จากคนที่เคยคิดว่าการงานมั่นคง จนกลายเป็นคนตกงาน 2018

สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกพันทิปมาก็นาน ตั้งกระทู้ก็เยอะ ตอบกระทู้ก็แยะ ส่วนใหญ่ไม่มีห้องประจำอยู่ เน้นตอบกระทู้ที่มีความรู้และสนใจ จนกระทั่งวันนี้มาถึงเรื่องของเราเอง คือเรื่องงาน ปากติก็จะให้คำแนะนำกระทู้คนอื่นอยู่ พอมาเป็นเรื่องของตัวเองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน กระทู้นี้ถือว่าเป็นการระบาย แล้วก็เป็นการทบทวนตัวเอง จะเรียกว่าบ่นก็ได้นะคะ  คนที่เสียเวลาอ่านจบอาจพบสาเหตุที่แท้จริง ว่าทำไมเราจึงลาออก บอกตามตรงค่ะ เราก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้ทั้งหมด ว่าเพราะอะไรจึงลาออก รู้แต่ว่ามันเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วเหนื่อย เบื่อ

    เราอายุ 26 ปี กำลังจะ เอ่อไม่จะหรอก กำลังตกงานค่ะ สิ้นเดือนกันยานี้ ไม่มีงานทำแน่แท้
สาเหตุที่ตกงานเพราะ ลาออก วันๆตื่นเช้ามาอย่างเอ๋อๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานเงยหน้ามาอีกทีก็ตะวันลับฟ้า
    เราเริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ทำงานออฟฟิศมาตลอด ที่แรกทำได้ 2 ปีกว่าก็มีคนมาชวนไปทำงานบริษัทใหม่ ซึ่งแน่นนอนได้เงินเดือนเยอะกว่าเดิมค่ะ แต่ก็ไม่ได้สูงหรอก เรียกว่าคุ้มค่ากว่าที่เดิมหน่อย แต่งานโหดหินกว่า เจอมนุษย์ป้ามากกว่า วันๆตื่นเช้ามาอย่างเอ๋อๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานเงยหน้ามาอีกทีก็ตะวันลับฟ้า แรกๆร้องไห้ทุกวันแต่ทน ทนกะงานเดิมๆ สภาพเดิมๆคำจิกกัดเดิมๆ จนเราคิดว่าเราแกร่งพอสมควร สวัสดิการก็คงทั่วๆไป ที่ดีหน่อยคือมีวันลาเยอะ แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยได้ลาหรอกค่ะ ที่นี่ทำดีเสมอตัวนะ อย่าพลาดทำผิดล่ะ ตายสถานเดียว ก็ทนๆมา ถึงงานที่นี่จะไม่ได้ดีมากถ้าเทียบกะที่อื่น แต่ก็พอทำให้เราอยู่ในสภาวะเศรษกิจแบบนี้ได้แบบสบายๆ เราอยู่แบบนี้มา 6ปีกว่า เช้ามาทำงานที่เดิม ตอนเย็นกลับบ้าน เข้างาน8.30 เลิกงาน 16.30น. แต่หลังๆมา เลิก18.00น. โอทีไม่มีนะ
   ลืมบอก งานที่เราทำคือ ธุรการ ประสานงาน ร่าง รับ ส่งหน้งสือทุกประเภท จดบันทึกรายงานการประชุม ดูแลทั่วไปภายในออฟฟิศ งานบุคคล ใครลา สาย ขาด ตาย ต้องรู้ และงานอื่นๆที่ได้รับมอบหมาย ลักษณะเหมือนงานเลขา กึ่งงานแม่บ้าน แอร์เสียส้วมเต็ม ท่อตัน คือตรงๆอะไรๆก็กรูอ่ะค่ะ ซึ่งมันเยอะพอสมควร 1วัน ถ้าดวงดีก็ไม่ยุ่ง ถ้าดวงไม่ดีก็ยุ่งมาก ยุ่งในที่นี้คือไม่ได้ยุ่งแค่งาน แต่ยุ่งคน เดี๋ยวคนนั้นต้องการแบบนี้ คนนี้ต้องการแบบนั้น ทำไปแล้วไม่ถูกใจสั่งแก้ แก้รอบที่ 10 สรุปเอามาตรฐานของตัวเอง มาทำงานเหมือนมาวัดดวง แต่ก็ทนมาได้จน 6 ปี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทนมาได้ยังไง จากที่พูดไปส่วนตัวเราเข้าใจว่ามันเป็นลักษณะงานธุรการ ซึ่งออฟฟิศนี้เราทำหน้าที่ธุรการคนเดียวครอบคลุมทั้งหมด บางวันก็ทำงานแม่บ้านด้วยอ่ะค่ะ ลืมบอกที่นี่ไม่จ้างแม่บ้านนะ เดือนนึงจะมีประชุม 1-2ครั้ง ในการประชุมแต่ละครั้งจะต้อง ประสานงานโทรนัดกรรมการและผู้เข้าร่วมประชุมร่วมๆ 30 คน มาประชุม ออกหนังสือเชิญส่วนงานที่เกี่ยวข้อง จัดสถานที่ประชุม ทำรายงานการประชุม วาระประชุม ชงกาแฟ เสริฟกาแฟอาหารว่าง  เข้าประชุม จดบันทึกรายงานการประชุม จัดเตรียมอาหาร พอเลิกประชุมก็เก็บห้องประชุม กวาดเช็ด ล้างแก้วกาแฟ แล้วก็กลับมาทำรายงานการประชุม วนลูปไป นี่คือเฉพาะงานประชุมนะคะ  ส่วนงานประจำวัน ใครจะไปไหนทำอะไรต้องผ่านเราหมด เธอ พี่จะเอานั่นเอานี่เอาโน่น คือบางทีคอมมันก็มีว่างนะ ทำเองก็ได้ แต่!!ไม่ทำค่ะ แล้วจะมีคำพูดสวยหรูเวลาไม่จ่ายโอทีคือ  "ช่วยๆกัน"
    ส่วนในออฟฟิศนี้ จะว่ารักกันก็ไม่นะ มันเป็นคำพูดที่เอาไว้ให้ดูสวยหรูมากกว่า อย่างที่บอกไป ทำดีเสมอตัว ทำพลาดเหยียบย่ำติดดิน ราวกะเป็นฆ่าตรกร รอรับโทษประหาร  เรื่องวันลา ด้วยความที่สำนักงานอยู่กับแบบครอบครัว ในที่นี่ไม่ได้หมายความว่ารักกันนะคะ แต่อยู่กันแบบไม่เกรงใจกันอ่ะค่ะ ประมาณว่าอยู่กันมานาน เอานิสัยที่บ้านมาใช้ จะลาทีก็มองหน้ามองหลังกันลำบาก ยิ่งลาติดวันหยุดไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทาง เราอยู่ที่นี่ก็มีคนออกตัวแรงว่าไม่ชอบเรา แต่คนที่รักเราเป็นคนพูดคุยและเปลี่ยนความคิดได้ก็มี ซึ่งเราเข้าใจค่ะ เป็นเรื่องปกติ เราห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเองได้ ซึ่งก็ทำมาแล้ว 6 ปีกว่า  คนที่เข้ามาทำงานพร้อมเรา ก็ลาออกกันหมดแล้ว เหลือเราในรุ่นอยู่คนเดียว ในรุ่นเรามี 3 คน อ่อสิ่งที่เราลืมบอกไปอีกอย่างคือ เราทำงานรายล้อมคนอายุ 40+ ที่เหลือ 48-50 ผู้หญิงล้วน มีคนขับรถเป็นผู้ชายสองคน
    ทำไมถึงตัดสินใจลาออก จากที่เครียดสะสมมานานแต่ยังทน หลังๆมานี้ มีการให้ไปช่วยงานนอกเหนือจากหน้าที่ จำพวกงานใช้แรงงาน แล้วไม่มีเบี้ยเลี้ยง ไม่มีโอที เลิกดึก 4-5 ทุ่มถึงบ้าน แม่รอเปิดประตูบ้านทุกวัน พอจะเบิกก็บอกงานช่วย ช่วยๆกัน เอิ่มคือ(เบิ่ดคำซิเว้า) อยากถามว่าแล้วใครช่วยกรู หัวหน้างานก็เหมือนวัยทอง เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า เราพูดอะไรก็ไม่ถูกในสายตาเขา พูดจาแหนบแนม กระแนะกระแหน น้ำเสียงจิกกัด เราก็พยยามปลงค่ะ ว่าเขาอาจเป็นของเขาแบบนี้ แต่มันเป็นกะเราคนเดียวสิคะ คนอื่นไม่เป็น อาจเป็นเพราะเราทำงานธุรการ สายตรงเขาเลยต้องปะทะกันทั้งวัน เราก็ได้แต่เงียบพอเราอธิบายก็ว่าเราเถียง แล้วพูดว่าพี่ไม่รุ้พี่ม่ฟังอะไรทั้งนั้น วันดีคืนดีก็ว่าเราทำงานไม่มีอะไรในหัว ซึ่งเราก็นิ่งค่ะ ด้วยอายุเขาซึ่ง50 ส่วนเรา26 เรานับถือเขาเหมือนญาติผู้ใหญ่ แต่พอพักหลังๆมาไม่ไหวจริงๆค่ะ คงเหมือนลูกโป่งที่รอวันระเบิด และวันนี้มันก็ระเบิดแล้ว แต่ไม่มีปากเสียงกันนะคะ เขาก็ว่าเรากระแนะกระแหนเราไปเรื่อย ทะเลาะกันค่ะ แต่เราเงียบ จนเราคุยกะแม่แล้วตัดสินใจเขียนใบลาออก ก่อนหน้าที่เขาจะเห็นใบลาออก เขาก็ยังเหน็บๆเราอยู่ พอเขาเห็นใบลาออกเราเขาก็เงียบ แล้วถามเราว่าจะเอายังไง เราก็ยืนยันค่ะว่าลาออก  เขาก็เงียบๆนะ แต่ก็ช่างเขาเถอะค่ะ
    การลาออกของเราจะมีผลอีก 1 เดือนข้างหน้า นั่นคือ 30 ก.ย.นี้ ตอนนี้ก็ได้แต่จัดการงานในหน้าที่เหลืออยู่ รับมอบ-ส่งมอบงานให้เสร็จเรียบร้อยจึงจะออกได้ ที่บอกว่าตกงานคือ เรายังไม่มีงานรองรับค่ะ ไปสมัครที่ไหนถ้าเขาต้องรอเรา 1 เดือนก็ไม่มีที่ไหนรอ ตอนนี้เคว้งมากเหมือนกบที่อยูาในกะลามา 6ปี แล้ววันนี้เปิดกะลาออก ไปไหนไม่ถูก ทำอะไรไม่ได้อย่างที่ใจคิด อะไรที่เคยง่าย มันก็ยากไปหมด ไปสมัครงานคู่แข่งเด็กจบใหม่มาก็ดูดีมีความสามารถเยอะ กลัวไปหมดทุกอย่าง ดีที่ยังมีเงินเก็บบ้าง ในฐานะที่เคยเป็นคนสัมภาษณ์คนรับเข้าทำงาน กลับกลายเป็นคนที่ต้องเดินเข้าไปให้เขาถาม กลัวไปหมดทุกอย่าง ก็คิดนะคะว่าอยากจะเดินไปขอยกเลิกวันลา แต่มันคงทำไม่ได้แล้ว ที่เหลือก็ต้องเดินหน้าต่อไป บางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี มั้ง? แต่ก็คงไม่มีใครปล่อยให้ตัวเองอดตายจริงมั้ยคะ บอกตามตรงค่ะ เวลาสมัครงานใหม่เขาถามเหตุผลที่ลาออกจากที่เดิม ยังไม่มีในหัวเลยค่ะ เครียด ร้องไห้ ถามตัวเองตลอดเวลาว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ลาออก  พอถึงคราวชีวิตตัวเองมันไปไม่เป็นจริงๆ นี่ก็ส่งเรซูเม่แบบหว่านแหไปแล้วเกือบ 20 บริษัท ยังไม่มีที่ไหนตอบรับเลย ก็เลยกลายเป็นคนตกงาน 2018 ตอนเอายุเกือบ 30 นี่ล่ะค่ะ
    ทำไมไม่รอให้ได้งานใหม่ก่อนค่อยออก เพราะงานใหม่เขาไม่รอเราค่ะ เราตอบคำถามนี้เยอะมากจนกระทั่งเดินไปสมัครงานด้วยตัวเองจึงพบคำตอบ ตอนแรกเราก็อยากได้งานใหม่ก่อนจึงค่อยออกเหมือนกัน มันเหมือนครึ่งๆกลางๆ จะไปก้ไปไม่ได้ เพราะยังติดสัญญาอยู่ที่เดิม ตอนนี้ก็ยังเครียด ว่าจะไปทำอะไร จะได้งานไหม จะตกงานกี่เดือน เงินจะพอรึเปล่า ปัญหาเบสิกที่คนตกงานคิดกัน ตอนนี้ก็มีเพื่อน 2-3 คน คอยให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลืออยู่ แต่จะพึ่งคนอื่นทั้งหมด ก็คงไม่ได้ ได้แต่เป็นที่พึ่งทางใจอ่ะค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เสียเวลาอ่านจนจบนะคะ ตามที่บอก กระทู้นี้เหมือนเราบ่น ระบาย แต่ก่รที่เรามาเล่าในนี้ระหว่าที่พิมพ์ มันทำให้จิตใจเราผ่อนคลายลงบ้าง
และขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ น้อมรับทุกคำแนะนำนะคะ และเป็นกำลังใจให้คนที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเราด้วย

ที่เราเล่านี่เป็นเฉพาะบางส่วนในเรื่องของเราเอง ไม่ได้สาวไส้องค์กรหรืออย่างใด

เพิ่มเติม: ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนมาแสดงควาคิดเห็นเยอะขนาดนี้ อย่างที่บอกค่ะกระทู้นี้เหมือนเรามาระบาย บ่น เพื่อผ่อนคลายความทุกข์ในใจ  ต้องขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในพันทิป มากๆนะคะที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งให้กำลังใจ คำแนะนำ ให้ความช่วยเหลือ ให้ข้อคิดดึงสติเรา และทุกๆคอมเมนท์ อ่านคอมเมนท์แล้วมีสติขึ้นมามากเลยค่ะ  บางทีการที่เราได้แลกเปลี่ยนความคิดกับคนเยอะๆ มันก็ช่วยให้เรารู้สึกดีได้ในมากขึ้นเลยทีเดียวเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนท์จากใจจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่