คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
มันเป็นเรื่องของนิสัยของคนในประเทศ เราแน่ใจว่าเป็นคำตอบที่ตรงที่สุด
ประเทศที่เจริญแล้ว อ่ะยกตัวอย่างเยอรมันนะ เอาที่เราเคยมีบ้านอยู่ที่นั่นเลยละกัน
รัฐเค้าไม่มายุ่งหรอกเรื่องบ้านใครจะเก่า สีหลุดร่อน หน้าต่างพัง ฯลฯ
เค้าดูแลแค่เรื่องกฎการสร้างและต่อเติม ต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่เรื่องบ้านใครจะเก่าราขึ้น
หรือวางของไม่ใช้แล้วสุม ๆ ในที่ดินตัวเอง (แบบบ้านคนไทยบางคนทำ) ไม่มีใครเค้ามายุ่งหรอก
แต่เชื่อมั้ย แทบไม่มีใครปล่อยบ้านโทรมเลย และดูแลรอบบ้านเป็นระเบียบสวยอยู่เสมอ
อพาร์ตเมนต์ที่เราเคยอยู่ พอประชุมลูกบ้านทีไร ก็จะมีคนคิดเรื่องปรับปรุงตึกตลอด
เข่นทาสีภายในภายนอก รีโนเวทห้องใต้ดินส่วนรวม ห้องขยะ ต้นไม้ในตัวอาคาร
ขนาดเป็นอพาร์ตเมนต์ที่ถูกจดทะเบียนอาคารโบราณที่อนุรักษ์โดยเขตนะ
แต่เค้าเข้มแค่แบบตึก ไม่มีสิทธิมาตักเตือนเรื่องความทรุดโทรม
แต่ละการปรับปรุงซ่อมแซม มันต้องใช้เงิน แต่ทุกคนก็ยอมจ่าย
ยิ่งชนบทหลาย ๆ ที่ บ้านยิ่งสวยและดูดี บริเวณบ้านสะอาดเป็นระเบียบมาก
ไม่มีของใช้แล้วหรือขยะวรงระเกะระกะ สวนก็ดูแลดี เหมือนจะแข่งกันด้วยซ้ำ
มันเป็นที่นิสัยของคนล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับจนรวย เพราะบ้านคนรวยที่เราเห็นในไทย
เค้าก็ปล่อยบ้านโทรมและรกกันหลายคน โทรมมากขายซื้อใหม่โลด รวยซะอย่าง
อีกประการที่อาจมีผลบ้าง แต่แค่เป็นปัจจัยเสริม คือที่ตปท. ถ้าคุณซ่อมแซมบ้าน
สามารถลดหย่อนภาษีได้ ที่เราว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะถึงลดหย่อนได้
แต่การจ้างช่างก็ต้องผ่านบริษัท ค่าแรงโหดมาก ในไทยจ้างแบบเอาเงินใส่มือ
ช่างก็บ้าน ๆ ไม่ได้เรียกแพงอะไร จึงไม่น่าใช่เหตุผล
เราเคยดูตึกตรงข้ามเราจ้างบริษัทมากำจัดราที่ตัวอาคาร (ซึ่งก่อนทำเราไม่สังเกตเลยว่ามันมีราดำ ๆ ด้วยหรือ)
คุณต้องไปหาบริษัทที่มาติดตั้งนั่งร้านโดยเฉพาะ การตั้งนั่งร้านต้องเป็นไปตามระเบียบความปลอดภัย มีการป้องกัน
สำหรับบ้านข้างเคียง (ตึกเราเคยจ้างมาติดตั้งทีนึงตอนทาสี ความยาว 22 เมตร สูงถึงชั้นสอง ค่าเช่าพร้อมติดตั้ง
กว่าล้านบาทไทย นี่ยังไม่ได้ทำอะไรนะ แค่ค่านั่งร้าน) แล้วตึกตรงข้ามเราตั้งนั่งร้านถึงชั้น 5
พอนั่งร้านพร้อม อีกบริษัทที่จะมากำจัดราถึงมาใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีด โดยมีผ้าใบรองน้ำและท่อให้น้ำไหล
ลงท่อน้ำ(แน่นอนต้องจ่ายค่าบำบัดน้ำเสียให้กับเขตเพิ่มด้วย)
คือการมีบ้านมันไม่ใช่แค่มีตังค์ครบก็ซื้อได้ แต่มันมีกฎยิบย่อยเยอะมาก และคนที่นั่นมีหน้าที่ต้องรู้ จะอ้างไม่รู้ไม่ได้
เพราะโดนปรับหายอยากแน่ และช่างที่มาทำเค้าก็ไม่ใช่ช่างบ้าน ๆ สั่งให้ทำอะไรก็ทำ แต่เค้าก็รู้กฎด้วยเช่นกัน
ไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างต่อเติม ก็ไม่มีบริษัทไหนทำให้ แต่ที่ไทยจ้างต่อเติมผิดระเบียบ ขอให้ได้เงินช่างก็ทำหมดแหละ
เพราะมันไม่ใช่จะสร้างหรือซื้อกันง่าย ๆ ด้วยมั้ง เค้าก็เลยรักษาบ้านกันเต็มที่
ปล. พิมพ์ยังไม่ทันเสร็จ มือลั่นส่งไปก่อน พอพิมพ์เพิ่ม พบว่าขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้ว จขกท. กลับมาอ่านต่อให้จบนะ
เสียดาย อุตส่าห์พิมพ์ซะยาวเลย อิ ๆ
ประเทศที่เจริญแล้ว อ่ะยกตัวอย่างเยอรมันนะ เอาที่เราเคยมีบ้านอยู่ที่นั่นเลยละกัน
รัฐเค้าไม่มายุ่งหรอกเรื่องบ้านใครจะเก่า สีหลุดร่อน หน้าต่างพัง ฯลฯ
เค้าดูแลแค่เรื่องกฎการสร้างและต่อเติม ต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่เรื่องบ้านใครจะเก่าราขึ้น
หรือวางของไม่ใช้แล้วสุม ๆ ในที่ดินตัวเอง (แบบบ้านคนไทยบางคนทำ) ไม่มีใครเค้ามายุ่งหรอก
แต่เชื่อมั้ย แทบไม่มีใครปล่อยบ้านโทรมเลย และดูแลรอบบ้านเป็นระเบียบสวยอยู่เสมอ
อพาร์ตเมนต์ที่เราเคยอยู่ พอประชุมลูกบ้านทีไร ก็จะมีคนคิดเรื่องปรับปรุงตึกตลอด
เข่นทาสีภายในภายนอก รีโนเวทห้องใต้ดินส่วนรวม ห้องขยะ ต้นไม้ในตัวอาคาร
ขนาดเป็นอพาร์ตเมนต์ที่ถูกจดทะเบียนอาคารโบราณที่อนุรักษ์โดยเขตนะ
แต่เค้าเข้มแค่แบบตึก ไม่มีสิทธิมาตักเตือนเรื่องความทรุดโทรม
แต่ละการปรับปรุงซ่อมแซม มันต้องใช้เงิน แต่ทุกคนก็ยอมจ่าย
ยิ่งชนบทหลาย ๆ ที่ บ้านยิ่งสวยและดูดี บริเวณบ้านสะอาดเป็นระเบียบมาก
ไม่มีของใช้แล้วหรือขยะวรงระเกะระกะ สวนก็ดูแลดี เหมือนจะแข่งกันด้วยซ้ำ
มันเป็นที่นิสัยของคนล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับจนรวย เพราะบ้านคนรวยที่เราเห็นในไทย
เค้าก็ปล่อยบ้านโทรมและรกกันหลายคน โทรมมากขายซื้อใหม่โลด รวยซะอย่าง
อีกประการที่อาจมีผลบ้าง แต่แค่เป็นปัจจัยเสริม คือที่ตปท. ถ้าคุณซ่อมแซมบ้าน
สามารถลดหย่อนภาษีได้ ที่เราว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะถึงลดหย่อนได้
แต่การจ้างช่างก็ต้องผ่านบริษัท ค่าแรงโหดมาก ในไทยจ้างแบบเอาเงินใส่มือ
ช่างก็บ้าน ๆ ไม่ได้เรียกแพงอะไร จึงไม่น่าใช่เหตุผล
เราเคยดูตึกตรงข้ามเราจ้างบริษัทมากำจัดราที่ตัวอาคาร (ซึ่งก่อนทำเราไม่สังเกตเลยว่ามันมีราดำ ๆ ด้วยหรือ)
คุณต้องไปหาบริษัทที่มาติดตั้งนั่งร้านโดยเฉพาะ การตั้งนั่งร้านต้องเป็นไปตามระเบียบความปลอดภัย มีการป้องกัน
สำหรับบ้านข้างเคียง (ตึกเราเคยจ้างมาติดตั้งทีนึงตอนทาสี ความยาว 22 เมตร สูงถึงชั้นสอง ค่าเช่าพร้อมติดตั้ง
กว่าล้านบาทไทย นี่ยังไม่ได้ทำอะไรนะ แค่ค่านั่งร้าน) แล้วตึกตรงข้ามเราตั้งนั่งร้านถึงชั้น 5
พอนั่งร้านพร้อม อีกบริษัทที่จะมากำจัดราถึงมาใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีด โดยมีผ้าใบรองน้ำและท่อให้น้ำไหล
ลงท่อน้ำ(แน่นอนต้องจ่ายค่าบำบัดน้ำเสียให้กับเขตเพิ่มด้วย)
คือการมีบ้านมันไม่ใช่แค่มีตังค์ครบก็ซื้อได้ แต่มันมีกฎยิบย่อยเยอะมาก และคนที่นั่นมีหน้าที่ต้องรู้ จะอ้างไม่รู้ไม่ได้
เพราะโดนปรับหายอยากแน่ และช่างที่มาทำเค้าก็ไม่ใช่ช่างบ้าน ๆ สั่งให้ทำอะไรก็ทำ แต่เค้าก็รู้กฎด้วยเช่นกัน
ไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างต่อเติม ก็ไม่มีบริษัทไหนทำให้ แต่ที่ไทยจ้างต่อเติมผิดระเบียบ ขอให้ได้เงินช่างก็ทำหมดแหละ
เพราะมันไม่ใช่จะสร้างหรือซื้อกันง่าย ๆ ด้วยมั้ง เค้าก็เลยรักษาบ้านกันเต็มที่
ปล. พิมพ์ยังไม่ทันเสร็จ มือลั่นส่งไปก่อน พอพิมพ์เพิ่ม พบว่าขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้ว จขกท. กลับมาอ่านต่อให้จบนะ
เสียดาย อุตส่าห์พิมพ์ซะยาวเลย อิ ๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
หลายๆอย่างที่คุณว่ามาประกอบกัน
ทั้งคนของเรา อยากสร้างอะไรก็สร้างนี่บ้านฉันเงินฉัน
สวยของตัวเองคนเดียว สีส้มแปร๊ดโผล่มาคนเดียวในขณะที่คนอื่นขาวหมด
บ้านทาวน์เฮาส์ซื้อมาแรกๆเหมือนกันหมด ไม่ได้ ฉันต้องต่อเติม เดี๋ยวไม่คุ้ม ต่างคนต่างทำต่างชอบ มันก็เละเทะ
แต่เมืองนอกคุณทำไม่ได้หรอก คุณจะซื้อหรือสร้างตึก คุณอยากอยู่ที่ไหนก็ได้....ไม่ได้
เค้าบอกข้อห้ามของโซนนั้นๆมาเลย ยาวเป็นหางว่าว สร้างต้องสร้างตามแบบที่ทางเมืองกำหนด เท่านั้น!!!
มีเงินสร้างเงินซื้ออย่างเดียวไม่พอ "ต้องมีงบที่จะเอาไว้ปรับปรุงตึกให้คงสภาพ"
ถึงเวลาคุณต้องทาสี อะไรพังอะไรหักคุณต้องซ่อม
ทางเมืองมีคนคอยเช็ค แถมเพื่อนบ้านคุณนั้นแหละจะเป็นคนแจ้ง
เพราะคุณอยากทำอะไรตามใจไม่ได้ ต้องเอาใบไปให้เพื่อนบ้านซ้ายขวาหน้าหลังเซ็น
หรือบ้านที่อยู่แถบเดียวกับคุณคัดค้านว่าไม่เข้า ไม่ชอบ ไม่อยากเห็น แค่นี้ก็เสร็จแล้ว.....ลงท้ายเหมือนกันหมดล่ะง่ายสุด
ถ้าคุณไม่มีงบ ยากจน ไม่อยากเหมือนคนอื่น ก็ต้องไปอยู่โซนที่เค้าผ่อนผัน เพราะเมืองนอกที่อยู่แบ่งเป็นโซน มีอัพทาวน์ ดาวน์ทาวน์ มิดทาวน์
ต้องรู้ตัวเองว่าฐานะไหน ไม่ใช่ฉันมีเงินแค่นี้อยู่ตรงนี้มาแต่บรรพบุรุษฉันไม่ไปไหน ไม่ได้
เพราะถ้าคุณไม่ปรับปรุง คือผิดกฎหมาย ค่าปรับจะกินอาน เผลอๆโดนยึดตึก ก็ขายไปให้คนอื่นที่มีงบดีกว่า
ในรูปนั่นคือซานตาเฟ่ที่อเมริกา อยากอยู่เมืองนี้ใช้มั้ย ต้องสร้างบ้านแบบนี้เท่านั้น อยากมีบ้านแบบอื่นเชิญไปอยู่ที่อื่น ไม่ง้อ
หลายๆอย่างที่คุณว่ามาประกอบกัน
ทั้งคนของเรา อยากสร้างอะไรก็สร้างนี่บ้านฉันเงินฉัน
สวยของตัวเองคนเดียว สีส้มแปร๊ดโผล่มาคนเดียวในขณะที่คนอื่นขาวหมด
บ้านทาวน์เฮาส์ซื้อมาแรกๆเหมือนกันหมด ไม่ได้ ฉันต้องต่อเติม เดี๋ยวไม่คุ้ม ต่างคนต่างทำต่างชอบ มันก็เละเทะ
แต่เมืองนอกคุณทำไม่ได้หรอก คุณจะซื้อหรือสร้างตึก คุณอยากอยู่ที่ไหนก็ได้....ไม่ได้
เค้าบอกข้อห้ามของโซนนั้นๆมาเลย ยาวเป็นหางว่าว สร้างต้องสร้างตามแบบที่ทางเมืองกำหนด เท่านั้น!!!
มีเงินสร้างเงินซื้ออย่างเดียวไม่พอ "ต้องมีงบที่จะเอาไว้ปรับปรุงตึกให้คงสภาพ"
ถึงเวลาคุณต้องทาสี อะไรพังอะไรหักคุณต้องซ่อม
ทางเมืองมีคนคอยเช็ค แถมเพื่อนบ้านคุณนั้นแหละจะเป็นคนแจ้ง
เพราะคุณอยากทำอะไรตามใจไม่ได้ ต้องเอาใบไปให้เพื่อนบ้านซ้ายขวาหน้าหลังเซ็น
หรือบ้านที่อยู่แถบเดียวกับคุณคัดค้านว่าไม่เข้า ไม่ชอบ ไม่อยากเห็น แค่นี้ก็เสร็จแล้ว.....ลงท้ายเหมือนกันหมดล่ะง่ายสุด
ถ้าคุณไม่มีงบ ยากจน ไม่อยากเหมือนคนอื่น ก็ต้องไปอยู่โซนที่เค้าผ่อนผัน เพราะเมืองนอกที่อยู่แบ่งเป็นโซน มีอัพทาวน์ ดาวน์ทาวน์ มิดทาวน์
ต้องรู้ตัวเองว่าฐานะไหน ไม่ใช่ฉันมีเงินแค่นี้อยู่ตรงนี้มาแต่บรรพบุรุษฉันไม่ไปไหน ไม่ได้
เพราะถ้าคุณไม่ปรับปรุง คือผิดกฎหมาย ค่าปรับจะกินอาน เผลอๆโดนยึดตึก ก็ขายไปให้คนอื่นที่มีงบดีกว่า
ในรูปนั่นคือซานตาเฟ่ที่อเมริกา อยากอยู่เมืองนี้ใช้มั้ย ต้องสร้างบ้านแบบนี้เท่านั้น อยากมีบ้านแบบอื่นเชิญไปอยู่ที่อื่น ไม่ง้อ
แสดงความคิดเห็น
สงสัยมานาน ว่าทำไมเมืองไทยถึงมีอาคารที่สีดำๆเยอะ ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วไม่ค่อยมี (มีรูปประกอบ)
ประเทศที่มีอาคารดำๆลักษณะนี้เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ในขณะที่พวกประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย แม้แต่สิงคโปร์ ไม่มี
มันเป็นเพราะอะไรเหรอครับ
คุณภาพสีบ้านเราแย่กว่า หรือคนบ้านเราไม่สนใจความสวยงามกว่า หรือบ้านเรามลพิษเยอะกว่า หรืออะไรครับ
รูปประกอบ Copy จากเพจ Spy condo สอดแนมคอนโด นะครับ