ธิดาทะเล 2.........ขึ้นฝั่ง

กระทู้สนทนา
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/38019047

ความเดิมบทที่แล้ว
ธิดาทะเลทำลายเรือสินค้าของเฒ่าหมื่นพันวาสนา จนพินาศยับเยินกลางทะเล
ไม่ทราบว่ามีความแค้นใดกัน

--------------

              ไกลออกไปจากกลุ่มควันเปลวไฟ ธิดาทะเลลอยคออยู่ในทะเล เรือนผมยาวสยายปิดใบหน้าราวพรายทะเล ชื่นชมกับผลงาน..ก่อนค่อยจมลงไปเส้นผมราวสาหร่ายผมกระเพื่อมไหวพลิ้วในกระแสน้ำรางเลือน     
              กลืนหายลับไปกับปีกของรัตติกาลที่ค่อยคลี่ลงมาปกคลุมในที่สุด

........

          
             หมู่ตึกหมื่นพันวาสนา ของเฒ่าหมื่นพันวาสนา
          
             ถ้ามันบอกว่า หมู่ตึกของมันงดงามใหญ่โตเป็นอันดับสองของแผ่นดินแถบนี้ ประกันว่าไม่มีที่ใดกล้าเสนอตัวว่าเป็นที่หนึ่งเด็ดขาด ถ้ามันบอกว่าสวนบุบผาของมัน มีดอกไม้นานาพันธุ์อยู่หนึ่งหมื่นชนิด ที่อื่นต้องมีดอกไม้ไม่เกินเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชนิด ไม่กล้าบอกมากกว่านี้แน่นอน
          
             หมู่ตึก ภูเขาจำลอง สวนหย่อม ข้าทาสบริวาร อย่างน้อยต้องมากกว่า ที่อื่น ผู้อื่น อย่างน้อยหนึ่งเสมอ   ยกเว้นจำนวนภรรยา มันไม่กล้ามีมากกว่าหนึ่งเด็ดขาด!!
          
             ทรัพย์สินเงินทองของมันสยบผู้คนทุกทิศ  วาจาเปล่งออกไปผู้คนน้อมฟังทุกทาง แต่ประการเดียวที่ละเว้นคือภรรยาของมัน
          
             ภรรยาที่พูดน้อยกว่าปรกติหนึ่งส่วน แต่ทรงอำนาจมากกว่าเสียงของเฒ่าหมื่นพันวาสนาไม่เพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น ยังดังกว่าหลายสิบส่วน นางเพียงเอ่ยวาจาขุ่นมัว ขวัญของเฒ่าชราก็แทบโบยบินออกจากร่างไปหลายส่วน
          
             กลัวภรรยา เป็นคำที่มีความหมายน่าสะพรึงกลัว ฝันร้ายของเหล่าบุรุษเพศโดยแท้จริง มิทราบเพราะสาเหตุใด หลังตกแต่งเข้าเรือนหอไปไม่นาน เงามืดฝันร้ายของคำว่า กลัวภรรยา พาลค่อยครอบงำบุรุษเพศอย่างแช่มช้าทว่ามั่นคง
          
             กระนั้นความภาคภูมิใจของเฒ่าผู้นี้ยังมีมากมายยิ่ง  ทุกสิ่งทุกประการของมัน ต้องมากกว่าผู้อื่นอย่างน้อยหนึ่งส่วนเสมอ   เงินทองของมันไม่อาจนับว่ามากกว่าผู้อื่นหนึ่งส่วน หากแต่มากกว่าผู้อื่นนับร้อยนับพันส่วน  ดังนั้นชีวิตที่ผ่านมามันจึงเสพย์สุขทุกสถานในมวลหมู่มนุษย์จนสุดสิ้น
          
             แต่ความขุ่นมัวของมันไม่เพียงมากกว่าผู้อื่นเพียงหนึ่งส่วน แต่มากกว่าผู้อื่นนับร้อยนับพันส่วน มากกว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้มากมายหลายเท่า
          
             ที่นี้เป็นเช่นไร?
          
             ที่นี้เป็นตึกตั้งอยู่กลางสวนบุบผา สร้างจากหินอ่อนทั้งหลัง สลักลวดลายงดงามวิจิตรพิสดาร หน้าร้อนภายในกลับเย็นสบายปลอดโปร่ง หน้าหนาวกลับอบอุ่นปานอยู่หน้าเตาผิง หน้าฝนไร้ละอองฝนเฉียดใกล้กร้ำกราย
          
             ห้องโถงประชุมกว้างขวาง ด้านในสุดเป็นตำแหน่งประธาน สองฟากเรียงรายเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้หินอ่อน หันหน้าเข้าหากัน ปูหนังเสือประดับ แจกันหยก ภาพเขียน ล้วนค่าควรเมือง
          
             เวลานี้มีผู้คนชุมนุมอยู่หลายสิบคน สุราอาหารหลายสิบอย่าง คนรับใช้น้อมรับคำบัญชารายรอบ เพียงมีคำสั่ง มีการปฏิบัติน้อมรับทันควัน
          
             บรรดาหลายสิบคนนี้มีทั้งรู้จัก และไม่รู้จักกัน มีทั้งสูงต่ำ ดำขาว บุรุษสตรี ชรา เยาว์วัย ล้วนเป็นชาวยุทธ์  สาเหตุการประชุมเนื่องเพราะเฒ่าหมื่นพันวาสนาส่งเทียบเชิญทำด้วยทองคำ ไปเชิญยอดฝีมือมีชื่อเสียงทั้งหลายมาที่นี่
          
             ตำแหน่งประธานกลับมิใช่เฒ่าหมื่นพันวาสนา
          
             เนื่องเพราะเป็นการประชุมของชาวยุทธ์ บุคคลที่นั่งตำแหน่งประธานต้องเป็นชาวยุทธ์ ดังนั้นเฒ่าหมื่นพันวาสนาจึงได้แต่นั่งโต๊ะรองลงมาด้านขวามือเท่านั้น  คนไม่ใช่สายบู้สามารถนั่งตำแหน่งนี้นับว่าเป็นเกียรติสูงส่ง มาตรว่าจะไม่ที่หนึ่งก็ห่างจากที่หนึ่งเพียงเสี้ยวเศษ
          
             ที่นั่งตำแหน่งประธานเป็นตัวแทนจากประมุขยุทธภพจักรฝ่ายธรรมมะ
          
             ท่านผู้นี้มีฉายากระบี่เทพเจ้า
          
             ปีนี้นับว่าอายุเริ่มหกสิบ หนวดเคราขาวโพลน แต่ท่าทางยังคงมั่นคงหนักแน่นเยือกเย็น ประกายตาราวกระบี่คมกริบคู่หนึ่งในช่วงสิบปีคืนให้หลัง ผ่านการประลองฝีมือสิบครั้ง …ปีละครั้งเท่านั้น สิบครั้งแทบไม่เคยพ่ายแพ้ คู่ประลองทั้งหมดเป็นจอมยุทธ์ อยู่จัดอยู่ในทำเนียบศาสตราวุธระดับต้น
          
             ทุกคนล้วนท่าทีสีหน้าเคร่งเครียด   เพราะสิ่งที่กำลังประชุมเกี่ยวกับคนผู้หนึ่ง ที่ทั้งเร้นลับทั้งอำมหิตจนน่าสะพรึงกลัว
       
              ธิดาทะเล ยังจะเป็นคนอื่นไปได้
            
             "จะจัดการนางต้องใช้อาวุธลับจำนวนมากและยาพิษมหาศาล"
          
             คนที่เอ่ยขึ้นนั่งอยู่โต๊ะตัวหน้าสุดแถวแรกเป็นชายวัยกลางคน ร่างผอมซูบดูไปคล้ายตั๊กแตนกิ่งไม้ตัวหนึ่ง คนผู้นี้มาจากกระกูลถังซึ่งเป็นสุดยอดแห่งอาวุธลับและยาพิษ…พิษเจ็ดก้าว
            
            "ท่านทราบจะใช้เมื่อไร หรือนางเดินมาต่อหน้าท่านอ้อนวอนท่าน"
          
             คนเอ่ยปากเป็นชายร่างผอมสูงอีกคนหนึ่ง นั่งฝั่งตรงข้าม ไม่เพียงนั่งฝั่งตรงข้าม ยังมีหลายอย่างตรงข้ามกับพิษเจ็ดก้าว มันเตี้ยกว่า อ้วนท้วนกว่า ดวงตากลมเล็กฝังอยู่ในใบหน้ากลมป้อมหัวคล้ายตะปูตอกปักลงจนมิด นั่นเป็นประมุขค่ายทวนทมิฬ ที่อาศัยทวนคู่มือเล่มเดียวตะลุยยุทธภพ สามารถก่อตั้งสำนักทวนทมิฬจนชื่อเสียงก้องไปทั้งแผ่นดิน
            
             "ธิดาทะเลคล้ายภูตผีไร้ร่องรอย บางทีนึกปรากฏตัวก็ปรากฏตัว บางทีสูญสลาย ต่อให้พลิกแผ่นดินค้นหาก็เหนื่อยเปล่า นางมักอาละวาดในท้องทะเล บางทีถึงกับขึ้นมาก่อกวนบนแผ่นดิน เช่นนี้จะรับมืออย่างไร เตรียมต้อนรับนางเช่นไร"
          
             นั่นเป็นคำถามผู้ใดสามารถครุ่นคิดคำนวณคำตอบได้
          
             กระบี่เทพเจ้ารับฟังมาตั้งแต่แรกเห็นทุกคนนิ่งงันไปจึงเอ่ยขึ้นว่า
            
             "ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ แต่จากการวิเคราะห์ของเรา เวลาที่นางอยู่ในทะเล คล้ายเปล่งอานุภาพความรุนแรงฝีมือมากกว่าเวลานางอยู่บนแผ่นดิน มากมายหลายเท่า ดังนั้นหากคิดลงมือต่อนางมีแต่ต้องล่อนางให้ขึ้นมาจากทะเลประการเดียว"
          
             มังกรทะเลขึ้นบนฝั่งก็คล้ายพยัคฆ์ลงน้ำ…อย่างไรความคล่องแคล่วว่องไวพลานุภาพต้องลดทอนลงไม่มากก็น้อย
          
             ในจำนวนผู้คนหลายสิบ มีคนผู้หนึ่ง ท่าทางราวนักศึกษาทรงความรู้ ใบหน้าอาจไม่นับหล่อเหลาแต่ต้องไม่นับว่าดูไม่ได้ เสื้อผ้าราคาแพง บนโต๊ะยังวางด้วยพัดจีบปักดิ้นทองแวววาว
          
             ถ้าไม่นับแววตาที่ยะเยียบเลือดเย็น คนผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว… นักศึกษาหัตถ์ปีศาจ ผู้ดั้นด้นเรียนจบสาขาวิชาหลากหลายมาจากเมืองนอกไกลโพ้น   มันยกมือขึ้นคล้ายเกียจคร้านปางตาย แต่ทุกคนล้วนมองมาที่มัน
            
            "ถ้าจะทำให้นางขึ้นจากทะเล ท่านคิดทำได้อย่างไร"  นถามสั้นๆ แต่นึกคำตอบยาวเหยียดยังหาจุดจบมิได้
          
             พิษเจ็ดก้าวเอ่ยขึ้นบ้างว่า   "แถบนี้มีเกาะใหญ่น้อยอยู่หลายสิบแห่ง เราไม่เชื่อว่านางเป็นภูตร้ายใต้ทะเล นางต้องอยู่ที่เกาะใดเกาะหนึ่ง เพียงเราเอายาพิษบรรจุกระสุนปืนใหญ่ยิ่งระดมใส่ทุกเกาะ ประกันว่านางต้องออกมาปรากฏตัว"
        
              ความคิดนี้อำมหิตเลือดเย็นอย่างยิ่ง ลองวาดภาพกลุ่มเรือลอยลำกลางทะเล  ระดมยิงกระสุนถล่มหมู่เกาะต่าง ๆ แค่นึกก็ชวนสยดสยองต่อชะตากรรมของเกาะแก่งแล้ว     
            
             "ถ้านางบุกใส่พวกท่าน ขณะลอยเรือกลางทะเล พวกท่านทำอย่างไร"    นักศึกษาหัตถ์ปีศาจถามขึ้น
            
             "เราเตรียมยอดฝีมือไว้หลายๆ คนประกันว่าต่อให้นางเก่งกาจปานใดก็เป็นมนุษย์ จะต้านทานสิบแขนสิบขาได้อย่างไร"
            
             "บางทีเราใช้ตาข่ายเหล็กอ่อนยิงใส่นาง คาดว่าจับนางได้แน่นอน....เรามีเหล็กชั้นดีกระบี่ดาบขวานสับไม่เข้า ยินดีขายพวกท่านในราคาเป็นกันเอง"    พิษเจ็ดก้าวถือโอกาสขายสินค้าของมันทันที คนผู้นี้นับว่ารุ่งเรืองสายพ่อค้าแน่นอน     "พิษของตระกูลเรามีมากมายหลายชนิด ยังมีบางชนิดเป็นดินปืน พอยิงออกไปจะกระจายออกเป็นเจ็ดส่วน แต่ละส่วนกระจายออกเป็นเจ็ดสี แต่ละสีมีพิษอยู่เจ็ดชนิด ในรัศมีร้อยวา สุกรสุนัขกาไก่ไม่มีเหลือ อย่าว่าแต่ผู้คน"
            
             "เฮอะ…พวกท่านคิดแต่วิธีการไร้ยางอาย"
        
              เสียงคนผู้หนึ่งสอดแทรกการสนทนากลางคัน เป็นเสียงที่เย็นชาอย่างยิ่ง
          
             สตรีผู้หนึ่งรูปร่างสูงเพรียวมิทราบว่าเข้ามาเมื่อไร นั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไร เวลานี้ลุกขึ้น ตอนนั่งยังพอทำเนา พอยืนขึ้นคล้ายบุปผาผลุดขึ้นเบ่งบานกลางสวนงามกะทันหัน
            
             "เรามาที่นี่ไม่คิดจะได้เงินแสนตำลึงของท่าน ยิ่งไม่คิดได้เงินหมื่นพันตำลึงของใคร เงินเท่าไรก็ไม่ต้องการ เราเพียงมาชมดูพวกท่านเท่านั้น"
          
             นางหยิบกระบี่ขึ้นมาวางบนโต๊ะเบื้องหน้า   ทุกคนพอเห็นล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที   ฝักกระบี่สีม่วงแกมฟ้าเช่นนี้จะมีผู้ใดอื่น

            "กระบี่ม่วงหวาน"

          ในที่สุดปรากฏตัวอีกครั้งในยุทธภพหลังจากหายไปนานนับปี   นางอยู่ในชุดสีม่วงแกมฟ้ารัดกุม ด้วยบุคลิกโดดเด่นเหนือธรรมดา ผมเคยยาวสยายถูกมัดด้วยแพรผ้าไหมกระบี่คู่มือสะพายไว้กลางหลังในตำแหน่งที่สามารถดึงออกมาได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด  ฟังว่ากระบี่ม่วงหวานของนางคมอย่างยิ่ง…ในความคมยังมีความหวานแอบแฝง… ความหวานที่มากับความคมเป็นภาพพจน์ซึ่งน่าสะพรึงกลัว ในขณะท่านชื่นชมกับความหวาน...ความคมจะทะลวงใส่ร่างท่านเป็นโพรงโลหิต แทงใส่หัวใจท่านจนแหลกสลาย..ผ่าวิญญาณของท่านแยกเป็นเสี่ยง
            
             "บอกกับพวกท่าน พวกท่านทำอะไรก็ได้ ยกเว้นการใช้ยาพิษดินปืนยิงถล่มใส่เกาะต่าง ๆ หากเช่นนั้นเรามิเกรงใจพวกท่านเช่นกัน"
          
              "ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่" กระบี่เทพเจ้าเอ่ยถามเสียงหนักๆ

          
              "เราไม่คิดทำอะไร เพียงต้องการประมือกับนางสักครั้ง บนแผ่นดินก็ได้ ในน้ำยิ่งประเสริฐ พ่ายแพ้หรือชนะต่างไม่ต้องกลัวชาวยุทธภพเย้ยหยัน"
กล่าวจบนางหันกายก้าวยาวๆ ออกไปจากห้อง หายไปในแสงสว่างจ้าจากบานประตู ที่ประชุมเงียบกริบไปนาน
        
             ในที่สุดพิษเจ็ดก้าวส่งเสียงขึ้นว่า
            
             "ทำไมพวกเราปล่อยให้นางยะโสโอหังจนป่านนั้น ไม่สั่งสอนนางให้รู้สำนึกอบรมกริยามารยาทให้นุ่มนวลกว่านี้"
            
             "ผู้ใดจะสั่งสอนนาง"    กระบี่เทพเจ้าย้อนถาม ประกายตาคมกริบคล้ายมีม่านหมอกบางชั้นหนึ่ง เมื่อกล่าวต่อไปว่า   "ในที่นี้มีผู้ใดกล้าสั่งสอนนาง ...?อย่าว่าแต่ในที่นี้ ต่อให้นอกออกไปในแผ่นกินกว้างใหญ่ ยังมีผู้ใดกล้าสั่งสอนนาง"
            
            "ท่านก็มิกล้า?"
          
              "ก่อนเราประลองกระบี่กับนางอยู่ครึ่งวัน สุดท้ายเราพ่ายแพ้ ยังจะมีหน้าสั่งสอนนางในวันนี้"
          
             คำพูดนั้นส่งทุกคนลงไปในหล่มแห่งความเงียบงันอีกครั้ง  เนิ่นนาน ใครคนหนึ่งพลันเอ่ยถามขึ้นว่า
            
             "ทำไมนางมารร้ายผู้นั้นโจมตีเรือบรรทุกสินค้า หากเป็นเรือโดยสารธรรมดา นางไม่เคยแตะต้องเลย"

             ที่ประชุมพากันเงียบ   หลายคนหันมามองเฒ่าหมื่นพันวาสนาทันที  บางคนส่งเสียงถาม

             “สินค้าในเรือของท่านคืออะไร”

             เจ้าของคฤหาสน์ผู้ร่ำรวยไม่ตอบในทันที  แต่ในที่สุดมันถอนลมหายใจลึก บอกว่า

             “มันเกี่ยวข้องกับปลา ปลาที่อยู่ในบ่อปลาบ่อกุ้งของข้า”

             “เช่นนั้นธิดาทะเล ต้องหาหาท่านอีกแน่นอน”  กระบี่เทพเจ้าส่งเสียงหนัก ๆ อย่างมั่นใจ  

             “เราควรเริ่มต้นจากบ่อกุ้งบ่อปลาของท่าน”



.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่