พระพุทธเจ้าตรัสว่า....
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น นั่นตถาคตได้
ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตา
ให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
นั้น เป็นไฉน?
ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ ๑
ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑
ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน.
.................................................................................................................................
ถามว่า....
(1) ความเห็นว่าทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นอนัตตาหมดเลย อย่างนี้ถือว่าเป็นส่วนสุดข้อที่ ๑
(2) ความเห็นว่าทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นอัตตาหมดเลย อย่างนี้ถือว่าเป็นส่วนสุดข้อที่ ๒
(3) ความเห็นว่าสิ่งที่เป็นอัตตาก็มีอยู่ สิ่งที่เป็นอนัตตาก็มีอยู่ คือรู้จักการแยกแยะ
ตามความเป็นจริง
อย่างไหนเป็นทางสายกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ ที่พระพุทธตรัสว่าเป็นทางอันประเสริฐฺ ?
ลองว่ามาซิ...
รู้จักทางสายกลางกันบ้างมั้ย ?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น นั่นตถาคตได้
ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตา
ให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
นั้น เป็นไฉน?
ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ ๑
ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑
ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง
ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน.
.................................................................................................................................
ถามว่า....
(1) ความเห็นว่าทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นอนัตตาหมดเลย อย่างนี้ถือว่าเป็นส่วนสุดข้อที่ ๑
(2) ความเห็นว่าทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นอัตตาหมดเลย อย่างนี้ถือว่าเป็นส่วนสุดข้อที่ ๒
(3) ความเห็นว่าสิ่งที่เป็นอัตตาก็มีอยู่ สิ่งที่เป็นอนัตตาก็มีอยู่ คือรู้จักการแยกแยะ
ตามความเป็นจริง
อย่างไหนเป็นทางสายกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ ที่พระพุทธตรัสว่าเป็นทางอันประเสริฐฺ ?
ลองว่ามาซิ...