ย่างก้าวเข้าปีที่ 3 ของ เจอร์เก้น คล้อป ในการคุมทีมที่พยายามดิ้นรนอยากจะกลับขึ้นมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อย่างลิเวอร์พูล ก็ดูว่าปีนี้ ตัวคล้อปเองและบรรดาบิ๊กๆระดับบริหารของสโมสร น่าจะตั้งความหวังที่จะพาทีมหรือสนับสนุนทีมในยุคของคล้อปยุคนี้ให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยทำได้ หลังจากเคยได้เฉียดเข้าใกล้มาแล้วถึง 3 ครั้งในรอบ 3 ปี พยายามหนุนพยายามดันทีมทุกทาง ให้ถึงโทรฟี่หรือถ้วยรางวัลสักที เพราะมันคือสิ่งที่ดีที่สุดในการบ่งชี้ถึงความสำเร็จตามสายตาแฟนบอลทั่วๆไป
เห็นได้จากปีนี้ที่สโมสรยอมควักหน้าตักเทงบประมาณการคว้าตัวนักเตะใหม่เข้าสู่ทีมแบบคุ้มคลั่ง(ใช้คำตามสื่อหลายสำนัก ที่พาดหัวเรียกเรตติ้ง) ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ราคานักเตะแทบทุกคนในตลาดตอนนี้มันเฟ้อและแพงโอเวอร์กว่าความน่าจะเป็นไปมาก โดยเฉพาะถ้าหากนักเตะนั้นๆ ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมที่ดูมีสตางค์ ต่างก็โดนโขกสับราคากันทั่วหน้าไม่ใช่แค่เฉพาะลิเวอร์พูล แต่ก็ยังมีบางคนหัวร้อน(คนที่คุณก็รู้ว่าใคร)เที่ยวออกมาค่อนแคะว่า คล้อปกำลังพยายามจะใช้เงินซื้อความสำเร็จ ทั้งๆที่ก็มองออกกันหมดไม่ว่าจะเป็นคอบอลบ้านๆหรือเกจิอาจารย์กูรู ว่าตัวนักเตะทมี่คล้อปเลือกซื้อมานั้น น่าจะเข้าแก้ปัญหาสำคัญที่ทีมเขามีอยู่ได้
แต่ก็เอาเหอะครับ ใครจะว่าจะว่า ซื้อ..ก็ซื้อวะ สำหรับแฟนบอลในประเทศโลกที่สามอย่างเรา เพราะมันไม่ใช่เงินเรา และยังไงมันก็ดีกว่าอยากซื้อแต่ไม่ได้ซื้อแน่นวล
เข้าเรื่องสักที มาว่ากันที่บทสรุปของผลงานสองนัดแรกก็ต้องบอกว่า ดูแนวโน้มแล้วเป้าหมายสูงสุดที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทีมหงส์แดง คาดหวังกันไว้แต่ยังไม่กล้าออกปากเพราะมันยังเร็วเกินไปที่จะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ คือการที่ทีมมีโอกาสจะคว้าโทรฟี่มาครอบครองได้ในปีนี้นั้น มันก็มีความน่าจะเป็นไปได้อยู่พอสมควร
เพียงแต่อย่างที่บอกไปว่า มันเร็วเกินไปกับการที่แฟนบอลหงส์แดงจะพูดเช่นนั้น และที่สำคัญมันก็ดูจะไม่จำเป็นที่เด็กหงส์ออกมา “โม้” เอง เพราะทุกวันนี้ ก็มีแฟนบอลทีมอื่น(ทีมที่คุณก็รู้ว่าทีมไหน)มา“โม้”แทนราวกับว่า ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคไปเรียบร้อยแล้ว ทำหน้าที่กันอย่างขยันขันแข็งมาตั้งแต่ปรีซีซั่น จนทุกวันนี้กลายเป็นพูดถึงลิเวอร์พูล มากกว่าทีมที่ตัวเองเชียร์ไปแล้วมั้ง
ถ้าถามว่าถ้วยไหนที่แฟนบอลลิเวอร์พูล”อยาก”ได้ที่สุด ซึ่งก็น่าจะเป็นถ้วยรางวัลเดียวกันทีมแฟนบอลทีมอื่น”กลัว”ลิเวอร์พูลจะได้มากที่สุด ก็คงแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะส่วนใหญ่ที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ก็คงหนีไม่พ้นถ้วยพรีเมียร์ลีคเหมือนๆกัน ด้วยเหตุที่ลิเวอร์พูลว่างเว้นจากเกียรติยศระดับสูงสุดของลีคภายในประเทศมานานมากแล้ว
ซึ่งจากผลงานสองนัดแรกที่ผ่านไปก็ต้องบอกว่าลิเวอร์พูลชุดนี้นั้น สมราคา“เต็งสอง”ตามมุมมองของนักวิเคราะห์และบ่อนพนันถูกกฎหมายที่โน้น เพราะผู้เล่นชุดนี้ดูเหมือนว่าจะดีกว่าปีก่อน ด้วยเหตุที่ว่า เจอร์เก้น คล้อปได้คว้าตัวผู้เล่นใหม่เข้ามาไม่ว่าจะตัวไหนก็แต่แล้วเมื่อมาผสมกับผู้เล่นเดิมที่ทีอยู่แล้ว เหมือนจะแก้ปัญหาของทีมตัวเองได้
แล้วถามว่าผู้เล่นคนไหนล่ะ ที่คล้อปเป็นคนดึงเข้ามาแล้วน่าจะยกระดับทีมได้มากขึ้น จนถึงขั้นมีลุ้นแชมป์ สำหรับตัวผมเองแล้วมองว่า ตัวที่ผลในการยกระดับทีมอย่างชัดเจน ยังไม่ใช่ตัวที่เข้ามาในปีนี้แน่ เพราะยังต้องดูกันไปยาวๆก่อน อย่าง อลิซอน เบ็คเกอร์ นาบี เกอิต้า หรือ ฝาบินโญ่ และชากีรี่ ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวอีกสักระยะ รวมถึงไม่ใช่ตัวทีเด็ดในปีก่อนอย่าง โม ซาล่าห์ แม้ว่ารายหลังจะได้รางวัลการันตรีผลงานการเล่นที่ตัวเองทำให้ลิเวอร์พูล จนเวลานี้ถูกเชิดชูเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้วก็เถอะ เพราะก่อนหน้าจะมีซาล่าห์ ถึงลิเวอร์พูลไม่ได้ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ยังทำประตูกันได้เรื่อยๆ การทำประตูคู่แข่งภายใต้การคุมทีมของคล็อปไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ของทีม
ดังนั้นตามมุมมองของผม ผู้เล่นที่เข้าข่าย คล็อปเป็นคนซื้อมาเองก็เหลือไม่กี่คน ซึ่งตัดพวกดาวรุ่งที่ยังหาตำแหน่งตัวจริงไม่ได้ออกไปหมดแล้ว ก็จะเหลือเพียงตัวเดียว คือ เวอร์จิล ฝานไดร์ และเป็นผู้เล่นตัวหลักที่ตอบโจทย์เกมส์รับที่หละหลวม เข้ามาขันน็อตจนดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเป็นกำลังสำคัญที่ลิเวอร์พูลขาดไม่ได้ หากอยากประสบความสำเร็จ
ปีก่อนคล็อป ดึง ฝานไดร์ เข้ามา ในระดับราคาที่คนทั้งโลกตั้งคำถามว่า “คุ้มหรือไม่”ผลที่ได้ก็คือ โรคเสียเตะมุมหรือเซ้ตพีทเหมือนเสียจุดโทษ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังของทีมลิเวอร์พูลมายาวนานก็เหมือนจะรักษาได้แล้ว นับตั้งแต่ลิเวอร์พูลได้เซ็นเตอร์แบ็คแพงระยับคนนี้มาประจำการ มิหนำซ้ำยังอาศัยจุดเด่นเรื่องการป้องกันลูกกลางอากาศเวลาเสียเซ็ตพีทของฝานไดร์ มาเป็นอาวุธหลักชิ้นใหม่ให้กับลูกทีมของตัวเองอีกด้วย เพราะฝานไดร์ไม่ใช่พวกที่เอะอะเคลียร์สะเปะสะปะ ถ้ามีโอกาสเขาเลือกจะเคลียร์บอลส่งให้เพื่อนมากกว่าเคลียร์ทิ้ง ทำให้การเล่น ”บอลสอง” ของลิเวอร์พูลกลายเป็นที่โคตรอันตรายสำหรับทีมฝ่ายคู่แข่ง และนั่นคือแท๊คติกของทีมที่อาศัยสกิลการเล่นผู้เล่นคนหนึ่งคนใดเป็นจุดตั้งต้น
รูปแบบการเล่นต้นเกมส์รุกด้วยสกิลส่วนบุคคลของผู้เล่น เป็นรูปแบบที่คล้อปพยายามแสวงหา อย่างการคว้า อลิชอน เบ็คเกอร์ มาในปีนี้ ก็เพราะคล้อปนั้นต้องการมากกว่าฝีมือการป้องกันประตู เขาต้องการผู้รักษาประตูมที่เปิดบอลแม่น เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ทันที ซึ่งจากสองนัดแรกผ่านไป ก็จะเห็นการเปลี่ยนเกมส์ไวสวยๆจาก อลิชอน เบ็คเกอร์ เหมือนกัน แต่มันยังไม่ได้ทำให้ทีมได้ประตู
นอกเรื่องไปนิด กลับมาว่ากันต่อ บอลสอง คือ อะไร บอลสองในที่นี้หมายถึง จังหวะที่สองหลังจาก ฝานไดร์ เคลียร์ป้องกันลูกกลางอากาศได้แล้วตัวที่เก็บบอลต่อจาก ฝานไดร์ ซึ่ง ซาล่าห์หรือเฟอร์มิโน่ เป็นสองคนที่ถูกกำหนดให้คอยมาเก็บบอลต่อจากฝานไดร์ ในปีก่อน แล้วจะเล่นเกมส์โต้กลับฉับพลันทันที ส่งลูกให้บรรดาแนวรุกตีนผีไปทำสกอร์ให้กับทีม ซึ่งปีนี้ทั้งสองนัดที่ผ่านไป ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูจากรูปแบบการเล่น บอลสอง แบบนี้ มาแล้วทั้งสองนัด แถมปีนี้ ยังมี นาบี เกอิต้า อีกตัวที่เพิ่มเข้ามาร่วมวงคอยรับบอลสองจากฝานไดร์ ก็นับเป็นเขี้ยวเล็บใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นของหงส์แดง
จริงๆถ้าว่ากันตามตรง ลักษณะการเล่นบอลสองแบบนี้ คล็อปเหมือนจะพยายามเน้นให้ลูกทีมตัวเองเล่นให้ได้มานานแล้ว แต่ปัจจัยเรื่องศักยภาพนักเตะที่มีในตอนนั้นไม่เอื้ออำนวย ถ้าจำกันได้ ก่อนจะมีฝานไดร์เข้ามามือวางอันดับหนึ่งในการเคลียร์ลูกกลางอากาศของทีม คือ เดยัน ลอฟเร่น ซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้จะเคลียร์ได้เยอะที่สุดในทีมก็ตาม คือ เคลียร์ไปส่งๆแบบนั้นเอง หรือต่อให้ไม่เคลียร์ไปส่งๆ แต่ตัวที่มักจะเก็บบอลต่อจากลอฟเร่น ก็เป็นพวก เฮนเดอร์สัน ซึ่งเล่นแบบเพลย์เซฟ หรือ เอมเร่ ชาน ที่ดูจะกล้ากว่าเฮนโด้แต่ก็เชื่องช้าท่ามาก ท่ายากเยอะ จนไม่ทันกิน
แต่ปีนี้ ถ้ามีฝานไดร์เป็นจุดตั้งต้นเกมส์โต้กลับจากลูกเซ็ตพีทได้ทุกนัด ปัญหาเจาะไม่เข้าขอฝงฃลิเวอร์พูลเวลาเจอทีมที่เอาแต่อุดก็จะทุเลาเบาบางลง เพราะถึงยังไงเวลาฝ่ายตรงข้ามได้ลูกเตะมุมผู้เล่นในแนวรับของง่ายตรงข้ามก็จะขึ้นมาลุ้นทำประตูจากลูกเตะมุมแน่ๆอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้แนวรุกขาซิ่งของเรา มีโอกาส
อีกจุดหนึ่งที่ ฝานไดร์ โดดเด่นก็คือภาวะผู้นำ ที่ส่งผลแผ่อิทธิผู้เล่นคนอื่น ลอฟเร่น เคยออกมทะเลไปหาปลาพักใหญ่ ก็กลับมาได้ ถึงขั้นสถาปนาตัวเองเป็นเช็นเตอร์ระดับโลกได้ ก็เพราะได้ยืนจับคู่กับฟานไดร์ โกเมช ที่ยังไม่รู้วันไหนจะล่ก ลนลาน ในปีก่อน พอมาปีนี้ ดูมีวุฒภาวะเลิกตื่นสนามเมื่อยามได้ลงเล่นคู่กับ ฝานไดร์
แม้จะพูดไม่ได้ทั้งหมดว่าเป็นเพราะ ฝานไดร์ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของคู่หูคู่เซนเตอร์ที่เล่นร่วมกับเขา ส่วนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะการแหกปากสั่งการณ์ในแนวรับอยู่ตลอดเวลาของนักเตะชาวดัตช์
และทั้งหมดที่ว่ามานั้นคือสิ่งสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการยกระดับของทีม ด้วยการเข้ามาของ ฝานไดร์ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เล่นที่ลิเวอร์พูลในยามนี้ ขาดไม่ได้ หากอยากจะไปให้ถึงความสำเร็จ
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นลิเวอร์พูลคนอื่นๆในตำแหน่งอื่นๆแล้ว ถามว่าขาดใครแล้วน่าจะส่งผลกับทีมในตอนนี้มากที่สุด ในแดนหน้าสามประสานเกมส์รุก ปีก่อนอาจไม่ทีตัวแทน แต่ปีนี้ สเตอริจกลับมาแล้ว ชากีรี่ก็ดูมีแวว น่าจะพอแทนกันได้ ในแดนกลางมีตัวเลือกเยอะจนแทบจะเหยียบกันตาย คุณภาพอาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ไม่ห่างชั้นเหมือนปีก่อน ที่เอาทีมชุดสองมาแสตนบาย แบ๊คสองข้างห่วงแค่แบ๊คซ้าย ส่วนข้างขวา ตัวเลือกเยอะพอได้ ผู้รักษาประตูก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยเจ็บอยู่แล้ว แม้ตัวสำรองจะวางใจไม่ได้มากนัก แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นห่วง
แล้วแฟนหงส์ท่านอื่นที่เข้ามาอ่านล่ะครับ คิดว่าใครเป็นคีย์แมนที่ทีมขาดไม่ได้
ลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันดูครับ
วิเคราะห์แท๊คติกและผู้เล่นลิเวอร์พูลคนไหน ที่น่าจะทำให้ทีมมีหวังสู้ได้ยาวๆ
เห็นได้จากปีนี้ที่สโมสรยอมควักหน้าตักเทงบประมาณการคว้าตัวนักเตะใหม่เข้าสู่ทีมแบบคุ้มคลั่ง(ใช้คำตามสื่อหลายสำนัก ที่พาดหัวเรียกเรตติ้ง) ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ราคานักเตะแทบทุกคนในตลาดตอนนี้มันเฟ้อและแพงโอเวอร์กว่าความน่าจะเป็นไปมาก โดยเฉพาะถ้าหากนักเตะนั้นๆ ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมที่ดูมีสตางค์ ต่างก็โดนโขกสับราคากันทั่วหน้าไม่ใช่แค่เฉพาะลิเวอร์พูล แต่ก็ยังมีบางคนหัวร้อน(คนที่คุณก็รู้ว่าใคร)เที่ยวออกมาค่อนแคะว่า คล้อปกำลังพยายามจะใช้เงินซื้อความสำเร็จ ทั้งๆที่ก็มองออกกันหมดไม่ว่าจะเป็นคอบอลบ้านๆหรือเกจิอาจารย์กูรู ว่าตัวนักเตะทมี่คล้อปเลือกซื้อมานั้น น่าจะเข้าแก้ปัญหาสำคัญที่ทีมเขามีอยู่ได้
แต่ก็เอาเหอะครับ ใครจะว่าจะว่า ซื้อ..ก็ซื้อวะ สำหรับแฟนบอลในประเทศโลกที่สามอย่างเรา เพราะมันไม่ใช่เงินเรา และยังไงมันก็ดีกว่าอยากซื้อแต่ไม่ได้ซื้อแน่นวล
เข้าเรื่องสักที มาว่ากันที่บทสรุปของผลงานสองนัดแรกก็ต้องบอกว่า ดูแนวโน้มแล้วเป้าหมายสูงสุดที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทีมหงส์แดง คาดหวังกันไว้แต่ยังไม่กล้าออกปากเพราะมันยังเร็วเกินไปที่จะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ คือการที่ทีมมีโอกาสจะคว้าโทรฟี่มาครอบครองได้ในปีนี้นั้น มันก็มีความน่าจะเป็นไปได้อยู่พอสมควร
เพียงแต่อย่างที่บอกไปว่า มันเร็วเกินไปกับการที่แฟนบอลหงส์แดงจะพูดเช่นนั้น และที่สำคัญมันก็ดูจะไม่จำเป็นที่เด็กหงส์ออกมา “โม้” เอง เพราะทุกวันนี้ ก็มีแฟนบอลทีมอื่น(ทีมที่คุณก็รู้ว่าทีมไหน)มา“โม้”แทนราวกับว่า ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคไปเรียบร้อยแล้ว ทำหน้าที่กันอย่างขยันขันแข็งมาตั้งแต่ปรีซีซั่น จนทุกวันนี้กลายเป็นพูดถึงลิเวอร์พูล มากกว่าทีมที่ตัวเองเชียร์ไปแล้วมั้ง
ถ้าถามว่าถ้วยไหนที่แฟนบอลลิเวอร์พูล”อยาก”ได้ที่สุด ซึ่งก็น่าจะเป็นถ้วยรางวัลเดียวกันทีมแฟนบอลทีมอื่น”กลัว”ลิเวอร์พูลจะได้มากที่สุด ก็คงแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะส่วนใหญ่ที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ก็คงหนีไม่พ้นถ้วยพรีเมียร์ลีคเหมือนๆกัน ด้วยเหตุที่ลิเวอร์พูลว่างเว้นจากเกียรติยศระดับสูงสุดของลีคภายในประเทศมานานมากแล้ว
ซึ่งจากผลงานสองนัดแรกที่ผ่านไปก็ต้องบอกว่าลิเวอร์พูลชุดนี้นั้น สมราคา“เต็งสอง”ตามมุมมองของนักวิเคราะห์และบ่อนพนันถูกกฎหมายที่โน้น เพราะผู้เล่นชุดนี้ดูเหมือนว่าจะดีกว่าปีก่อน ด้วยเหตุที่ว่า เจอร์เก้น คล้อปได้คว้าตัวผู้เล่นใหม่เข้ามาไม่ว่าจะตัวไหนก็แต่แล้วเมื่อมาผสมกับผู้เล่นเดิมที่ทีอยู่แล้ว เหมือนจะแก้ปัญหาของทีมตัวเองได้
แล้วถามว่าผู้เล่นคนไหนล่ะ ที่คล้อปเป็นคนดึงเข้ามาแล้วน่าจะยกระดับทีมได้มากขึ้น จนถึงขั้นมีลุ้นแชมป์ สำหรับตัวผมเองแล้วมองว่า ตัวที่ผลในการยกระดับทีมอย่างชัดเจน ยังไม่ใช่ตัวที่เข้ามาในปีนี้แน่ เพราะยังต้องดูกันไปยาวๆก่อน อย่าง อลิซอน เบ็คเกอร์ นาบี เกอิต้า หรือ ฝาบินโญ่ และชากีรี่ ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวอีกสักระยะ รวมถึงไม่ใช่ตัวทีเด็ดในปีก่อนอย่าง โม ซาล่าห์ แม้ว่ารายหลังจะได้รางวัลการันตรีผลงานการเล่นที่ตัวเองทำให้ลิเวอร์พูล จนเวลานี้ถูกเชิดชูเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้วก็เถอะ เพราะก่อนหน้าจะมีซาล่าห์ ถึงลิเวอร์พูลไม่ได้ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ยังทำประตูกันได้เรื่อยๆ การทำประตูคู่แข่งภายใต้การคุมทีมของคล็อปไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ของทีม
ดังนั้นตามมุมมองของผม ผู้เล่นที่เข้าข่าย คล็อปเป็นคนซื้อมาเองก็เหลือไม่กี่คน ซึ่งตัดพวกดาวรุ่งที่ยังหาตำแหน่งตัวจริงไม่ได้ออกไปหมดแล้ว ก็จะเหลือเพียงตัวเดียว คือ เวอร์จิล ฝานไดร์ และเป็นผู้เล่นตัวหลักที่ตอบโจทย์เกมส์รับที่หละหลวม เข้ามาขันน็อตจนดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเป็นกำลังสำคัญที่ลิเวอร์พูลขาดไม่ได้ หากอยากประสบความสำเร็จ
ปีก่อนคล็อป ดึง ฝานไดร์ เข้ามา ในระดับราคาที่คนทั้งโลกตั้งคำถามว่า “คุ้มหรือไม่”ผลที่ได้ก็คือ โรคเสียเตะมุมหรือเซ้ตพีทเหมือนเสียจุดโทษ ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังของทีมลิเวอร์พูลมายาวนานก็เหมือนจะรักษาได้แล้ว นับตั้งแต่ลิเวอร์พูลได้เซ็นเตอร์แบ็คแพงระยับคนนี้มาประจำการ มิหนำซ้ำยังอาศัยจุดเด่นเรื่องการป้องกันลูกกลางอากาศเวลาเสียเซ็ตพีทของฝานไดร์ มาเป็นอาวุธหลักชิ้นใหม่ให้กับลูกทีมของตัวเองอีกด้วย เพราะฝานไดร์ไม่ใช่พวกที่เอะอะเคลียร์สะเปะสะปะ ถ้ามีโอกาสเขาเลือกจะเคลียร์บอลส่งให้เพื่อนมากกว่าเคลียร์ทิ้ง ทำให้การเล่น ”บอลสอง” ของลิเวอร์พูลกลายเป็นที่โคตรอันตรายสำหรับทีมฝ่ายคู่แข่ง และนั่นคือแท๊คติกของทีมที่อาศัยสกิลการเล่นผู้เล่นคนหนึ่งคนใดเป็นจุดตั้งต้น
รูปแบบการเล่นต้นเกมส์รุกด้วยสกิลส่วนบุคคลของผู้เล่น เป็นรูปแบบที่คล้อปพยายามแสวงหา อย่างการคว้า อลิชอน เบ็คเกอร์ มาในปีนี้ ก็เพราะคล้อปนั้นต้องการมากกว่าฝีมือการป้องกันประตู เขาต้องการผู้รักษาประตูมที่เปิดบอลแม่น เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ทันที ซึ่งจากสองนัดแรกผ่านไป ก็จะเห็นการเปลี่ยนเกมส์ไวสวยๆจาก อลิชอน เบ็คเกอร์ เหมือนกัน แต่มันยังไม่ได้ทำให้ทีมได้ประตู
นอกเรื่องไปนิด กลับมาว่ากันต่อ บอลสอง คือ อะไร บอลสองในที่นี้หมายถึง จังหวะที่สองหลังจาก ฝานไดร์ เคลียร์ป้องกันลูกกลางอากาศได้แล้วตัวที่เก็บบอลต่อจาก ฝานไดร์ ซึ่ง ซาล่าห์หรือเฟอร์มิโน่ เป็นสองคนที่ถูกกำหนดให้คอยมาเก็บบอลต่อจากฝานไดร์ ในปีก่อน แล้วจะเล่นเกมส์โต้กลับฉับพลันทันที ส่งลูกให้บรรดาแนวรุกตีนผีไปทำสกอร์ให้กับทีม ซึ่งปีนี้ทั้งสองนัดที่ผ่านไป ลิเวอร์พูลก็ได้ประตูจากรูปแบบการเล่น บอลสอง แบบนี้ มาแล้วทั้งสองนัด แถมปีนี้ ยังมี นาบี เกอิต้า อีกตัวที่เพิ่มเข้ามาร่วมวงคอยรับบอลสองจากฝานไดร์ ก็นับเป็นเขี้ยวเล็บใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นของหงส์แดง
จริงๆถ้าว่ากันตามตรง ลักษณะการเล่นบอลสองแบบนี้ คล็อปเหมือนจะพยายามเน้นให้ลูกทีมตัวเองเล่นให้ได้มานานแล้ว แต่ปัจจัยเรื่องศักยภาพนักเตะที่มีในตอนนั้นไม่เอื้ออำนวย ถ้าจำกันได้ ก่อนจะมีฝานไดร์เข้ามามือวางอันดับหนึ่งในการเคลียร์ลูกกลางอากาศของทีม คือ เดยัน ลอฟเร่น ซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้จะเคลียร์ได้เยอะที่สุดในทีมก็ตาม คือ เคลียร์ไปส่งๆแบบนั้นเอง หรือต่อให้ไม่เคลียร์ไปส่งๆ แต่ตัวที่มักจะเก็บบอลต่อจากลอฟเร่น ก็เป็นพวก เฮนเดอร์สัน ซึ่งเล่นแบบเพลย์เซฟ หรือ เอมเร่ ชาน ที่ดูจะกล้ากว่าเฮนโด้แต่ก็เชื่องช้าท่ามาก ท่ายากเยอะ จนไม่ทันกิน
แต่ปีนี้ ถ้ามีฝานไดร์เป็นจุดตั้งต้นเกมส์โต้กลับจากลูกเซ็ตพีทได้ทุกนัด ปัญหาเจาะไม่เข้าขอฝงฃลิเวอร์พูลเวลาเจอทีมที่เอาแต่อุดก็จะทุเลาเบาบางลง เพราะถึงยังไงเวลาฝ่ายตรงข้ามได้ลูกเตะมุมผู้เล่นในแนวรับของง่ายตรงข้ามก็จะขึ้นมาลุ้นทำประตูจากลูกเตะมุมแน่ๆอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้แนวรุกขาซิ่งของเรา มีโอกาส
อีกจุดหนึ่งที่ ฝานไดร์ โดดเด่นก็คือภาวะผู้นำ ที่ส่งผลแผ่อิทธิผู้เล่นคนอื่น ลอฟเร่น เคยออกมทะเลไปหาปลาพักใหญ่ ก็กลับมาได้ ถึงขั้นสถาปนาตัวเองเป็นเช็นเตอร์ระดับโลกได้ ก็เพราะได้ยืนจับคู่กับฟานไดร์ โกเมช ที่ยังไม่รู้วันไหนจะล่ก ลนลาน ในปีก่อน พอมาปีนี้ ดูมีวุฒภาวะเลิกตื่นสนามเมื่อยามได้ลงเล่นคู่กับ ฝานไดร์
แม้จะพูดไม่ได้ทั้งหมดว่าเป็นเพราะ ฝานไดร์ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของคู่หูคู่เซนเตอร์ที่เล่นร่วมกับเขา ส่วนหนึ่งที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะการแหกปากสั่งการณ์ในแนวรับอยู่ตลอดเวลาของนักเตะชาวดัตช์
และทั้งหมดที่ว่ามานั้นคือสิ่งสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการยกระดับของทีม ด้วยการเข้ามาของ ฝานไดร์ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เล่นที่ลิเวอร์พูลในยามนี้ ขาดไม่ได้ หากอยากจะไปให้ถึงความสำเร็จ
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นลิเวอร์พูลคนอื่นๆในตำแหน่งอื่นๆแล้ว ถามว่าขาดใครแล้วน่าจะส่งผลกับทีมในตอนนี้มากที่สุด ในแดนหน้าสามประสานเกมส์รุก ปีก่อนอาจไม่ทีตัวแทน แต่ปีนี้ สเตอริจกลับมาแล้ว ชากีรี่ก็ดูมีแวว น่าจะพอแทนกันได้ ในแดนกลางมีตัวเลือกเยอะจนแทบจะเหยียบกันตาย คุณภาพอาจแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ไม่ห่างชั้นเหมือนปีก่อน ที่เอาทีมชุดสองมาแสตนบาย แบ๊คสองข้างห่วงแค่แบ๊คซ้าย ส่วนข้างขวา ตัวเลือกเยอะพอได้ ผู้รักษาประตูก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยเจ็บอยู่แล้ว แม้ตัวสำรองจะวางใจไม่ได้มากนัก แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นห่วง
แล้วแฟนหงส์ท่านอื่นที่เข้ามาอ่านล่ะครับ คิดว่าใครเป็นคีย์แมนที่ทีมขาดไม่ได้
ลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันดูครับ