เคยมีประสบการณ์ฝังใจจากการไปหาหมอไหมคะ?

อันนี้ไม่ได้จะว่าหรืออะไรนะคะ คือจากประสบการณ์การพบแพทย์ ก็มีทั้งประทับใจและไม่ประทับใจ เราเองก็ไปหาหมอไม่กี่ครั้ง ส่วนมากไปคลีนิกไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่พอไปรพ.ต้องมีประเด็นทุกรอบ เลยคิดว่าเราเป็นคนไข้ประเภทที่หมอต้องเหวี่ยงหรือเปล่า?

เราขอเล่าประสบการณ์นิดนึงนะคะ

ครั้งแรก หมอหนุ่ม รพ.ประจำจังหวัด เราโดนแมวที่บ้านกัดค่ะ คือมันโดนแมวตัวผู้กัดที่คอ มันกำลังช็อคเพราะเลือดออกเยอะ เราตกใจรีบพาไปหาหมอ ช่วงที่มันพะงาบๆอยู่มันกัดนิ้วเรา จึงเป็นเหตุให้เราต้องมาฉีดวัคซีน

เราพบหมอ หมอถามว่าแมวที่ไหน ?

เราบอกว่าลูกแมวที่บ้านค่ะ

หมอสวนกลับมาเลยว่าคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกหรอครับ

เราก็เงิบ และก็งงๆ เลยตอบหมอไปว่า คะ?

หมอพูดซ้ำอีกมีว่า คุณไม่พาไปฉีดวัคซีนคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกหรอ? คุณรู้ไหมว่ามันอันตราย

เราเงียบ คิดในใจนะ เข้าใจหมอนะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก ทำไมต้องขึ้นเสียงอ่ะ

ใจเราก็ไม่ได้ใส่ใจมาก คิดว่าเขาคงอยากจะเตือนเรานี้แหละ แต่แบบว่าดุนิดนึง
เราเคยมาฝึกงานที่รพ. แบบเขาเปิดให้เด็กนร.ที่มีความสนใจในอาชีพทางนี้มาศึกษาประสบการณ์ เห็นหมอเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เวลาพยาบาลคุยด้วยแกก็จะพูดห้วนๆ ไม่ค่อยสุงสิง แล้วไม่ชอบสบตาคนเวลาพูดด้วย  แต่ก็แอบคิดไม่ได้ว่าแกไม่พอใจเราจริงๆ หรือแกพูดแบบนี้อยู่แล้ววะ?

ผ่านไปมาเจอเคสที่ 2 ตอนเป็นกรวยไตอักเสบ
เราไปตรวจที่คลีนิคของมหาลัย
หมอท่านนี้มีอายุแล้ว หลังจากตรวจเสร็จ
หมอบอกเราเป็นกรวยไตอักเสบ นัดวันฉีดยาเรียบร้อย เราก็เลยถามหมอแบบอยากเอาความรู้ว่า หมอคะกรวยไตอักเสบมันเกิดจากอะไร หมอขึ้นเสียงแบบว่าก็อย่างนี้ไง? ประมานทำไมไม่รู้ฮะ แล้วเหมือนแบบว่านึกขึ้นได้แกก็ลดเลเวลเสียงลงมาแต่ยังดุเหมือนเดิม แล้วอธิบายให้เราฟัง เราก็พยักหน้างึกๆ แล้วก็ยิ้มแห้งๆ แบบว่าไม่น่าถามเลยกู แต่ก็ได้คำตอบที่เคลียร์นะคะ คุณหมอเผลอพูดศัพท์วิชาการด้วยแต่แกก็พยายามแปลเป็นภาษาชาวบ้านอีกที ก็ขอบคุณหมอที่อุส่าห์อธิบาย

ครั้งที่3 ตอนท้อง เราถูกส่งตัวมาจากรพ.นึง มารพ.รัฐแห่งนี้ หมอบอกว่าลูกเราดิ้นน้อย และต้องผ่าตัดด่วน เด็กอาจไม่แข็งแรงต้องใส่ท่ออุปกรณ์มากมาย อีกอย่างหมอที่ดูแลเคสเราไม่อยู่ หมอที่รับตรวจเราในวันนั้นเขาคงไม่กล้าตัดสินใจเลยส่งตัวเรามาที่รพ.นี้แทน

เรามาถึงรพ. คือตอนนั้นคิดว่ามาปุ๊ปเราต้องเข้าห้องรอคลอดเลยไหม คือแบบลูกดิ้นน้อย ต้องผ่าด่วน สรุปก็มารอกรอกใบผู้ป่วยใหม่ ทำบัตรและเดินไปห้องคลอดอีกชั้น ไปถึงห้องคลอด เราก็ยื่นเอกสารที่ทางรพ.ที่ส่งเรามาให้หมอเวรหน้าห้องคลอด หมอเขาก็ถามมาทำไม เราบอกว่าเราถูกส่งตัวมา นี้เอกสารค่ะ เราก็พยายามอธิบายมันเกิดอะไรขึ้น หมอก็บอกนี้ไม่ใช่ใบส่งตัว ใครส่งมา ติดต่อใคร เราก็งง เราก็บอกว่าทางรพ.นี้ส่งมานะ นี้เอกสารที่เข้าให้เรามายื่น ซึ่งเข้าใจว่ามันคือใบส่งตัว และเอกสารการฝากครรภ์ของเราหมอหน้าห้องเถียงว่า มันไม่มีรายละเอียดเลย ใครส่งมา ติดต่อที่นี้หรือยัง เราบอกว่าติดต่อแล้ว ทำเอกสารด้านล่าง ยื่นให้เขาดู เขาบอกว่าให้มานี้ แล้วเราก็บอกว่ามีพี่พยาบาลที่รู้จักรพ.นี้ แกบอกว่าประสานงานให้แล้ว เขาก็ทำหน้างง แล้วถามว่าพี่คนนั้นชื่ออะไรเราก็บอกชื่อ เขาก็บอกไม่รู้จักตอนนั้นเราแบบว่าอยากจะร้องไห้ คืออะไรวะ ทำไงดีเนี้ยยย

สักพักมีอาจารย์หมอคนนึงมา เขาก็บอกให้เราไปนอนตรวจดูเด็กในท้องก่อน กว่าหมอก็เข้าใจและทราบว่าเอกสารเราถูกส่งมาจริงๆ ทำเรากังวลแทบตาย สักพักพี่ที่เรารู้จักก็มาหาเราที่ห้องคลอด แล้วหมอเวรก็เข้ามาพอดี แล้วเขามองกันแบบเหยียดๆอ่ะ พอหมอตรวจเสร็จ พี่เขาก็เข้ามาคุยกับเรา  แอบนินทาหมอนิดนึงว่า หมอพูดจาไม่เพราะเลยเนาะ เราก็ยิ้มแห้งๆไป ตอนนั้นคือเครียดมาก แต่ทุกอย่างก็ไปได้ด้วยดี ลูกเรายังตอบสนอง หมอให้นอนห้องรอคลอดคืนนึง เพื่อดูอาการ ก็กลับบ้าน แล้วนัดวันคลอด

ครั้งที่4 พาลูกไปหาหมอที่รพ.เอกชน คราวนี้หมอสาวค่ะ ลูกเราท้องผูก เราเลยพาไปปรึกษาหมอ เพราะลองเปลี่ยนนม ลดนม และทานผัก ผลไม้  สารพัดจะทำแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม

หมอถามเราว่าลูกเรากินนมอะไรอยู่ วันละเท่าไหร่
เราตอบว่านมกล่องยี่ก้อนี้ เราตอบว่าวันละ 3 กล่องค่ะ เช้า กลางวัน ก่อนนอน ประมาน12ออนซ์ค่ะ

หมอบอกว่ามันน่าจะเกินนะเพราะนมมันกล่องใหญ่

เราบอกว่าเราซื้อแบบกล่องเล็กมา ขนาด125ml ใส่ขวดนมได้ทีละ4ออนส์

หมอบอกเราว่ามันมีกล่องเล็กด้วยหรอ? หมอว่ามันมีแต่กล่องใหญ่นะ

เราบอกว่ามีค่ะ แล้วเราจะหยิบให้คุณหมอดู

คุณหมอบอกว่าจะอะไรก็ช่าง แบบรำคาณๆ คุณแม่อย่าให้น้องทานเกิน12ออนซ์  อย่างน้อยๆวันละ8ออนซ์จะดีกว่าค่ะ เพราะน้องเริ่มโตแล้ว นมไม่ใช่อาหารหลัก

เราก็โอเค แต่หมอเหมือนยังรำคาณเราอยู่แล้วก็กรอกตามองบน

คือเราก็จะอธิบายไง ก็หมอถามอ่ะ กลายเป็นรู้สึกว่ากูผิดไงไม่รู้

ครั้งที่5 หมอฟัน ล่าสุดเลย ทำฟันฟรี เราพาลูกไปตรวจสุขภาพฟัน หมอบอกว่าให้ลูกเราอุดฟัน1ซี่

เราก็นั่งรอคิวจนถึงคิวก็พาลูกไป เป็นหมอผู้ชาย
เราก็ยื่นใบวินิจฉัยให้เขาว่าเราต้องทำอะไรบ้าง

หมอก็เริ่ม ก็ให้ลูกเรานอนลงบนเก้าอี้ เราด้วยความที่กลัวว่าลูกจะกลัว เราก็บอกว่านอนลงให้คุณหมอตรวจฟันแปปนึงนะคะ

หมอถอด mask มาพูดกับเราว่า เมื่อกี้คุณพูดว่าไงนะครับ? แบบจะเอาเรื่อง

เราก็งงๆ ก็พูดไปว่า อ๋อพูดว่าให้หมอตรวจฟันแปปนึงนะคะ

หมอ อ๋อ เสียงมันดัง ฟังไม่ชัด

เราก็อ่อๆ หมอคงไม่ได้ยิน แต่ตกใจมาก หมอพูดถามประมานแบบว่าเราพูดจาไม่เข้าหูอ่ะ

ในขณะที่ทำฟัน หมอดุน้องนักเรียนที่เป็นอาสามาช่วย คือเขาให้เด็กนักเรียนที่สนใจอยากจะศึกษาต่อด้านนี้มาเรียนรู้ประสบการณ์จากงานนี้ หมอดุน้องมาก บรรยากาศตึงเครียด ลูกเราก็เคยหาหมอฟัน แต่แค่ตรวจ ไม่เคยทำฟันเลย เราก็กังวลว่าจะเป็นไรไหมนะ ระหว่างทำคือน้องผู้ช่วยแกถือที่ดูดน้ำลายแต่แกใส่เข้ามาใกล้คอมากเกิน ลูกเราก็ทำท่าจะอ้วก หมอก็ดุน้องผู้ช่วยแล้วก็หันมาดุลูกเราว่า ถ้าอ้วกหมอให้กลืนอ้วกเลยนะ อยู่เฉยๆ คือเราก็เข้าใจนะคะว่ามันยาก คิดในใจว่าเราผิดหรือเปล่าที่พาลูกมาทำ ก็ลุ้นกันไปจนเสร็จ ลูกเราก็ไม่ร้องนะ อันนี้คือผิดคาด ก็ขอบคุณหมอเรียบร้อย เด็กดีมาก แต่แอบสงสารลูกที่หมอตะคอก คือมันยากจริงๆกับเด็ก รู้สึกผิดเลยที่พาลูกมา จริงๆ ยอมไปทำคลีนิกดีกว่า คือที่นี้คนเขาเยอะ เครื่องมือก็ไม่ได้สะดวกมาก  แต่แม่เราบอกให้เราพาลูกมาตรวจ เราก็มา คือเราเองก็ไม่เคยพบหมอฟันเลยนะตั้งแต่โตมา เด็กๆเคยไปหา2ครั้ง ถอนฟัน พอเจอเคสลูก รู้สึกไม่กล้าทำเลย แต่ก็ยอมทำเพราะเราไปยื่นใบแล้ว แต่เราได้หมออีกคนนึง เขาก็ใจดีนะ เรารู้สึกไม่เกร็ง ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี

เรื่องราวก็จะประมาณนี้  แชร์ๆประสบการณ์กันได้นะคะ อาจจะเป็นแง่มุมของหมอเองก็ได้ค่ะ เผื่อเราจะได้เข้าใจและเห็นภาพกันได้มากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่