ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า และเราจะดูแนวโน้มยังไง ?

กระทู้สนทนา
เครดิตบทความโดย : TIF | Thailand Investment Forum

ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า และเราจะดูแนวโน้มยังไง ?

Q: “ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า? และถ้ามี เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้แนวโน้มเป็นอย่างไร?”

A: ราคาหุ้นมีแนวโน้มครับ ไม่ต่างจากตัวเลข Time series อื่น ๆ ในโลก เช่น ยอดขายแต่ละปี จำนวนประชากร จำนวนผู้ใช้บริการ … ซึ่งแนวโน้มแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก คือ (1) แนวโน้มขาขึ้น (2) แนวโน้มขาลง และ (3) แนวโน้มสับขาหลอก (Sideway หรือบางท่านเรียก ไม่มีแนวโน้ม หรือ รอเลือกทาง)

• การดูแนวโน้มแบบง่ายๆ ก็ให้ดูที่ “ทิศทาง” (หรืออาจเรียกว่า ความชัน) ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา (Moving Average Line of Price) ซึ่งเป็นหลักการดูแนวโน้มของข้อมูลที่ “ใช้กันแพร่หลาย” ในการวิเคราะห์ธุรกิจ ไม่ใช่แค่เพียงการซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น

ซึ่งก็มีทั้ง Simple Moving Average ซึ่งให้ความสำคัญกับข้อมูลทุกชิ้นเท่าๆ กัน และ Exponential Moving Average ซึ่งให้ความสำคัญกับข้อมูลใหม่ๆ มากกว่า

• การสร้างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ก็เกิดจากการกำหนดกรอบเวลาที่ต้องการดูแนวโน้ม แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยของข้อมูลภายในกรอบเวลานั้น

• ในการดูแนวโน้ม มักจะดูหลายๆ กรอบเวลา (ดูหลายๆ เส้น) ทั้ง ระยะสั้น ระยะกลาง และะระยะยาว เพื่อดูความแรงของแนวโน้ม

ถ้าแนวโน้มทุกช่วงระยะเวลา ไปในทิศทางเดียวกัน ก็พอจะบอกได้ว่า ทิศทางของราคามีความชัดเจนมาก แต่ถ้าไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ก็อาจเป็นสัญญาณว่า แนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน จากลงไปเป็นขึ้น (หรือไปเป็น Sideway) และ จากขึ้นเป็นลง (หรือไปเป็น Sideway)

• แนวโน้มจะเริ่มเปลี่ยนก็ต่อเมื่อ ข้อมูลชิ้นล่าสุดที่เข้ามา เกิดสูงกว่าหรือต่ำกว่า ระดับค่าเฉลี่ย (ราคาเกิดการ Cross over กับเส้นค่าเฉลี่ย)

และแนวโน้มจะเปลี่ยนอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นก็ต่อเมื่อ เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นกว่า เกิดการ Cross Over กับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า ซึ่งหลักนี้ก็คือพื้นฐานของเครื่องมือ MACD ที่ใช้กันแพร่หลายนั่นเอง

จากข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปหลักในการดูแนวโน้ม และการเปลี่ยนแนวโน้ม แบบง่ายๆ ได้ว่า

1. การดูแนวโน้ม ให้ดูที่ทิศทางของเส้นค่าเฉลี่ย ว่าเป็นขาขึ้น ขาลง หรือสับขาหลอก
2. การดูจุดเปลี่ยนแนวโน้ม ให้ดูที่การตัดกันของ
(2.1) ข้อมูลราคาชิ้นล่าสุด กับ เส้นค่าเฉลี่ยราคา และ
(2.2) เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นกว่า กับ เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า

เมื่อไรดีที่ควรกล้าควรกลัว

Q: “จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว” เป็นหลักที่ผมยึดถือมาตลอด มันถูกต้องใช่มั้ยครับ ?

A: ต้องดูให้ออกซะก่อน ว่าเค้ากล้าสุดหรือยัง และกลัวสุดหรือยัง ห้ามคิดเองเออเองเด็ดขาดครับ

ลองนึกภาพตามไปนะครับ …

ตอนที่เรากำลังคิดว่าคนเขากล้าสุดติ่งแล้ว เช่น แถว ๆ ดัชนี 1,000 จุด แต่มันก็ไป 1,200 ผ่านไปถึง 1,400  แว๊บเดียว 1,600 … จะไปกล้าสุดที่ตรงไหน
ในทางกลับกัน ตอนที่เราคิดว่าคนเขากลัวแล้ว เช่น ตอนวิกฤติอเมริกา ดัชนีจากเกือบ 900 ร่วงมา 700 กว่า คนก็กลัวจะแย่ ยังลงไปต่อ 600 เอ้า ขาดทุน 33% แล้วนะ (จาก 900) แต่ก็ยังลงต่อไป 500 จนไปหยุดที่แถว ๆ 400 … โอย กว่าจะเจอจุดกลัวสุด
ดังนั้น ขอแก้ใหม่เป็นว่า “จงกลัวเมื่อคนเริ่มกลัว จงกล้าเมื่อคนเริ่มกล้า“
ก็คือ ให้เห็นกับตาซะก่อนว่า ตลาดเริ่มจะกลับทิศทางแล้ว ค่อยซื้อ ค่อยขาย เพื่อให้อาการความ “เริ่มกล้า” หรือ “เริ่มกลัว” มันชัดเจนเป็นรูปธรรมบ้างซะหน่อย … ซึ่งเจ้าการกลับทิศทางนี้ มันก็มีแนวทางมากมายที่ใช้ช่วยดู ไม่ว่าจะเป็นในเชิงเทคนิก หรือเชิงพื้นฐาน และทั้งแบบระยะสั้น หรือ ระยะยาว

และจริง ๆ แล้วเจ้าตัวความกล้าความกลัว โดยตัวของมันเอง มันแทบจะวัดเป็นรูปธรรมไม่ได้ (ถ้าถามว่า ตอนนี้คนกล้ากันกี่หน่วยแล้ว ? แล้วจะวัดยังไง ! เจ้าสเกลความกล้านี่มันมีจุดสูงสุดต่ำสุดตรงไหน? ตอบไม่ได้ครัช !!) แต่จะสะท้อนออกมาเป็นจริตการเคลื่อนไหวของดัชนี/ราคาหุ้นในตลาด ซึ่งจุดนี้ พอจะสามารถวัดแนวโน้มการขึ้นการลงออกมาเป็นรูปธรรมได้บ้าง

ลองหาหลักไว้ซะหน่อย ไม่คิดเอากำหนดเองโดยไม่ใช้ข้อมูลภายนอก … ความเสี่ยงจะได้น้อยลง โอกาสจะได้มากขึ้น


ปล. ชอบประโยคนี้  “จงกลัวเมื่อคนเริ่มกลัว จงกล้าเมื่อคนเริ่มกล้า“  มากกว่า จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว เพราะถ้ากล้าผิดทางก็ตายได้เช่นกัน
ฤดูการก็คือแนวโน้ม ฤดูฝน ฝนก็ต้องตก อย่าไปเดาว่ามันจะหนาวเพียงแค่อากาศเริ่มเย็น ทั้งๆที่ยังอยู่ในฤดูฝน รอให้ชัด แล้วค่อยกล้าครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่