเว่อ ใครที่เคยไปคงจะนึกออก


และพอทนแดดไม่ไหวจริงก็หลบเข้ามาใน Gallerie Vittorio Emanuele II ที่เป็นเหมือน community mall ข้างในเย็นกว่าเยอะเลยเห้อ ตอนนั้นอยากได้อะไรเย็นๆมากินมากเลย ในใจนึกถึงสตาบั้คเป็นอย่างแรก แต่..ไม่มี๊ ฮื้อ อดกันไป เข้ามาหลบแดดไม่พอก็ถ่ายรูปเลยละกัน เพราะมันสวย มุมไหนก็สวย มองทางไหนก็สวยไปหม๊ด (ระแวงไปหม๊ด) ถ่ายรูปกันจนหนำใจก็ออกเดินทางกันต่อ คืนนี้เราจะไม่นอนที่มิลาน เพราะที่นี่สถานที่ท่องเที่ยวหลักที่เราสนใจก็มีแค่นี้แหละ เราก็เลยจะเดินทางต่อไปที่ Portofino


** to be continued ☺︎ **
ชื่อสินค้า:   ITALY
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่