รู้สึกผิดหวังกับธนาคาร ไทยพาณิชย์
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมทำธุรกรรมทางการาเงินกับทางธนาคาร ไทยพาณิชย์ โดยการเริ่มต้นจากการที่ผมเป็น พนักงานไทพาณิชย์ กู้สวัสดิการพนักงาน (ซื้อบ้าน) และเริ่มทำธุรกรรม โดยก่อนหน้านี้ได้รับดอกเบี้ยพิเศษ จากธนาคารเนื่องจากเป็นพนักงานของธนาคาร และเมื่อลาออกจากงาน ดอกเบี้ยบ้านที่เคยกู้ก็จะกลายเป็นดอกเบี้ย ลูกค้าปกติ ซึ้งยังแพงกว่าดอกเบัย ลูกค้าโครงการ หรือลูกค้าเกรด A คือ MLR+1 ถึง 1.75 ผมเริ่มทำธุรกิจ และได้กู้เงินเพื่อปลูกอาคารพาณิชย์ ซึ่งด้านล่างทำธุรกิจ ด้านบนทำเป็นห้องเช่า หลังจาก3 ปี ผมก็ได้ไปขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งครบกำหนด ที่ใช้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ก็จะลอยตัว ซึ่ง ก็ได้ประขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนพระยาสัจจา
ผู้ช่วยได้ทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยให้กับทางผม และพอทำไป ก็ได้ตีกลับมา เนื่องจาก สาขาไม่สามารถทำปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับผมได้ เนื่องจาก OC Code ได้ย้ายผมให้ไปอยู่กับสำนักธุรกิจ ซึ่งตัวผมเอกก็ไม่รู้ว่า OC code คื่ออะไร และผู่ช่วยได้ส่งงานไปให้กับทาง สำนักงานธุรกิจ ซึ้ง นาย อ....
เป็นคนดูแลผม และได้ตอบกับผู้ช่วยว่าเป็นงาน ขยะ ซึ้งผมรู้สึกผิดหวังมากในคำพูดของ นาย อ..... และก็ไม่ยอมทำให้กับผม ซึ่งผมทนมาจนถึง 1 ปีกว่า ก็ไม่ทำการลดอัตราดอกเบี้ยที่ผมขอไป จนกระทั้งผมรีไฟแนนซ์ ไปธนาคาร ธนชาติและผมจะย้ายวงเงินธุรกิจ ไปด้วย
ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เข้ามาคุยกับทางผม เพื่อขอทำลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน ให้เลย แต่ผมไม่รอแล้วรอมาปีกว่าไม่ยอมทำให้ และมาขอร้องให้สินเชื่อ ธุรกิจ ของผมไม่ให้รีไฟแนนซ์ จากเดิม วงเงิน OD 2,200,000 บาท มาเสนอจะให้สินเชื่อ OD เป็น 9,200,000 บาท และ 1,200,000 บาท เป็น เงินกู่ซึ้งผมไม่อยากได้อยู่แล้วที่เป็นเงินกู้ 1,200,000 แต่ทางสำนักธุรกิจ ขอให้ช่วย โดยที่ผมเบิกเงินมา 100,000 และชำระคืนในทันที โดยเสนอเงื่อนไข ไม่ต้อง เสียค่าธรรมเนียมอะไรเลย โดยแลกกับที่ไม่ต้องย้ายไปธนาคารอื่น
พอเวลาผ่านไป 1 ปี มีจดหมายจาก บสย มาเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค้ำประกัน วงเงินจำนวน 7,000,000 บาท เสียค่าธรรมเนียมประมาณ เท่าไหร่ผมจำไม่ได้ ว่ามันคืออะไรทำไมผมต้องเสียค่าธรรมเนียม อะไร ซึ่งทางผมไม่รู้เรื่องว่ามี บสย มาค้ำประกัน เนื่องจากในปีแรกไม่ต้องเสียค่าอะไรเลย
ผมได้โทรไปคุยกับผู้จัดการศูนย์ธุรกิจ ก็ได้คำตอบว่าปีนี้ยกเลิกไม่ทัน และจะยกเลิกให้ในปีหน้า ในฐานะที่เป็นผู้จัดการสำนักงานธุรกิจ ผมก็ไว้ใจ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาขอมา ในฐานะคนรู้จักกันก็ช่วยเหลือกันไป ยอมเสียในปีนี้ไปก่อน
ในปีที่ 2 ปี ก็ได้ถูกย้ายไปอยู่สำนักงานธุรกิจกรุงเทพ และโทรมาว่ามีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บอีก และได้แจ้งกับทางกรุงเทพว่าผมขอยกเลิกไปแล้ว และทางสำนักงานธุรกิจกรุงเทพบอกว่ายกเลิกไม่ทันให้เสียไปก่อน ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
ผมก็ได้ทำเรื่องกู่ที่ธนาคารอื่น และได้รับการอนุมัติ มาแล้ว และมาดูเอกสาร ผมที่ทางธนาคารไทยพาณิชย์ให้มา จนผมทำหนังสือขอไถ่ถอนหลักประกัน ผมถึงรู้ว่ามีค่าธรรมเนียบไถ่ถอน OD ก่อนกำหนด 5 ปี ซึ่งทางผมไม่มีเอกสารและไม่ได้รับเอกสารฉบับนี้เลย ตั่งแต่กู้มา เป็นสัญญาบันทึกข้อตกลง ผมก็งง
1.การที่เราจะทำสินเชื่อกับใครหรือคนรู้จัก ต้องอ่านเอกสารก่อนทุกครั้งนะครับ เนื่องจากไว้ใจในตัวของพนักงานซึ่งเป็นคนรู่จักกัน ในสัญญาประธานไม่มี ไปอยู่ในสัญญาบันทึกข้อตกลง ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าในสาระสำคัญคือ
1.1 เอกสารทำไม่ไม่ส่งมาให้ผม บันทึกข้อตกลง
1.2 ทำไมผมต้องใช้ บสย ค้ำซึ่งวงเงินผม ไม่เคยใช้ถึง 4 ล้านเลย ให้ผมมาได้ 9.2 ล้าน และที่สำคัญไม่แจ้งว่ามี บสย ค้ำ
1.3 ในสาระสำคัญ ค่าเบี้ยปรับไถ่ถอน ก่อน 5 ปี ทำไมไม่แจ้ง และไม่ส่งเอกสาร ฉบับ บันทึกตัวนี้มาให้ผม
ซึ้งตอนเซ็นเอกสาร ผมยอมรับว่าไม่ได้อ่านทั้งหมด คือความไว้วางใจในตัวของพนักงานธนาคาร
การที่เราเป็นพนักงานมาก่อน รู้จักกันและเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ควรทำแบบนี้ครับ
เสียความรู้สึกอย่างมาก
ขอคำแนะนำพี่พี่ ที่มีความรู้ รบกวนแนะนำผมด้วยครับ
ขอคำแนะนำ ในเรื่องสินเชื่อที่ทางธนาคารไม่แจ้ง สาระสำคัญ และ ไม่ส่งเอกสารฉบับ บันทึกข้อตกลงมาให้เรา เหมือนปกปิด
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมทำธุรกรรมทางการาเงินกับทางธนาคาร ไทยพาณิชย์ โดยการเริ่มต้นจากการที่ผมเป็น พนักงานไทพาณิชย์ กู้สวัสดิการพนักงาน (ซื้อบ้าน) และเริ่มทำธุรกรรม โดยก่อนหน้านี้ได้รับดอกเบี้ยพิเศษ จากธนาคารเนื่องจากเป็นพนักงานของธนาคาร และเมื่อลาออกจากงาน ดอกเบี้ยบ้านที่เคยกู้ก็จะกลายเป็นดอกเบี้ย ลูกค้าปกติ ซึ้งยังแพงกว่าดอกเบัย ลูกค้าโครงการ หรือลูกค้าเกรด A คือ MLR+1 ถึง 1.75 ผมเริ่มทำธุรกิจ และได้กู้เงินเพื่อปลูกอาคารพาณิชย์ ซึ่งด้านล่างทำธุรกิจ ด้านบนทำเป็นห้องเช่า หลังจาก3 ปี ผมก็ได้ไปขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งครบกำหนด ที่ใช้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ก็จะลอยตัว ซึ่ง ก็ได้ประขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนพระยาสัจจา
ผู้ช่วยได้ทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยให้กับทางผม และพอทำไป ก็ได้ตีกลับมา เนื่องจาก สาขาไม่สามารถทำปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับผมได้ เนื่องจาก OC Code ได้ย้ายผมให้ไปอยู่กับสำนักธุรกิจ ซึ่งตัวผมเอกก็ไม่รู้ว่า OC code คื่ออะไร และผู่ช่วยได้ส่งงานไปให้กับทาง สำนักงานธุรกิจ ซึ้ง นาย อ....
เป็นคนดูแลผม และได้ตอบกับผู้ช่วยว่าเป็นงาน ขยะ ซึ้งผมรู้สึกผิดหวังมากในคำพูดของ นาย อ..... และก็ไม่ยอมทำให้กับผม ซึ่งผมทนมาจนถึง 1 ปีกว่า ก็ไม่ทำการลดอัตราดอกเบี้ยที่ผมขอไป จนกระทั้งผมรีไฟแนนซ์ ไปธนาคาร ธนชาติและผมจะย้ายวงเงินธุรกิจ ไปด้วย
ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เข้ามาคุยกับทางผม เพื่อขอทำลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน ให้เลย แต่ผมไม่รอแล้วรอมาปีกว่าไม่ยอมทำให้ และมาขอร้องให้สินเชื่อ ธุรกิจ ของผมไม่ให้รีไฟแนนซ์ จากเดิม วงเงิน OD 2,200,000 บาท มาเสนอจะให้สินเชื่อ OD เป็น 9,200,000 บาท และ 1,200,000 บาท เป็น เงินกู่ซึ้งผมไม่อยากได้อยู่แล้วที่เป็นเงินกู้ 1,200,000 แต่ทางสำนักธุรกิจ ขอให้ช่วย โดยที่ผมเบิกเงินมา 100,000 และชำระคืนในทันที โดยเสนอเงื่อนไข ไม่ต้อง เสียค่าธรรมเนียมอะไรเลย โดยแลกกับที่ไม่ต้องย้ายไปธนาคารอื่น
พอเวลาผ่านไป 1 ปี มีจดหมายจาก บสย มาเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค้ำประกัน วงเงินจำนวน 7,000,000 บาท เสียค่าธรรมเนียมประมาณ เท่าไหร่ผมจำไม่ได้ ว่ามันคืออะไรทำไมผมต้องเสียค่าธรรมเนียม อะไร ซึ่งทางผมไม่รู้เรื่องว่ามี บสย มาค้ำประกัน เนื่องจากในปีแรกไม่ต้องเสียค่าอะไรเลย
ผมได้โทรไปคุยกับผู้จัดการศูนย์ธุรกิจ ก็ได้คำตอบว่าปีนี้ยกเลิกไม่ทัน และจะยกเลิกให้ในปีหน้า ในฐานะที่เป็นผู้จัดการสำนักงานธุรกิจ ผมก็ไว้ใจ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาขอมา ในฐานะคนรู้จักกันก็ช่วยเหลือกันไป ยอมเสียในปีนี้ไปก่อน
ในปีที่ 2 ปี ก็ได้ถูกย้ายไปอยู่สำนักงานธุรกิจกรุงเทพ และโทรมาว่ามีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บอีก และได้แจ้งกับทางกรุงเทพว่าผมขอยกเลิกไปแล้ว และทางสำนักงานธุรกิจกรุงเทพบอกว่ายกเลิกไม่ทันให้เสียไปก่อน ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
ผมก็ได้ทำเรื่องกู่ที่ธนาคารอื่น และได้รับการอนุมัติ มาแล้ว และมาดูเอกสาร ผมที่ทางธนาคารไทยพาณิชย์ให้มา จนผมทำหนังสือขอไถ่ถอนหลักประกัน ผมถึงรู้ว่ามีค่าธรรมเนียบไถ่ถอน OD ก่อนกำหนด 5 ปี ซึ่งทางผมไม่มีเอกสารและไม่ได้รับเอกสารฉบับนี้เลย ตั่งแต่กู้มา เป็นสัญญาบันทึกข้อตกลง ผมก็งง
1.การที่เราจะทำสินเชื่อกับใครหรือคนรู้จัก ต้องอ่านเอกสารก่อนทุกครั้งนะครับ เนื่องจากไว้ใจในตัวของพนักงานซึ่งเป็นคนรู่จักกัน ในสัญญาประธานไม่มี ไปอยู่ในสัญญาบันทึกข้อตกลง ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าในสาระสำคัญคือ
1.1 เอกสารทำไม่ไม่ส่งมาให้ผม บันทึกข้อตกลง
1.2 ทำไมผมต้องใช้ บสย ค้ำซึ่งวงเงินผม ไม่เคยใช้ถึง 4 ล้านเลย ให้ผมมาได้ 9.2 ล้าน และที่สำคัญไม่แจ้งว่ามี บสย ค้ำ
1.3 ในสาระสำคัญ ค่าเบี้ยปรับไถ่ถอน ก่อน 5 ปี ทำไมไม่แจ้ง และไม่ส่งเอกสาร ฉบับ บันทึกตัวนี้มาให้ผม
ซึ้งตอนเซ็นเอกสาร ผมยอมรับว่าไม่ได้อ่านทั้งหมด คือความไว้วางใจในตัวของพนักงานธนาคาร
การที่เราเป็นพนักงานมาก่อน รู้จักกันและเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ควรทำแบบนี้ครับ
เสียความรู้สึกอย่างมาก
ขอคำแนะนำพี่พี่ ที่มีความรู้ รบกวนแนะนำผมด้วยครับ