ข่าวนี้ มันมีเบื้องลึก การตัดสินใจ ครั้งนี้นับว่าเป็น การตกผลึกทางความคิดของทักษิณแล้ว บวกลบไ-ด้เสีย ตามนิสัยพ่อค้า
ลูกเขย จึงเป็นทางเลือก สุดท้าย
การก้าวย่างต่อจากนี้ไปของ ทักษิณ ิจะเป็นการยอมถอย (ด้วยการจนต้อสถานการณ์) เพื่อรักษา สภาพของตัวเอง
แต่การถอยของทักษิณ จะไม่ใช่การถอยแบบหางจุกตูด แต่เป็นการถอยเพื่อกุมสภาพ คอยหาจังหวะ ตีโต้เอาคืน( หากมีโอกาส จะกระทืบซ้ำทันที); ทั้งนี้ คนห้าวอย่างทักษิณ ไม่เคยกลัวใคร ทำไมถึงยอมถอยมาตั้งหลัก มันต้องมีที่มาที่ไป แต่สรุปรวมได้ว่า ยัง มีคนๆ หนึ่ง ที่ทักษิณ ไม่อาจทะลวงไปได้ อย่างน้อยๆ ก็ในเวลาอันสั้นช่วงนี้
บุคคลนั้น ก็ คือ ลุงตู่ นั่นเอง
นับแต่มัการเข้ามากุมสภาพการปกครองในประเทศ ของ ลุงตู่ ืและ คณะ ทำให้ทักษิณและบริวาร ไม่สามารถขยับอะไรได้มากนัก ทั้งใต้ดิน และบนดิน ผิดกับการ ยึดอำนาจ กาลครั้งก่อน ที่ทักษิณเปิดแนวรบทุกด้าน ก่อกวน กดดันฝ่ายทหารได้ถอสมควร
ทั้งนี้มาจาก มันสมองของทีมลุงตู่ที่ ทำการบ้านมาอย่างดี จนรุ้ไส้ขดของ ขบวนการทักษิณ และบริวาร จนสามารถสยบความผยองของขบวนการจ้องป่วนได้อยุ่หมัด
ที่สำคัญๆ การโดนสกัดจุดจน ขบวนการใต้ดิน บนดินของทักษิณ เป็นง่อย ส่วนใหญ่ก็มาจาก การไม่พัฒนารูปแบบ แต่ขบวนการทักษิณยังใช้รูปแบบเดิมๆ ที่โดนเค้าจับทางได้แล้ว ก็เลยกลายเป็นง่อยเปลี้ย เช่นที่เห็นอยู่
แต่ฝ่ายทักษิณยังเหลือไม้ตายสุดท้าย ที่จะเอาคืนฝ่ายทหารและนับรอวันมาถึง ก็คือ การเลือกตั้ง เพราะยังเขื่อว่า ยังไงๆ เพื่อไทยก็ชนะ หิมะถล่ม
แต่ก็อีกนั่นแหละ การเลือกตั้งปูทางเดินของทักษิณก็ยังไม่สะดวกโยธิน ยังมีอุปสรรคขวางอยุ่ เพราะการมีขึ้นของสิ่งหนึ่ง คือ กติกาเลือกตั้งแบบใหม่
กติกาการนับคะแนนแบบของเยอรมัน ที่ให้ความสำคัญกับ คะแนนทุกเสียงของประชาชน สามารถนำเอาคะแนนมารวมกันทั้งประเทศเพื่อคำนวณจำนวน สส. ที่แต่ละพรรคควรจะได้
รายละเอียดของกติกานค้ ทุกคนต่างรุ้กันดีแล้วว่า จะเป็นอย่างไร( แต่จะขอเสริมว่า กติกาแบบนี้ เคยถูกเสนอใช้ใาแล้วครั้ง รธน. 50 แต่ฝ่ายเสนอกลายเป็นเสียงข้างน้อย แนวคิดจึงตกไป)
เท่ากับว่า หลังการเลือกตั้งเสร็จ จะไม่มีพรรคไหน ได้สส.ถล่มทลายแบบเดิมแล้ว จำนวนสส.จะโดนเกลี่ยไป จนถึงพรรคเล็กพรรคน้อย ซึ่งทางเยอรมันใช้กันอยู่
ทักษิณก็รุ้ กติกานี้แต่ ยังเขื่อมั่น ว่า หาก สส.เดิมยังอยุ่กันครบ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง จนทักษิณ โดนลูกตีจากของ อดีตสส. เข้านั่นแหละถึงกับ ออกอาการเซ็ง เพราะเลือดที่จะไหลออกไปอีกก็ไม่ใช่น้อยๆ
การเลิอกตั้งครั้งนี้ ก็เลยทำให้สภานการณ์บ้านเมืองตกไปอยุ่ในสภาพของ สามก๊ก อย่างที่ อภิสิทธิ์เคยเปรียบเอาไว้
ฝ่ายประชารัฐ ฝ่ายเพื่อไทย และฝ่ายปชป
การตกเลิอดครั้งนี้ และกติกาการนับคะแนนแบบเยอรมัน ทำให้เพื่อไทยไม่สามารถกลับมาผงาดได้อีก และโดนมองว่า เพื่อไทยจะกลายเป็น ฝ่ายค้านแน่นอน
แต่ทักษิณ ไม่คิดเช่นนั้น กลับใช้ความพลัวเพื่อเอาตัวรอด จึงส่ง เขยใหญ่ เข้ามาสู่แวดวงการเมือง แบบเจ้าตัวไม่ทันตั้งตัว
ในสภาพที่ไม่มีพรรคใดได้เสียงขาดเช้นนี้ การรวบรวมพรรคพวกเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เป็นเกมที่ดุเดือด เลือดพล่านทีเดียว ลูกเล่นสารพัดจะงัดเอามาใช้ แต่หลักๆก็คือ ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน กันทุกพรรค
(ย้อนไปถึงครั้งที่ มีการผลักดัน ให้ออก พรบ .นิรโทษ ทักษิณก็-ได้ ประเมินเอาไว้ระดับหนึ่งถึงความเสี่ยง หากครั้งนั้น ไม่ใช่ปู แต่เป็น เขยใหญ่ ทักษิณ คงไม่กล้า สั่งดัน พรบ.แน่ เพราะยังไงๆ ความรักลูกสาวก็มีมากกว่า ไหนจะหลานตาอีก คงไม่ให้ เขยใหญ่ เสี่ยงภัยแน่นอน)
การตัดสินใจส่ง เขยใหญ่ มาในครั้งนี้ จะเป็นการยอมถอย ในรูปแบบประนีประนอม แน่นวล ไม่ใช่เป็การเดินหน้าเข้าชน แบบเก่าแล้ว
และการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทย ไม่ได้ต้งเป้ามาเพื่อให้คนของตน เป็น นายกฯ
แต่ตั้งเป้าขอเอาพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน
ทักษิณ ก็จะยิ่นข้อเสนอ ไ -ปยังประชารัฐ ยอมให้ลุงตู่ ขึ้นผ่องเป็นนายกอีกสมัย ทั้งๆที่เพื่อไทยมีคุะแนนเสียงอันดับหนึ่ง แล้วให้คนเพื่อไทยเป็น ประธานรัฐสภา ส่วนเขยใหญ่ ก็แน่นวล-ได้นั่งเก้าอี้ รมต. อาจจะเป็น รมต.สำนักนายก เพื่อ ฝึกงาน และตีสนิท กับทีมลุงตู่ไปก่อน
ทักษิณไม่เคยตะงิดใจเรื่อง กองเชียร์ ฝังใจว่า ฝ่ายประชาธิปไตย กับ ฝ่ายเผด็จการ รวมกันไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นทุกครั้ง ทักษิณ จะมีชุดคำพูดมากล่อม กองเชียร์ได้เสมอๆ
ส่วน ปชป. ก็เป็นฝ่ายค้านไ-ป ตามระเบียบ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะเป็นบทถนัดอยุ่แล้ว
การมาของ เขยใหญ่ จึงไม่ใช่การเมืองยุคเอาเป็นเอาตาย แต่เป็นยุคแห่งการประนีประนอม ชิงไหวชิงพริบ ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อ สร้าง เขยใหญ่ ให้มีคอนแนคชั่นและ แกร่งในทางการเมืองมากกว่า
เพราะทักษิณ รักลูกสาว รักหลาน เกินกว่าจะผลักดัน เขยใหญ่ ไปจนสุดั จนสุดท้ายตัองซื้อตั๋วบินไปต่างประเทศเที่ยวไปขาเดียว โดยไม่มีตั๋วขาบินกลับแบบตนเองกับน้องสาว...
ทางถอย
ลูกเขย จึงเป็นทางเลือก สุดท้าย
การก้าวย่างต่อจากนี้ไปของ ทักษิณ ิจะเป็นการยอมถอย (ด้วยการจนต้อสถานการณ์) เพื่อรักษา สภาพของตัวเอง
แต่การถอยของทักษิณ จะไม่ใช่การถอยแบบหางจุกตูด แต่เป็นการถอยเพื่อกุมสภาพ คอยหาจังหวะ ตีโต้เอาคืน( หากมีโอกาส จะกระทืบซ้ำทันที); ทั้งนี้ คนห้าวอย่างทักษิณ ไม่เคยกลัวใคร ทำไมถึงยอมถอยมาตั้งหลัก มันต้องมีที่มาที่ไป แต่สรุปรวมได้ว่า ยัง มีคนๆ หนึ่ง ที่ทักษิณ ไม่อาจทะลวงไปได้ อย่างน้อยๆ ก็ในเวลาอันสั้นช่วงนี้
บุคคลนั้น ก็ คือ ลุงตู่ นั่นเอง
นับแต่มัการเข้ามากุมสภาพการปกครองในประเทศ ของ ลุงตู่ ืและ คณะ ทำให้ทักษิณและบริวาร ไม่สามารถขยับอะไรได้มากนัก ทั้งใต้ดิน และบนดิน ผิดกับการ ยึดอำนาจ กาลครั้งก่อน ที่ทักษิณเปิดแนวรบทุกด้าน ก่อกวน กดดันฝ่ายทหารได้ถอสมควร
ทั้งนี้มาจาก มันสมองของทีมลุงตู่ที่ ทำการบ้านมาอย่างดี จนรุ้ไส้ขดของ ขบวนการทักษิณ และบริวาร จนสามารถสยบความผยองของขบวนการจ้องป่วนได้อยุ่หมัด
ที่สำคัญๆ การโดนสกัดจุดจน ขบวนการใต้ดิน บนดินของทักษิณ เป็นง่อย ส่วนใหญ่ก็มาจาก การไม่พัฒนารูปแบบ แต่ขบวนการทักษิณยังใช้รูปแบบเดิมๆ ที่โดนเค้าจับทางได้แล้ว ก็เลยกลายเป็นง่อยเปลี้ย เช่นที่เห็นอยู่
แต่ฝ่ายทักษิณยังเหลือไม้ตายสุดท้าย ที่จะเอาคืนฝ่ายทหารและนับรอวันมาถึง ก็คือ การเลือกตั้ง เพราะยังเขื่อว่า ยังไงๆ เพื่อไทยก็ชนะ หิมะถล่ม
แต่ก็อีกนั่นแหละ การเลือกตั้งปูทางเดินของทักษิณก็ยังไม่สะดวกโยธิน ยังมีอุปสรรคขวางอยุ่ เพราะการมีขึ้นของสิ่งหนึ่ง คือ กติกาเลือกตั้งแบบใหม่
กติกาการนับคะแนนแบบของเยอรมัน ที่ให้ความสำคัญกับ คะแนนทุกเสียงของประชาชน สามารถนำเอาคะแนนมารวมกันทั้งประเทศเพื่อคำนวณจำนวน สส. ที่แต่ละพรรคควรจะได้
รายละเอียดของกติกานค้ ทุกคนต่างรุ้กันดีแล้วว่า จะเป็นอย่างไร( แต่จะขอเสริมว่า กติกาแบบนี้ เคยถูกเสนอใช้ใาแล้วครั้ง รธน. 50 แต่ฝ่ายเสนอกลายเป็นเสียงข้างน้อย แนวคิดจึงตกไป)
เท่ากับว่า หลังการเลือกตั้งเสร็จ จะไม่มีพรรคไหน ได้สส.ถล่มทลายแบบเดิมแล้ว จำนวนสส.จะโดนเกลี่ยไป จนถึงพรรคเล็กพรรคน้อย ซึ่งทางเยอรมันใช้กันอยู่
ทักษิณก็รุ้ กติกานี้แต่ ยังเขื่อมั่น ว่า หาก สส.เดิมยังอยุ่กันครบ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง จนทักษิณ โดนลูกตีจากของ อดีตสส. เข้านั่นแหละถึงกับ ออกอาการเซ็ง เพราะเลือดที่จะไหลออกไปอีกก็ไม่ใช่น้อยๆ
การเลิอกตั้งครั้งนี้ ก็เลยทำให้สภานการณ์บ้านเมืองตกไปอยุ่ในสภาพของ สามก๊ก อย่างที่ อภิสิทธิ์เคยเปรียบเอาไว้
ฝ่ายประชารัฐ ฝ่ายเพื่อไทย และฝ่ายปชป
การตกเลิอดครั้งนี้ และกติกาการนับคะแนนแบบเยอรมัน ทำให้เพื่อไทยไม่สามารถกลับมาผงาดได้อีก และโดนมองว่า เพื่อไทยจะกลายเป็น ฝ่ายค้านแน่นอน
แต่ทักษิณ ไม่คิดเช่นนั้น กลับใช้ความพลัวเพื่อเอาตัวรอด จึงส่ง เขยใหญ่ เข้ามาสู่แวดวงการเมือง แบบเจ้าตัวไม่ทันตั้งตัว
ในสภาพที่ไม่มีพรรคใดได้เสียงขาดเช้นนี้ การรวบรวมพรรคพวกเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เป็นเกมที่ดุเดือด เลือดพล่านทีเดียว ลูกเล่นสารพัดจะงัดเอามาใช้ แต่หลักๆก็คือ ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน กันทุกพรรค
(ย้อนไปถึงครั้งที่ มีการผลักดัน ให้ออก พรบ .นิรโทษ ทักษิณก็-ได้ ประเมินเอาไว้ระดับหนึ่งถึงความเสี่ยง หากครั้งนั้น ไม่ใช่ปู แต่เป็น เขยใหญ่ ทักษิณ คงไม่กล้า สั่งดัน พรบ.แน่ เพราะยังไงๆ ความรักลูกสาวก็มีมากกว่า ไหนจะหลานตาอีก คงไม่ให้ เขยใหญ่ เสี่ยงภัยแน่นอน)
การตัดสินใจส่ง เขยใหญ่ มาในครั้งนี้ จะเป็นการยอมถอย ในรูปแบบประนีประนอม แน่นวล ไม่ใช่เป็การเดินหน้าเข้าชน แบบเก่าแล้ว
และการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทย ไม่ได้ต้งเป้ามาเพื่อให้คนของตน เป็น นายกฯ
แต่ตั้งเป้าขอเอาพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน
ทักษิณ ก็จะยิ่นข้อเสนอ ไ -ปยังประชารัฐ ยอมให้ลุงตู่ ขึ้นผ่องเป็นนายกอีกสมัย ทั้งๆที่เพื่อไทยมีคุะแนนเสียงอันดับหนึ่ง แล้วให้คนเพื่อไทยเป็น ประธานรัฐสภา ส่วนเขยใหญ่ ก็แน่นวล-ได้นั่งเก้าอี้ รมต. อาจจะเป็น รมต.สำนักนายก เพื่อ ฝึกงาน และตีสนิท กับทีมลุงตู่ไปก่อน
ทักษิณไม่เคยตะงิดใจเรื่อง กองเชียร์ ฝังใจว่า ฝ่ายประชาธิปไตย กับ ฝ่ายเผด็จการ รวมกันไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นทุกครั้ง ทักษิณ จะมีชุดคำพูดมากล่อม กองเชียร์ได้เสมอๆ
ส่วน ปชป. ก็เป็นฝ่ายค้านไ-ป ตามระเบียบ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะเป็นบทถนัดอยุ่แล้ว
การมาของ เขยใหญ่ จึงไม่ใช่การเมืองยุคเอาเป็นเอาตาย แต่เป็นยุคแห่งการประนีประนอม ชิงไหวชิงพริบ ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อ สร้าง เขยใหญ่ ให้มีคอนแนคชั่นและ แกร่งในทางการเมืองมากกว่า
เพราะทักษิณ รักลูกสาว รักหลาน เกินกว่าจะผลักดัน เขยใหญ่ ไปจนสุดั จนสุดท้ายตัองซื้อตั๋วบินไปต่างประเทศเที่ยวไปขาเดียว โดยไม่มีตั๋วขาบินกลับแบบตนเองกับน้องสาว...