รีวิวการขอวีซ่าท่องเที่ยว UK ด้วยตัวเอง (Aug 2018)


(ขอบคุณภาพหัวเรื่องจากเพื่อน Baros )

อังกฤษ หนึ่งในประเทศที่หลายๆ คนอยากไปเยือน บ้านเมืองผู้ดีที่มีเสน่ห์ ชวนให้หลงใหล โดยเฉพาะสาวกแฮร์รี่พอตเตอร์ที่ครั้งหนึ่งก็ต้องอยากไปเยือนเมืองแห่งเทพนิยายนี้ให้จงได้ วันนี้เราเลยมาแชร์ประสบการณ์ยื่นวีซ่าท่องเที่ยว UK ด้วยเองและเป็นครั้งแรกของการขอวีซ่าเมืองฝรั่งมาให้อ่านกันค่ะ

- กรอกข้อมูลใบสมัครขอวีซ่าออนไลน์ผ่านทาง http://www.visa4fco.gov.uk  รายละเอียดการกรอกข้อมูลดูได้ตามนี้ www.changtrixget.com/tiptrick/applyukvisa/ เลยค่ะ ***การกรอกข้อมูลต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น***

- เมื่อกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าออนไลน์ครบถ้วน และตรวจจนถ้วนถี่แล้ว ก็กดคอนเฟิร์มโลด
จ่ายเงินค่าวีซ่า 130 USD (เราจ่ายผ่านบัตรเครดิต ราวๆ 4,400 บาท ยอดเงินจะคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนของบัตรนั้นๆ )

- เลือกวันที่ที่จะเข้าไปยื่นเอกสารกับ VFS (ของเราเลือกเวลา 13:15 น. วันพฤหัสฯ ที่ 2 สิงหาคม 2561)
พิมพ์เอกสาร เช่น ใบยืนยันการจ่ายเงิน (Payment Successful) , ใบนัดยื่นเอกสาร (Document Checklist) และใบสมัครขอวีซ่าออนไลน์ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว (Visa Application) ถ้า ณ ตอนนั้นไม่มีเครื่องพิมพ์ให้บันทึกไฟล์ไว้ หรือสามารถเข้าระบบแล้วมาพิมพ์ทีหลังได้



จบขั้นตอนการกรอกข้อมูลขอวีซ่าออนไลน์ ต่อไปเป็นเอกสารที่เราเตรียมไปก็จะมีดังนี้ค่ะ คืออะไรที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อการพิจารณาผลวีซ่าเราก็จัดใหญ่ จัดเต็ม ใส่มาให้หม้ดดดด

1. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน ที่มีอายุเหลือเกิน 6 เดือน และมีหน้าว่างมากกว่า 2 หน้า (ตัวจริง พร้อมสำเนา ถ่ายไปเผื่อเลยสัก 2-3 ชุด)

2. หนังสือเดินทางเล่มเก่า เราถ่ายเอกสารหน้าพาสปอร์ตและทุกๆ หน้าที่มีตราประทับการเดินทางเข้า-ออก ประเทศต่างๆ (ถ้าจะยื่นพาสปอร์ตเล่มเก่าต้องถ่ายเอกสารมานะ เขาจะไม่เอาเล่มจริงไป)

3. แบบฟอร์มใบสมัครขอวีซ่าออนไลน์ที่ปริ้นท์ออกมาแล้ว (Visa Application) รวมทั้ง ใบยืนยันการชำระเงินค่าวีซ่า (Payment Successful) และใบยืนยันการนัดยื่นเอกสาร (Document Checklist)

4. สำเนาบัตรประชาชน (เราแนบฉบับแปลไปด้วย)

5. สำเนาทะเบียนบ้าน (เราแนบฉบับแปลไปด้วย)

6. เอกสารการการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (เราบินไปลงลอนดอน แต่ขากลับจะออกจากปารีส), ตั๋วรถไฟลอนดอน-ปารีส และตั๋วรถบัสไป- กลับ ลอนดอน-เอดินบะระ

7. หนังสือรับรองการทำงาน เนื่องจากบริษัทเราไม่มีสลิปเงินเดือน เราเลยยื่นเอกสารรับรองรายได้ และถ่ายเอกสารนามบัตรหน้า-หลังแนบไปด้วย (**เอกสารใดๆ ที่ไม่ได้เป็น A4 ต้องถ่ายเอกสารไปนะคะ เพราะเขาต้องเอาไปสแกน แต่ถ้าเอกสารใดตัวจริงเป็น A4 อยู่แล้วไม่ต้องถ่ายไปก็ได้ค่ะ)

8. แผนการเดินทาง

9. เอกสารทางการเงิน เรายื่นไปทั้ง Statement ย้อนหลัง 6 เดือน, Bank Certificate และถ่ายเอกสาร Book Bank ไปเพิ่มเติมด้วย

10. Cover letter เราเขียนแนะนำตัวเอง และบอกคร่าวๆ ว่าไปทำอะไร กี่วัน และยืนยันว่าเราจะกลับมาไทยหลังจากจบทริปอย่างแน่นอน

11.คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด และข้อมูลบัตรเดบิต บัตรเครดิต บอกว่ามีวงเงินในการใช้จ่ายเท่าไหร่

12. ประกันการเดินทาง เราซื้อของ MSIG ไว้ เพราะเค้าบอกว่าถ้าวีซ่าไม่ผ่านคืนเงินได้ แต่จริงๆ ก็มีอีกหลายเจ้านะที่คืนเงินให้ ที่เลือกเจ้านี้เพราะมีโปรโมชั่นแถมบัตรกาแฟเงือกน้อยพอดี  (ในลิสต์ขอวีซ่า UK ไม่ได้ require ประกันการเดินทางไว้ แต่เราต้องไปขอวีซ่าเชงเก้นต่อเลยซื้อแล้วก็แนบไปด้วยเลย)




เตรียมเอกสาร ตรวจทานให้เรียบร้อย เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอวันไปยื่นเอกสาร มันเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปเยือนยุโรปอ่ะเนาะ ก็เลยจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เอกสารใส่ซองไว้แล้วก็จะเอาออกมาตรวจแล้ว ตรวจอีก มาดูกันดีกว่าว่าวันยื่นเอกสารจะเป็นยังไงบ้าง

- การยื่นวีซ่า UK ในกรุงเทพฯ ต้องยื่นผ่าน VFS การเดินทางก็ลงบีทีเอสนานนา ทางออกที่ 3 เดินต่อไปยังซอยสุขุมวิท 13 เข้าซอยไปจะเจอตึก Trendy อยู่ด้านขวามือ เข้าไปในอาคารให้มองหาโต๊ะของ VFS เลย

- ของเรานัดไว้ 13.15 น. เจ้าหน้าที่ให้มาตรงเวลา ถ้ามาก่อนก็รอจนถึงเวลานัดของตัวเองค่อยเข้าไปติดต่ออีกที

-ถึงเวลานัดก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมกับบอกชื่อและยื่นเอกสารใบนัดให้เขาดู (จุดนี้เหมือนเป็นการเช็คชื่อว่ามาถูกวันที่นัดไว้หรือเปล่า)

- เจ้าหน้าที่เช็คชื่อ ดูเอกสารเรียบร้อยก็จะบอกให้ไปที่ลิฟท์ด้านหลัง ขึ้นไปที่ชั้น 28 ให้ไปที่ลิฟท์ตัวซ้ายมือนะคะ เป็นลิฟท์ของ VFS ที่จะจอดเฉาะชั้น G, ชั้น 8 และ ชั้น 28 เท่านั้น

- เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 28 จะมีเจ้าหน้าที่จัดแจงถ้าคนเยอะจะให้เข้าแถวรอก่อน เพื่อเข้าเครื่องสแกนไปด้านใน
เข้ามาข้างในแล้วเราก็มองหาป้ายที่เขียนว่า UK เลยค่ะ แต่พอไปยื่นเจ้าหน้าที่บอกว่าเรายังไม่ได้เรียงเอกสารให้ไปเรียงด้านหลังก่อน ตอนนั้นคือมีคนต่อแถวรออยู่ รออยู่สักพักเลยเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ช่องที่ว่าง และช่องนั้นคือเค้าจะแนะนำให้เรียงเอกสารเอง แต่ก็ไม่ยากนะ เจ้าหน้าที่เค้าจะคอยแนะนำและมีใบปะหน้าที่มีบาร์โค้ดให้เรียงตาม (แนะนำให้ปริ้นท์ใบปะหน้าแบบบาร์โค้ด แล้วเรียงมาเองก่อนเลยค่ะ ถ้ามารอให้เจ้าหน้าเขาจัดเรียงให้เขาคิดค่าเรียงเอกสาร 150 บาท ด้วยนะ)

- เรียงเอกสารเสร็จก็กลับมาที่เค้าน์เตอร์แรกป้าย UK ตรงนี้จะตรวจดูความเรียบร้อยเอกสารอีกที และให้บัตรคิวมา ก็เข้าไปรอด้านในได้เลย ส่วนของ UK จะอยู่ด้านในสุดของห้อง ด้านนอกๆ จะเป็นของออสเตรเลีย (รวมห้องเดียวกันแต่แบ่งครึ่ง)

- มานั่งรอเรียกคิว เราก็ดูเลขทางหน้าจอแต่มันดันเป็นคิวที่เลยเลขของเราไปแล้ว เลยถามคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งคิวก่อนเราประมาณ 20 คิวได้ เค้าบอกว่าให้รอคนเรียกก่อน ตัวเค้าเองก็รอมาสักพักแล้วแต่ยังไม่ถึง อ่ะ เราก็นั่งรอๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ อ่ะ…..เค้าเรียกคิวเราแล้ว เพื่อที่จะเอาบัตรคิวอันใหม่ที่มีบาร์โค้ดมาให้

- เมื่อได้บัตรคิวใหม่มาแล้วทีนี้ก็ดูตามหน้าจอได้แล้ว ประมาณ 15 นาที ก็ถึงคิวเราไปยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่ก็จะถามชื่อ และขอเอกสารพร้อมหนังสือเดินทางตัวจริงๆ ขั้นตอนนี้ก็จะเป็นการสแกนเอกสารไปยังศูนย์พิจารณาวีซ่าที่อินเดีย แต่ตัวหนังสือเดินทางเราจริงๆ นั้นจะถูกส่งไปยังสถานทูตอังกฤษ (แอบถามเค้ามา)

- ระหว่างนั้นก็จะมีให้เซ็นเอกสาร และถามเราว่าจะมารับเอกสารเองหรือจะให้ส่งไปรษณีย์ ค่าส่ง 280 บาท เราเลือกมารับเอง เขาเลยถามต่อว่าสนใจสมัครบริการ SMS ไหม ค่าบริการ 85 บาท ก็เลยสมัครไว้

- สแกนเอกสารส่วนนี้เสร็จสรรพ เจ้าหน้าที่ก็ยื่นสำเนาพาสปอร์ตเราที่มีตราประทับ VFS ลายเซ็นเจ้าหน้าที่ที่หนีบใบเสร็จติดไว้มาให้ และบอกว่าให้เอาใบนี้มายื่นตอนรับเล่ม จากนั้นก็คืนเอกสารทั้งหมดมาให้

-กลับมารอเรียกคิวเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้จะเป็นการรอคิวเข้าห้อง bio หรือห้องสแกนลายนิ้วมือและถ่ายรูปนั่นเอง จุดนี้ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ก็เสร็จเรียบร้อย

- เราออกจากตึก Trendy ราวๆ บ่ายสามโมงครึ่ง รวมๆ แล้วก็ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

- ช่วงประมาณ 6 โมงเย็นก็มีข้อความมาบอกว่าเอกสารเราถูกส่งไปยังศูนย์พิจารณาวีซ่าแล้ว


อาจจะละเอียดมากไปหน่อย แต่เราอยากให้เห็นภาพ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไปยื่นครั้งแรกแบบเรา มันก็จะมีความเอ๋อๆ เด๋อๆ อยู่บ้างล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอข้อความมาบอกว่าให้เข้าไปรับเล่มได้ ตื่นเต้นนมากเวอร์ บอกเลยยย ><




ใบปะหน้าแบบบาร์โค้ดโหลดได้ที่นี่ www.vfsglobal.co.uk/th/th/vacs/supporting-documents

               .....................................
The processed visa application for GWFxxxxx was ready to pick up !!!

เป็นข้อความที่รอมากว่าร่วมเดือน นับนิ้วมือนิ้วเท้ารอว่าเมื่อไหร่จะครบ 15 วันทำการซะที แล้ววันนี้ก็มาถึงค่ะ เราได้รับข้อความนี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 ช่วงประมาณสิบเอ็ดโมง ตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก เพราะแพลนไว้ว่าอีกสองวันถ้ายังไม่มีข้อความมาจะเข้าไปเช็คด้วยตัวเอง มาดูการไปรับเล่มวีซ่าคืนกันค่ะ

- ไปลงบีทีเอสนานาๆ และไปตึกเทรนดี้เหมือนเดิมนั่นล่ะ
- ไปถึงขึ้นลิฟท์ไปชั้น 28 ได้เลย
- ถึงชั้น 28 เข้าไปช่อง UK แล้วบอกว่ามารับเล่มพาสปอร์ต เขาจะกดบัตรคิวให้
- รับเล่ม UK ให้ดูคิวหน้าจอที่เป็น UKDxxx หรือไปนั่งรอหน้าเค้าเตอร์หมายเลข 10,11 ได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่เขาจะเรียกตามคิวให้ไปยื่นใบรับเล่ม (ใช้เอกสารหน้าพาสปอร์ตเรา + ใบเสร็จ ไปยื่น)
- จากนั้นจะบอกให้มานั่งคอย รอเรียกชื่ออีกรอบนึง พอถึงชื่อเราก็ไปรับซองที่ช่องหมายเลข 10 ณ เวลานั้นคือตื่นเต้นมากกกเวอร์  ออกมาจากห้องนั้นปุ๊ปก็มานั่งเปิดซองเลยค่ะ มือไม้นี่สั่นไปหมด และสุดท้ายยยย ผลก็คือ……….ผ่านค่ะ !!!! ได้มา 6 เดือน Multiple หู้วววว โล่งไปที ><






>>>ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการไปขอวีซ่าเชงเก้น(ฝรั่งเศส) ตามไปดูได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ https://goo.gl/Expbas
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่