.
คำชี้แจง
<เรื่องนี้ มีความเกี่ยวพันกับกระบี่รันทด จึงนำมารีไรท์เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาเรื่องหลัก>
อาทิตย์ราวเป็นดวงไฟกองโตเผาพลาญละลายขอบฟ้า ก้อนเมฆลอยฟ่องดุจปุยฝ้ายสีเลือด…ไล่เรื่อเรียงรายลิบลิ่วทิวเขาจดฟากฟ้า
เงาดำโพล่พ้นเส้นสายตาขึ้นมาตัดสีแดงเหล้าองุ่นที่ลูบไล้ คล้ายปีศาจร้ายแห่งท้องทะเล
เป็นเรือบรรทุกสินค้าสองลำมุ่งหน้าตัดทะเลเข้าหาฝั่ง ดาดฟ้าเรือลำแรกถูกจัดตกแต่งโอ่อ่าหรูหราสง่างาม เฒ่าหมื่นพันวาสนานั่งบนเบาะปูพรมเปอร์เซียจับเหล้าองุ่นอย่างสบายใจ
ใบหน้าของเฒ่าหมื่นพันวาสนายิ่งแดงเปล่งปลั่งยิ่งกว่าเหล้าองุ่น ความปลาบปลื้มของมันระอุคุกรุ่นมากกว่าแสงตะวัน กระทั่งยามหลับตาลงยังเห็นตัวมันกำลังตะกายลอยคออยู่ในทะเลทรัพยสินเงินทองเจียนตาย เพียงแต่นำเรือเทียบท่า สินค้าจากนอกด่านที่นำมาจะแปรเปลี่ยนเป็นทรัพยสินเงินทองมหาศาล มาให้มันตะกายปีนป่ายเล่น มาตรว่าพลัดตกลงมาตายก็นับว่าตายในกองเงินกองทอง ยังสามารถหัวร่อคุยใส่หน้าทับถมข่มหยันยมบาล มีเงินทองอย่างไรก็ประเสริฐกว่าไม่มีเงินทองมากนัก
ผู้คนขอเพียงมีเงินทองสง่าราศรีเจิดจรัสจัดจ้ากว่าแสงอาทิตย์ ตัวก็คล้ายพองใหญ่คับโลกล้นฟ้าบารมี ไปมาที่ใดมีผู้คนก้มหัวยอมสยบลนลานรับใช้ปางตาย ต้องการสิ่งใดล้วนมีลิ่วล่อวิ่งประเคนสรรหา กระทั่งผายลมออกมายังมีผู้คนวิ่งมาสูดดมชมเชยยกย่องว่าหอมหวนชวนดมยิ่งกว่าบุปผาชาติ มีเงินมีทองไม่หวั่นกฏหมายบ้านเมือง ทำผิดเช่นไรมีคนวิ่งเต้นช่วยเหลือโทษใหญ่เทียมขุนเขาเหลือเท่าไรริ้น
คนไม่มีเงินต่อให้เดินผ่านก็คล้ายไม่รู้สึก คล้ายไม่มีตัวตนในโลกนี้ นับว่าเป็นคนอดอยากผอมแห้งจนละลายหายวับไปกับตาได้ทุกเมื่อ
แต่เวลาเคลิ้มฝันของเฒ่าหมื่นพันวาสนาคล้ายจวนจบสิ้นลงแล้ว หูได้ยินเสียงระเบิดตูมใหญ่สะท้านสะเทือน
เปลวเพลิงลุกจ้าอยู่บนเรือสินค้าอีกลำก็เจิดจรัสจัดจ้ากว่าแสงอาทิตย์ เปลวไฟคล้ายสะบัดเปลวสูงเสียดฟ้าไปถึงปุยเมฆ
"นั่นอะไร"
เฒ่าหมื่นพันวาสนาพอเห็นสะดุ้งตัวลอยจากเบาะนั่งรับลม ที่เห็นอยู่คือเปลวไฟนรกกำลังเผาผลาญเรือสินค้าของมันอีกลำจนโชติช่วง ผู้คนกำลังทยอยหนีลงในเรือช่วยชีวิต บางส่วนขวัญกล้าแข็งกระโจนลงน้ำว่ายตัดเข้าฝั่ง ไม่มีใครคิดจะดับเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำ
เฒ่าหมื่นพันวาสนารู้สึกว่าภูเขาเงินทองของมันกำลังพังทลายลงมาทับ จนลมหายใจแทบขาดห้วง ทะเลทรัพยสินซึ่งมันกำลังแหวกว่ายอยู่กลับกลายเป็นวังวน ดูดกลืนมันลงไปสู่ก้นบึ้งแห่งความสยดสยอง
"ช่วยกันดับไฟ ช่วยกันดับไฟ เจ้าพวกหน้าโง่"
มันแผดร้องสุดเสียงวิ่งพ่านไปมาราวหนูติดจั่น สายตาเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
อะไรบางอย่างอยู่บนเรือลำนั้น ท่ามกลางเปลวเพลิงควันไฟ เงาร่างหนึ่งโฉบไปมาคล้ายวิหคเหิรลม ไปที่ใดล้วนมีเสียงระเบิดกึกก้องราวเป็นตัวเชื้อเพลิง....โฉบไปที่ใดล้วนมีเศษไม้ระเบิดกระจุยกระจายเวียนว่อน บางทีถึงกับพุ่งเข้าผนังด้านหนึ่ง ทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ราวหัวกระสุนมรณะ ทิ้งกลุ่มควันเปลวไฟและความพินาศย่อยยับไว้เบื้องหลัง
ลูกเรือกลุ่มหนึ่งวิ่งตรงมาหามัน ทุกคนล้วนมีสีหน้าซีดแผดราวปลาตาย พวกมันไม่ตายขวัญก็โบยบินไปไกลสุดฟากฟ้าแล้ว
"นายท่าน…เร่งรีบหนีโดยด่วน นั่นเป็นฝีมือของธิดาทะเล"
คำว่า "ธิดาทะเล" มีผิดสายฟ้าฟาดใส่ภูเขาทรัพย์สินของมันจนแหลกสลาย ฟาดใส่ขวัญกำลังใจของมันละเอียดเป็นผุยผง คล้ายเป็นนามที่มีอานุภาพไม่อาจครุ่นคิดคำนวณ คุกคามจนหน้าเปลี่ยนสีหัวใจแทบกระดอนออกจากปาก
ทะเลแถบนี้ไม่มีคำใด ประโยคใด จะน่าแตกตื่นสะท้านขวัญผู้คนมากไปกว่าคำว่า
"ธิดาทะเล" กับพฤติกรรมเร้นลับ..เงาร่างลึกลับร้ายกาจของธิดาทะเล อาละวาดจากทะเลถึงแผ่นดินใหญ่ยังไม่มีผู้ใดต้านรับได้ ไม่มีผู้ใดทราบเหตุผลของนางในทุก ๆ เรื่องที่กระทำ คล้ายพอใจคล้ายไม่พอใจ..ไม่คำนึงถึงเหตุผล ล้วนสามารถบันดาลให้นางกระทำเรื่องราวทุกประการ
เสียงระเบิดหนักๆ ดังขึ้นอีกครั้งบนเรือลำนั้น เปลวไฟลุกโชนมากกว่าทุกครั้ง ลูกไฟใหญ่น้อยกระจายออกราวพลุไฟนรก เศษไม้ติดไฟร่วงหล่นลงทะเลลุกโพลงเป็นหย่อมๆ สร้างสภาพราวตกอยู่ในสมรภูมิ เปลวเพลิงควันไฟตัดแสงอาทิตย์แดงฉานเจิดจ้าไปทั่วท้องทะเล เสากระโดงตั้งสูงตระหง่านค่อยล้มฟาดครืนลง
เฒ่าหมื่นพันวาสนาห่วงหน้าพะวงหลัง ขณะบริวารของมันพยายามรั้งมันลงเรือเล็กช่วยชีวิต เป้าหมายต่อไปจะต้องเป็นเรือลำนี้แน่นอน
"นั่น…"
ใครคนหนึ่งชี้มือไปบนยอดเสากระโดงเรือ ด้วยเสียงแทบไม่เป็นผู้คน
เสากระโดงเรือ เงาร่างสตรีผู้หนึ่งในชุดดำยาวสนิทราวเงาแห่งความมืด มิทราบว่ามาตั้งแต่เมื่อใด ผมเผ้าของนางยุ่งสยายยาวปรกรกระปิดหน้าปิดตาดั่งภูตวิญญาณร้ายจากทะเล
"ธิดาทะเล…."
เสียงผู้คนคร่ำครวญมิทันจางหาย ร่างของนางลื่นไหลลงมาตามลำกระโดงเรือดั่งดาวตก ใบเรือสลายกลายเป็นผีเสื้อสีขาวโบยบินเต็มท้องฟ้า ติดตามด้วยเสียงเปรี๊ยะแตกสนั่นจากปลายเสากระโดงเรือลากยาวลงมาถึงพื้นเรือ เสากระโดงเรือทั้งหนาทั้งใหญ่ระเบิดแตกออกเป็นสองซีก ซีกซ้ายล้มไปทางซ้าย ซีกขวาล้มไปทางขวา ฟาดใส่พื้นเรือขอบเรือ พลิกหักโค่นโครมครืนลงน้ำทะเลสนั่นหวั่นไหว
ส่วนธิดาทะเลพุ่งลงมากระแทกใส่พื้นเรือโครมใหญ่ ทะลุทะลวงเป็นโพรง ลับหายไปใต้ท้องเรือคล้ายเป็นมายาภาพหลอกหลอนผู้คน
ยังไม่ทันจะตั้งตัว เสียงพื้นเรือด้านหลังของเฒ่าหมื่นพันวาสนาระเบิดตูม ทุกคนหันไปมองเร็วพอที่จะทันเห็นพื้นเรือระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่งเศษไม้ใหญ่น้อยพุ่งกระจายสู่ท้องฟ้าดั่งภูเขาไฟพิโรธโกรธเกรี้ยว พร้อมกับกลุ่มควันเปลวไฟพวยพุ่งติดตามมา ตัวเรือสะท้านสะเทือนราวถูกมืออสูรนรกจับเขย่า
ธิดาทะเลพุ่งขึ้นมาจากรอยแตก หมุนตัวกลางอากาศ ก่อนเปลี่ยนทิศทางเป็นพุ่งไปแนวราบตัดผ่านไปบริเวณหัวเรือ แล้ววกกลับมาทางทางท้ายเรืออีกครั้งเป็นเส้นตรง ราวฝีมือเมธีจิตรกรบรรจงลากเส้นพู่กันลงบนผืนผ้าใบ
เส้นแนวที่นางพุ่งผ่าน มีเสียงดังเปรี๊ยะ..เปรี๊ยะ...แตกสนั่นถี่ยิบตามหลังติดๆ พื้นเรือแยกออกเป็นทางยาวเหยียดก่อนระเบิดออก...ส่งเศษไม้ปะทุพุ่งขี้นสูง ตัดกับฝูงผีเสื้อสีขาวของเศษใบเรือที่กำลังโบยบินตามกระแสลมกระโชก เปลวไฟแดงฉานและกลุ่มควันทะมึนดำอยู่เบื้องหลัง
ภาพในฝันร้ายของผู้คนนานเท่านาน
เรือทั้งลำกำลังจะจมลง คนผู้เดียวสามารถอาศัยมือเปล่าเท้าเปลือย จมเรือสินค้าสองลำติดต่อกันได้ในเวลาอันไม่นาน..ในยุทธภพนี้น่ากลัวมีเพียงธิดาทะเลเท่านั้น
ผู้คนล่าถอยลงเรือช่วยชีวิต แต่ยังมีเงาร่างสองร่างดาหน้าใส่ธิดาทะเล
เป็นคนคุ้มกันที่เฒ่าหมื่นพันวาสนาว่าจ้างมาคุ้มกัน ซามูไรสองพี่น้องจากดินดินอาทิตย์อุทัยไกลโพ้น
ซามูไรยาวกว่ากระบี่ "สั้นหนึ่งส่วนอันตรายหนึ่งส่วน ยาวหนึ่งส่วนเข้มแข็งหนึ่งส่วน" ซามูไรสองเล่มผนึกกำลังกัน กลับกลายเป็นความเข้มแข็งรุนแรงกราดเกรี้ยวสิบส่วน เนื่องเพราะการประสานกระบวนท่าชดเชยสร้างเสริมกันจนความร้ายกาจเป็นทวีคูณ ประกายสีเงินเป็นกากบาทไขว้สลับฟันใส่ธิดาทะเล ปิดกั้นทางถอย สลัดทางหลบหมดสิ้น เพลงดาบญี่ปุ่นไม่พลิกแพลงซับซ้อนเหมือนกระบี่ แต่ชัดเจนกราดเกรี้ยวรุนแรงรวบรัดตัดความ
ธิดาทะเลไม่สนใจว่า เป็นกระบี่ หรือดาบยาว ไม่แยแสว่าเป็นกระบวนท่าใด เช่นไร ดุร้ายดุดันเพียงใด นางพุ่งร่างเข้าใส่ประกายสีเงินของดาบยาวอย่างไม่เห็นอยู่ในสายตา เอื้อมมือหักดาบยาวสองเล่มกลายเป็นสี่ท่อนอย่าง่ายดาย พุ่งผ่านระหว่างสองพี่น้องซามูไรไปก่อนหมุนตัวดังลูกข่าง เจาะลงพื้นเรือเหมือนพื้นเรือเป็นเพียงก้อนเต้าหู้ พุ่งทะลุออกด้านข้าง โดยมีเปลวเพลิงควันไฟตามติดเป็นกลุ่มก้อน พร้อมกับเสียงระเบิดตูมใหญ่เศษไม้กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า
สองซามูไรพลันพบว่าเพลงดาบพากเพียรฝึกฝนมานับสิบปี ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงดาบเด็กเล่นเท่านั้น คนเช่นธิดาทะเลไฉนมีอยู่ในโลก ความอาจหาญหายวับไปทันที พากันวิ่งลงเรือเล็กสุดชีวิต
เสียงระเบิดติดต่อการหลายครั้ง กระหน่ำซ้ำเติมจนเรือทั้งลำกลับกลายเป็นเศษไม้จมลงสู่ก้นทะเล
คนที่โศกเศร้าคับแค้นที่สุดได้แก่เฒ่าหมื่นพันวาสนา
มันสาบานต่อตนเอง ต่อทะเลสีแดงฉานเป็นสีเลือด จะทุ่มเทชีวิตที่เหลือว่าจ้างยอดฝีมือทั่วแผ่นดินไล่ล่าธิดาทะเลไปทั่วพิภพจบแดน
ทะเล-ท้องฟ้า-ก้อนเมฆหม่นมัวเป็นสีเลือด ทะเลถูกลูบไล้ทั้งแสงแดดยามเย็นและเปลวไฟซากเศษเรือลุกไหม้ลอยกระจัดกระจายไปทั่วอ่าวเล็กๆ ที่ตั้งของท่าเรือแห่งนั้น
ไกลออกไปจากกลุ่มควันเปลวไฟ ธิดาทะเลลอยคออยู่ในทะเล เรือนผมยาวสยายปิดใบหน้าราวพรายทะเล ชื่นชมกับผลงาน..ก่อนค่อยจมลงไปเส้นผมราวสาหร่ายผมกระเพื่อมไหวพลิ้วในกระแสน้ำรางเลือน
กลืนหายลับไปกับปีกของรัตติกาลที่ค่อยคลี่ลงมาปกคลุมในที่สุด
จบบทที่ 1
ธิดาทะเล 1.........(อาละวาด)
คำชี้แจง
<เรื่องนี้ มีความเกี่ยวพันกับกระบี่รันทด จึงนำมารีไรท์เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาเรื่องหลัก>
อาทิตย์ราวเป็นดวงไฟกองโตเผาพลาญละลายขอบฟ้า ก้อนเมฆลอยฟ่องดุจปุยฝ้ายสีเลือด…ไล่เรื่อเรียงรายลิบลิ่วทิวเขาจดฟากฟ้า
เงาดำโพล่พ้นเส้นสายตาขึ้นมาตัดสีแดงเหล้าองุ่นที่ลูบไล้ คล้ายปีศาจร้ายแห่งท้องทะเล
เป็นเรือบรรทุกสินค้าสองลำมุ่งหน้าตัดทะเลเข้าหาฝั่ง ดาดฟ้าเรือลำแรกถูกจัดตกแต่งโอ่อ่าหรูหราสง่างาม เฒ่าหมื่นพันวาสนานั่งบนเบาะปูพรมเปอร์เซียจับเหล้าองุ่นอย่างสบายใจ
ใบหน้าของเฒ่าหมื่นพันวาสนายิ่งแดงเปล่งปลั่งยิ่งกว่าเหล้าองุ่น ความปลาบปลื้มของมันระอุคุกรุ่นมากกว่าแสงตะวัน กระทั่งยามหลับตาลงยังเห็นตัวมันกำลังตะกายลอยคออยู่ในทะเลทรัพยสินเงินทองเจียนตาย เพียงแต่นำเรือเทียบท่า สินค้าจากนอกด่านที่นำมาจะแปรเปลี่ยนเป็นทรัพยสินเงินทองมหาศาล มาให้มันตะกายปีนป่ายเล่น มาตรว่าพลัดตกลงมาตายก็นับว่าตายในกองเงินกองทอง ยังสามารถหัวร่อคุยใส่หน้าทับถมข่มหยันยมบาล มีเงินทองอย่างไรก็ประเสริฐกว่าไม่มีเงินทองมากนัก
ผู้คนขอเพียงมีเงินทองสง่าราศรีเจิดจรัสจัดจ้ากว่าแสงอาทิตย์ ตัวก็คล้ายพองใหญ่คับโลกล้นฟ้าบารมี ไปมาที่ใดมีผู้คนก้มหัวยอมสยบลนลานรับใช้ปางตาย ต้องการสิ่งใดล้วนมีลิ่วล่อวิ่งประเคนสรรหา กระทั่งผายลมออกมายังมีผู้คนวิ่งมาสูดดมชมเชยยกย่องว่าหอมหวนชวนดมยิ่งกว่าบุปผาชาติ มีเงินมีทองไม่หวั่นกฏหมายบ้านเมือง ทำผิดเช่นไรมีคนวิ่งเต้นช่วยเหลือโทษใหญ่เทียมขุนเขาเหลือเท่าไรริ้น
คนไม่มีเงินต่อให้เดินผ่านก็คล้ายไม่รู้สึก คล้ายไม่มีตัวตนในโลกนี้ นับว่าเป็นคนอดอยากผอมแห้งจนละลายหายวับไปกับตาได้ทุกเมื่อ
แต่เวลาเคลิ้มฝันของเฒ่าหมื่นพันวาสนาคล้ายจวนจบสิ้นลงแล้ว หูได้ยินเสียงระเบิดตูมใหญ่สะท้านสะเทือน
เปลวเพลิงลุกจ้าอยู่บนเรือสินค้าอีกลำก็เจิดจรัสจัดจ้ากว่าแสงอาทิตย์ เปลวไฟคล้ายสะบัดเปลวสูงเสียดฟ้าไปถึงปุยเมฆ
"นั่นอะไร"
เฒ่าหมื่นพันวาสนาพอเห็นสะดุ้งตัวลอยจากเบาะนั่งรับลม ที่เห็นอยู่คือเปลวไฟนรกกำลังเผาผลาญเรือสินค้าของมันอีกลำจนโชติช่วง ผู้คนกำลังทยอยหนีลงในเรือช่วยชีวิต บางส่วนขวัญกล้าแข็งกระโจนลงน้ำว่ายตัดเข้าฝั่ง ไม่มีใครคิดจะดับเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำ
เฒ่าหมื่นพันวาสนารู้สึกว่าภูเขาเงินทองของมันกำลังพังทลายลงมาทับ จนลมหายใจแทบขาดห้วง ทะเลทรัพยสินซึ่งมันกำลังแหวกว่ายอยู่กลับกลายเป็นวังวน ดูดกลืนมันลงไปสู่ก้นบึ้งแห่งความสยดสยอง
"ช่วยกันดับไฟ ช่วยกันดับไฟ เจ้าพวกหน้าโง่"
มันแผดร้องสุดเสียงวิ่งพ่านไปมาราวหนูติดจั่น สายตาเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
อะไรบางอย่างอยู่บนเรือลำนั้น ท่ามกลางเปลวเพลิงควันไฟ เงาร่างหนึ่งโฉบไปมาคล้ายวิหคเหิรลม ไปที่ใดล้วนมีเสียงระเบิดกึกก้องราวเป็นตัวเชื้อเพลิง....โฉบไปที่ใดล้วนมีเศษไม้ระเบิดกระจุยกระจายเวียนว่อน บางทีถึงกับพุ่งเข้าผนังด้านหนึ่ง ทะลุออกอีกด้านหนึ่ง ราวหัวกระสุนมรณะ ทิ้งกลุ่มควันเปลวไฟและความพินาศย่อยยับไว้เบื้องหลัง
ลูกเรือกลุ่มหนึ่งวิ่งตรงมาหามัน ทุกคนล้วนมีสีหน้าซีดแผดราวปลาตาย พวกมันไม่ตายขวัญก็โบยบินไปไกลสุดฟากฟ้าแล้ว
"นายท่าน…เร่งรีบหนีโดยด่วน นั่นเป็นฝีมือของธิดาทะเล"
คำว่า "ธิดาทะเล" มีผิดสายฟ้าฟาดใส่ภูเขาทรัพย์สินของมันจนแหลกสลาย ฟาดใส่ขวัญกำลังใจของมันละเอียดเป็นผุยผง คล้ายเป็นนามที่มีอานุภาพไม่อาจครุ่นคิดคำนวณ คุกคามจนหน้าเปลี่ยนสีหัวใจแทบกระดอนออกจากปาก
ทะเลแถบนี้ไม่มีคำใด ประโยคใด จะน่าแตกตื่นสะท้านขวัญผู้คนมากไปกว่าคำว่า "ธิดาทะเล" กับพฤติกรรมเร้นลับ..เงาร่างลึกลับร้ายกาจของธิดาทะเล อาละวาดจากทะเลถึงแผ่นดินใหญ่ยังไม่มีผู้ใดต้านรับได้ ไม่มีผู้ใดทราบเหตุผลของนางในทุก ๆ เรื่องที่กระทำ คล้ายพอใจคล้ายไม่พอใจ..ไม่คำนึงถึงเหตุผล ล้วนสามารถบันดาลให้นางกระทำเรื่องราวทุกประการ
เสียงระเบิดหนักๆ ดังขึ้นอีกครั้งบนเรือลำนั้น เปลวไฟลุกโชนมากกว่าทุกครั้ง ลูกไฟใหญ่น้อยกระจายออกราวพลุไฟนรก เศษไม้ติดไฟร่วงหล่นลงทะเลลุกโพลงเป็นหย่อมๆ สร้างสภาพราวตกอยู่ในสมรภูมิ เปลวเพลิงควันไฟตัดแสงอาทิตย์แดงฉานเจิดจ้าไปทั่วท้องทะเล เสากระโดงตั้งสูงตระหง่านค่อยล้มฟาดครืนลง
เฒ่าหมื่นพันวาสนาห่วงหน้าพะวงหลัง ขณะบริวารของมันพยายามรั้งมันลงเรือเล็กช่วยชีวิต เป้าหมายต่อไปจะต้องเป็นเรือลำนี้แน่นอน
"นั่น…"
ใครคนหนึ่งชี้มือไปบนยอดเสากระโดงเรือ ด้วยเสียงแทบไม่เป็นผู้คน
เสากระโดงเรือ เงาร่างสตรีผู้หนึ่งในชุดดำยาวสนิทราวเงาแห่งความมืด มิทราบว่ามาตั้งแต่เมื่อใด ผมเผ้าของนางยุ่งสยายยาวปรกรกระปิดหน้าปิดตาดั่งภูตวิญญาณร้ายจากทะเล
"ธิดาทะเล…."
เสียงผู้คนคร่ำครวญมิทันจางหาย ร่างของนางลื่นไหลลงมาตามลำกระโดงเรือดั่งดาวตก ใบเรือสลายกลายเป็นผีเสื้อสีขาวโบยบินเต็มท้องฟ้า ติดตามด้วยเสียงเปรี๊ยะแตกสนั่นจากปลายเสากระโดงเรือลากยาวลงมาถึงพื้นเรือ เสากระโดงเรือทั้งหนาทั้งใหญ่ระเบิดแตกออกเป็นสองซีก ซีกซ้ายล้มไปทางซ้าย ซีกขวาล้มไปทางขวา ฟาดใส่พื้นเรือขอบเรือ พลิกหักโค่นโครมครืนลงน้ำทะเลสนั่นหวั่นไหว
ส่วนธิดาทะเลพุ่งลงมากระแทกใส่พื้นเรือโครมใหญ่ ทะลุทะลวงเป็นโพรง ลับหายไปใต้ท้องเรือคล้ายเป็นมายาภาพหลอกหลอนผู้คน
ยังไม่ทันจะตั้งตัว เสียงพื้นเรือด้านหลังของเฒ่าหมื่นพันวาสนาระเบิดตูม ทุกคนหันไปมองเร็วพอที่จะทันเห็นพื้นเรือระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่งเศษไม้ใหญ่น้อยพุ่งกระจายสู่ท้องฟ้าดั่งภูเขาไฟพิโรธโกรธเกรี้ยว พร้อมกับกลุ่มควันเปลวไฟพวยพุ่งติดตามมา ตัวเรือสะท้านสะเทือนราวถูกมืออสูรนรกจับเขย่า
ธิดาทะเลพุ่งขึ้นมาจากรอยแตก หมุนตัวกลางอากาศ ก่อนเปลี่ยนทิศทางเป็นพุ่งไปแนวราบตัดผ่านไปบริเวณหัวเรือ แล้ววกกลับมาทางทางท้ายเรืออีกครั้งเป็นเส้นตรง ราวฝีมือเมธีจิตรกรบรรจงลากเส้นพู่กันลงบนผืนผ้าใบ
เส้นแนวที่นางพุ่งผ่าน มีเสียงดังเปรี๊ยะ..เปรี๊ยะ...แตกสนั่นถี่ยิบตามหลังติดๆ พื้นเรือแยกออกเป็นทางยาวเหยียดก่อนระเบิดออก...ส่งเศษไม้ปะทุพุ่งขี้นสูง ตัดกับฝูงผีเสื้อสีขาวของเศษใบเรือที่กำลังโบยบินตามกระแสลมกระโชก เปลวไฟแดงฉานและกลุ่มควันทะมึนดำอยู่เบื้องหลัง
ภาพในฝันร้ายของผู้คนนานเท่านาน
เรือทั้งลำกำลังจะจมลง คนผู้เดียวสามารถอาศัยมือเปล่าเท้าเปลือย จมเรือสินค้าสองลำติดต่อกันได้ในเวลาอันไม่นาน..ในยุทธภพนี้น่ากลัวมีเพียงธิดาทะเลเท่านั้น
ผู้คนล่าถอยลงเรือช่วยชีวิต แต่ยังมีเงาร่างสองร่างดาหน้าใส่ธิดาทะเล
เป็นคนคุ้มกันที่เฒ่าหมื่นพันวาสนาว่าจ้างมาคุ้มกัน ซามูไรสองพี่น้องจากดินดินอาทิตย์อุทัยไกลโพ้น
ซามูไรยาวกว่ากระบี่ "สั้นหนึ่งส่วนอันตรายหนึ่งส่วน ยาวหนึ่งส่วนเข้มแข็งหนึ่งส่วน" ซามูไรสองเล่มผนึกกำลังกัน กลับกลายเป็นความเข้มแข็งรุนแรงกราดเกรี้ยวสิบส่วน เนื่องเพราะการประสานกระบวนท่าชดเชยสร้างเสริมกันจนความร้ายกาจเป็นทวีคูณ ประกายสีเงินเป็นกากบาทไขว้สลับฟันใส่ธิดาทะเล ปิดกั้นทางถอย สลัดทางหลบหมดสิ้น เพลงดาบญี่ปุ่นไม่พลิกแพลงซับซ้อนเหมือนกระบี่ แต่ชัดเจนกราดเกรี้ยวรุนแรงรวบรัดตัดความ
ธิดาทะเลไม่สนใจว่า เป็นกระบี่ หรือดาบยาว ไม่แยแสว่าเป็นกระบวนท่าใด เช่นไร ดุร้ายดุดันเพียงใด นางพุ่งร่างเข้าใส่ประกายสีเงินของดาบยาวอย่างไม่เห็นอยู่ในสายตา เอื้อมมือหักดาบยาวสองเล่มกลายเป็นสี่ท่อนอย่าง่ายดาย พุ่งผ่านระหว่างสองพี่น้องซามูไรไปก่อนหมุนตัวดังลูกข่าง เจาะลงพื้นเรือเหมือนพื้นเรือเป็นเพียงก้อนเต้าหู้ พุ่งทะลุออกด้านข้าง โดยมีเปลวเพลิงควันไฟตามติดเป็นกลุ่มก้อน พร้อมกับเสียงระเบิดตูมใหญ่เศษไม้กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้า
สองซามูไรพลันพบว่าเพลงดาบพากเพียรฝึกฝนมานับสิบปี ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงดาบเด็กเล่นเท่านั้น คนเช่นธิดาทะเลไฉนมีอยู่ในโลก ความอาจหาญหายวับไปทันที พากันวิ่งลงเรือเล็กสุดชีวิต
เสียงระเบิดติดต่อการหลายครั้ง กระหน่ำซ้ำเติมจนเรือทั้งลำกลับกลายเป็นเศษไม้จมลงสู่ก้นทะเล
คนที่โศกเศร้าคับแค้นที่สุดได้แก่เฒ่าหมื่นพันวาสนา
มันสาบานต่อตนเอง ต่อทะเลสีแดงฉานเป็นสีเลือด จะทุ่มเทชีวิตที่เหลือว่าจ้างยอดฝีมือทั่วแผ่นดินไล่ล่าธิดาทะเลไปทั่วพิภพจบแดน
ทะเล-ท้องฟ้า-ก้อนเมฆหม่นมัวเป็นสีเลือด ทะเลถูกลูบไล้ทั้งแสงแดดยามเย็นและเปลวไฟซากเศษเรือลุกไหม้ลอยกระจัดกระจายไปทั่วอ่าวเล็กๆ ที่ตั้งของท่าเรือแห่งนั้น
ไกลออกไปจากกลุ่มควันเปลวไฟ ธิดาทะเลลอยคออยู่ในทะเล เรือนผมยาวสยายปิดใบหน้าราวพรายทะเล ชื่นชมกับผลงาน..ก่อนค่อยจมลงไปเส้นผมราวสาหร่ายผมกระเพื่อมไหวพลิ้วในกระแสน้ำรางเลือน
กลืนหายลับไปกับปีกของรัตติกาลที่ค่อยคลี่ลงมาปกคลุมในที่สุด
จบบทที่ 1