เรื่องเล่าของแม่ (เร้นลับ)

สวัสดีค่ะ บีไม่ได้เอาประสบการณ์มาเล่าให้เพื่อนๆฟังนานเลยนะคะ วันนี้วันดีบีว่างจากงาน เมื่อช่วงวันแม่แห่งชาติที่ผ่านมา บีได้ไปไหว้คุณแม่ซึ่งก่อนหน้านี้บีก็ไปบ่อยนะคะ แต่ไปเยี่ยมไปทานข้าวด้วยค่ะไปเช้าเย็นกลับเลยไม่ได้คุยเพราะ Event เยอะมากค่ะ ในวันแม่เลยถือโอกาสพิเศษแอบซื้อแหวนเพชรแถวให้คุณแม่หน่อย เผื่อจะน้อยใจ อิอิ

เข้าเรื่องเลยนะคะ อยู่นานก็มีเรื่องมาเล่าระหว่างเล่าก็ถามว่าาแม่จำได้ไหมวันที่เราซื้อบ้านใหม่ที่น้องเห็น พระเดินบิณฑบาตแล้วแม่ก็เข้าโรงบาล แม่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลย น้องอยากฟังน้องขอไปแบ่งปันได้ไหมคะแม่ แม่บอก เออได้แหวนแล้วไปเล่าที่ไหนก็ไป 555555+
บีเลยแอบเอาสมาร์ทโฟนบันทึกเสียงเลยค่ะเพื่อเก็บรายละเอียด

---->เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อปี พ.ศ. 2539 ครอบครัวบีได้ย้ายไปซื้อบ้านที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ.ตัวเมือง จ.หอยใหญ่ ไข่แดง เพื่อให้คุณพ่อได้พักผ่อนจากการที่หักโหมทำงานส่งบีเรียนจนจบ ปริญญาโท ค่ะ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรนะคะ คิดแค่นี่บ้านของเราซื้อแล้วก็เตรียมจัดแจงย้ายของเข้าเลย แต่แล้วเรื่องมันไม่ง่ายนะสิคะ
---> คืนแรก
       เรานอนรวมกันในห้องนอนชั้น 2 เนื่องจากมีแอร์แถมติดมาห้องเดียว เป็นบ้านเล่นไล่ระดับ 2 ชั้นครึ่งค่ะ ชั้น3บีขอเป็นชั้นส่วนตัว ชั้นอื่นตามสบาย คุณพ่อคุณแม่ยึดครองชั้น 2 มีห้องขนาดกลาง 2 ห้อง ห้องใหญ่ 1 ห้อง เหลือห้องใหญ่ที่ไม่ได้ทำอะไร เรานอนรวมกันตอนนั้นสักประมาณ ตี 2 นาฬิกาพูดได้ยี่ห้อ Family ที่แถมมากับเครื่องเล่นเกมส์ตลับของ Family ก็ดังเพื่อปลุกให้คุณพ่อไปดูคนงานกรีดยางดังขึ้น
"ขณะนี้เวลา สองนาฬิกา สิบหนึ่ง นาที"  บีเลยตื่นแล้วไปถามว่า "พ่อคะเราย้ายบ้านแล้วจะตั้งปลุกทำไม" อ๋อ นอนเถอะลูกมันตั้งค้างไว้มานานแล้ว บีเลยปิดแล้วนอนต่อ ตอนนั้นมั่นใจว่าตี 5 มันต้องปลุกอีกครั้งจึงถอดถ่านออก แล้วนอนต่อ สักพักมันก็ปลุกอีก ขณะนี้เวลา สิบหนึ่งนาฬิกา สิบหนึ่งนาที
ตาลุกวาวเลยค่ะ ต้องกลับเวลา 10:30 ลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำแต่มองออกไปนอกห้อง เอิ่ม!! มืดมากหยิบ โทรศัพท์ ตอนนั้นใช้รุ่น Panasonic GD55 มาดูปรากฎว่านาฬิกายังคง 03:15 นาที เราก็เอ้อ บ้าบอมากเดี๋ยวป้าทิ้งเลย พอหยิบขึ้นมาก็นึกออก เราถอดถ่านออกแล้วนี่นา บวกกับหิวน้ำเลยเดินออกมานอกห้องตรงชั้น2 ระหว่างบันไดก็มีตู้เย็นเลยหยิบน้ำ ซึ่งชั้นนี้จะเป้นกระจกใสประมาณครึ่งตัวยังไม่ติดม่าน มองออกไปเห็นพระบิณฑบาต แต่พระไม่ดเห็นเราแต่เราไหว้ท่านแล้วกลับขึ้นมานอน จนเช้าวันนั้นสรุป ตื่นสาย งัวเงีย พลาดไฟลท์เลยขอพักร้อนเลย 555555
---> คืนที่ 2 ทานข้าวเสร็จ ดูทีวีเสร็จก็พากันเข้านอน ตอนนั้นก็เจอเหตุการณ์แบบเดิมอีกแต่ไม่เอะใจ แต่ครั้งนี้พระเดินนำหน้า จีวรขาดๆ และมีหมาดำวิ่งตามหมาตัวนั้น นิ่งเงียบหันมามองเราในบ้าน เราเลยรีบวิ่งเข้าห้องนอน และเราก็ไม่ได้เจออะไรอีก จนวันต่อไป เป็นทีของคุณแม่ค่ะ
---> คืนที่ 3 แม่ก็เข้านอนปกติ เรามานอนกองกันห้องเดิมคืนนั้นหลับสนิท มีพ่อคนเดียวนอนไม่หลับ บ่นๆว่ารู้สึกแปลกๆเหมือนจะไม่สบายครั่นเนื้อครั่นนตัว พ่อจึงทานยานอน แต่คุณแม่ก็เป็นคุณแม่บอกว่าลูกนอนเลยนะ สักพักแหละ บีเลยนอนค่ะ

ทุกคนหลับหมด แม่บ้านที่มาช่วยขนของก็มาขอนอนห้องพักชั้นล่าง ตกดึกแม่บ้านมาเคาะห้องบอกว่าเห็นพระท่านมาวนเวียน ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแต่กลัวเป็นพระปลอมไม่กล้าเปิดประตูรั้วให้เข้ามา ทำไงดีเจ๊ คุณแม่เลยบอก เดินไปถามว่ามีที่พักไหม ทั้งวันฉันอะไรหรือยังถ้ายังแอบถามเป็นนัยๆว่าทานอะไรไม่ได้ตอนเช้าจะได้ทำถวาย ตอนนั้นเราก็ตื่นนิดๆ ตามป้าแม่บ้านไป พบว่าพระไม่อยู่แล้ว บีเลยบอกว่าปล่อยเค้าล๊อกบ้านให้ดี เชื่อใจใครไม่ได้ค่ะป้าอ้อยถ้ามาอีกปลุกทุกคนเลยนะคะ จะได้ไปถามท่านเผื่อมีอะไรช่วยเหลือและป้าก็ระวังด้วย ค่ะน้อง

ประมาณตี 3 เป็นรายละเอียดเรื่องเล่าจากคุณแม่แล้วค่ะ
คุณแม่เล่าว่า.....
เสียงเคาะประตูดัง แต่ทุกคนหลับหมดพี่อ้อยก็หลับ ครั้งนี้ฉันก็เลยเดินลงมาเห็นพระมาเคาะหน้าตาดุดันพาหมาดำมาด้วย จีวรขาดฉันก้ไม่ได้คิดอะไร ยกมือไหว้ถามว่า มีอะไรให้ฉันช่วยไหมดึกแล้วท่านมีที่พักไหม
***พระก็ตอบว่า "เปิดประตูสิ"
ฉันเลยล้วงมือไปล้อกประตูเหล็กดัด แล้วเปิดประตูไม้ออกมา พบว่าพระมีกลิ่นเหม็นสาปมาก หมาก็มีกลิ่นเหม็นชวนอ้วก แต่ในใจคิดว่าอาจจะเพราะท่านธุดงค์ไกลจึงไม่ได้รักษาความสะอาดจึงถามต่อว่า พระจะจำวัดที่บ้านดิฉันก่อนไหมคะจะให้แฟนฉันตระเตรียมให้จะได้ไม่ต้องไปลำบาก
***กูหิว ****   พระกล่าว    ฉันตอนนี้ไม่ผิดหรอคะ ฉันก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดเข้าวาแต่ตอนนี้ฉันว่าไม่ได้มีกาแฟ กับนมน่าจะเหมาะนะคะท่าน
**ก็กูหิว** ขอกินหน่อย หมาก็หิว จะให้กินไหม   ..........กินอะไรคะท่าน ดิฉันไม่มีอะไรให้ท่าน
เปิดประตูสิ ขอเข้าไปพักจะยอมไหม*****--- ตอนนั้นแม่ก็นึกในใจนะลูกคนโบราณกล่าว่าอย่าชวนใครอย่าให้ใครเข้าบ้านตอนดึก แต่เป็นพระจะให้ทำไงท่านต้องมาจากแดนไกลลำบาก เลยหลุดปาก ว่า "เชิญเข้ามาก่อนค่ะท่านเดี่ยวปลดล๊อกประตูให้"
แต่ฉันไม่ทันจะปลดล๊อก หมาดำวิ่งเข้ามาจากไหนไม่รู้ ตามันสีแดงเหมือนในหนังเลยค่ะ ขู่ดิฉันด้วยแต่ก็พยามปลอบนะคะส่วนตัวไม่ได้ชอบสุนัขแต่ก็ไม่ได้รังเกียจค่ะเลยปลอบมันว่าสบายๆนะเจ้าดำไปนอนเล่นพักผ่อนๆ แล้วอยู่ๆพระก็เข้ามานั่งตรงโซฟาซึ่งฉันจำได้ว่าประตูยังไม่ได้เปิด

พระเดินมาหาฉันค่ะ ฉันก็ยกมือไหว้คุยตามธรรมเนียม
พระดื่มนม กาแฟ หรือชาไหมคะท่าน ***กูไม่กิน กูอยากกินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำ หิว มีอะไรสดๆไหม
ดิฉันก็งงนะคะ คือพระอะไรจะทาานดึก ***ไม่มีค่ะ พึ่งย้ายมาค่ะ
เอ่ามานี่ไปเรียกลูกสาวลงมา หิว ****ดิฉันรู้สึกตะลึงคำนี้มากค่ะ .....ไม่เจ้าค่ะน้องนอน
ไปเรียกลงมา หิวมากตอนนี้หรืออยากตาย ...พอสิ้นคำนี้ดิฉันร้องลั่นบ้านเรียกทุกคนแต่สิ่งที่ได้คือ "เงียบ"
ดิฉันวิ่งขึ้นชั้น 2 แต่ห้องนอนล๊อก ซึ่งตอนนี้ฉันมั่นจแล้วว่าไม่ใช่คน ทำได้แค่ต้องเอาตัวรอดแล้วเพราะในห้องนอนแฟนฉันกับลูกเป็นคนชอบแขวนพระ ยกเว้นฉันเป็นคนไม่ชอบแขวนพระอยู่บนสร้อยคอทองคำไม่ชอบใส่นอน จึงมองว่าต้องเอาตัวรอด แต่ก็อดห่วงพี่อ้อยไม่ได้วิ่งลงมาชั้นล่าง เห็นพี่อ้อยหลับ และไม่มีทีท่าว่าหมาดำจะเข้าไปในห้องพี่อ้อยจึงรู้สึกสบายใจ แต่ตอนนั้นจำได้ว่าหลังบ้านจะมีไซต์งานที่ทำบ้านโครงการนี้ยังอยู่และขายส้มตำไก่ย่างแบบรถเข็น แต่พอฉันจะวิ่งไป หมาดำมันคาบผ้าถุงดิฉัน พระก็กระชากมือค่ะลากไปประตูข้างบ้านลากออกไปนอนกบ้าน ตอนนั้นดิฉันก็ร้องเสียงดัง เอามือปัดอย่างเดียวจนไปถึงหลังบ้านจำได้ว่า เคยไปเที่ยวปทุมธานี ตอนนั้นไปทัวร์วัด 9 วัดกับกลุ่มแม่บ้านได้ยันต์มาผืนนึง จากวัดศาลเจ้า ปทุมธานีค่ะ เลยรีบเอามือปัดพระ แต่มือแข็งมาก ผลักฉันล้ม เอาเท้าเหยียบเอวปวดมาก ทำอะไรไม่ได้ ฉันใช้แรงที่มีถีบพระออกไปนอกบ้านถีบหมาดำแบบไม่สนใจว่าจะเป็นไงจนหลุดมาได้วิ่งไปหยิบผ้ายันต์ซึ่งอยู่ในลิ้นชักเก็บมีดค่ะ แล้วประตูหลังบ้านซึ่งอยู่ตรงข้างเค้าเตอร์ก็เปิด ครั้งนี้สิ่งที่เห็นคือ
พระมีนัยตาสีแดงค่ะ มีน้ำลายไหลตลอดเวลา หมาดำที่ว่าไม่มีแล้วนะคะ มีแต่แม่ชี ที่มีแต่บาดแผลเต็มตัว เลียริมฝีปากทั้งสองคนฉันเลยยกผ้ายันต์ขึ้นมา เชื่อไหมคะ ดิฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเจ้าศาลเจ้า เทพเจ้าอะไรเลยค่ะ(แต่ไม่คิดลบหลู่) เชื่ออย่างเดียวคือ พระพุทธเจ้า และกิจกรรมทางศาสนาพุทธเท่านั้นค่ะ ตอนนั้นฉันยกผ้ายันต์ขึ้นปรากฎว่า ทั้งพระทั้งแม่ชีถอยห่างออกไปดิฉันได้โอกาสล๊อกประตูและตะโกนออกไปเต็มแรงว่า ออกไปจากบ้านกู แล้วทุกคนก็หายไปเลยค่ะ เพื่อความแน่ใจเลยเปิดประตูเดินออกไปดู เห็นป้าร้านส้มตำ ป้าบุญศรีมองผ่านกำแพงไปค่ะ ที่เข็นรถขายทุกเช้ากำลังนั่งสับไก่อยู่ เลยถามว่าเมื่อกี้เห็นพระไหม ฉันเจอมากับตัวน่ากลัวมาก แล้วจู่ๆป้าบุญศรี ก็วิ่งเข้าบ้านบอกว่า คุณข้างบ้านรีบเข้าบ้านเร็วมันมาแล้ว แล้วสิ่งที่ฉันเห็นคือมากันอีกแล้วค่ะครั้งนี้ มาเต็มรูปแบบ มีเขี้ยวน่ากลัว เนื้อตัวมีแต่หนองเลือด สกปรกมากค่ะ ยิ่งแม่ชีกลิ่นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วค่ะ ทำไงได้คะ ผ้ายันต์ก็วางบนเค้าท์เตอร์ พอก้าวขาจะวิ่ง แม่ชีก็กระชากผม ฉันเจ็บมากพระก็มาบีบคอตอนนั้น ความรู้สึกคือ เหมือนจะไม่มีสติแต่ได้ยินเสียงเป็นภาษาอิสานค่ะ

***ไปซอยแหน่เผื่นสิตาย ไปเถอะ หมุ่บ้านนี้สร้างบนความลำบากเฮาแต่เผิ่นบ่ฮู้แค่คนมาซื้อมาอยู่ เอาบุญเด้อศรี
*****ไปหยิบมาก่อนเผิ่นสิบ่อยู่นำเฮา ไปฟ่าวว
ตอนนั้นตาดิฉันปิด.....ได้ยินเสียงโวยวายดังมากก่อนที่ดิฉันจะหมดสติไปจริงๆ

ตื่นเช้าพบว่าดิฉันอยู่ รพ.เอกชน คุณพยาบาลบอกโดนเพื่อนบ้านบีบคอทำร้าย จากหลักฐานค่ะ
***แล้วเขาอยู่ไหน---> คุณพยาบาลตอบว่า ฝากขังที่......***.... ค่ะ
** เรารีบนึกเหตุการณ์ รีบโทรหาแฟนเลยค่ะให้โทรตามน้องชายซึ่งเป็น ตำ..... อยู่ที่นั้นรีบไปเคลียร์ก่อนโดยห้ามขังเค้าเด็ดขาด
**** แฟนดิฉันกลับตอบมาว่า คุณไม่เหมือนเดิมจะช่วยทำไมเขาทำร้ายเรา
**ไม่ใช่พี่ เค้าช่วยเรารีบไปก่อน
ตัวฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรเพลียเล็กน้อยจึงโทรตาม ให้น้องบีมารีบ แล้วไปเองปรากฎว่า เจอสองผัวเมีย คือป้าบุญศรีขายไก่ย่างส้มตำ รีบไหว้ขอโทษเลยค่ะ แต่เชื่อไหมคะ คนดีมีน้ำใจต่อให้เราพลั้งทำผิดกับเขาเขาก็ให้อภัยดิฉัน เขาไม่ว่าอะไรดิฉันเลย ดิฉันก็เลยไม่พูดอะไรมากแค่บอกว่าเข้าใจผิดและน้องชายฉันก็เคลียร์จากตรงนั้น

ค่ำวันนั้น ฉันก็ลองมาดูที่ระเบียงยังเจอเหมือนเดิมแต่เข้าบ้านไม่ได้ ไม่รู้ทำไงแต่ด้วยความที่ฉันรู้จักเพื่อนบ้านดีๆคนนึงแล้วฉันจึงไปปรึกษา เขาบอกให้เราทำบุญบ้านหน่อย หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไว้รอบๆบ้าน ฉันก็ลองทำตาม ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เห็นอีกเลยค่ะ

แต่กลับกลายเป็นพี่บุญศรี ทุกๆตี4 จะลุกมาสับไก่กลับเห็นล่องลอยไปมาจนเขาชินค่ะ เขาบอก คนแถวนั้นไม่มีใครเห็นเลยเขาคิดว่าดิฉันดูละครเยอะ บ้า งมงาย แต่พี่บุญศรีกลับบอกว่าดีแล้ว อย่าให้คนอื่นซวยเหมือนเราเลย


*---------------------------------------------
เรื่องเล่าจากคุณแม่ก็มีเท่านี้นะคะ เนื้อหาจากเค้าเรื่องจริง แต่คำพูดปรับให้ฟังง่ายค่ะไม่ได้เติมแต่งนะคะ แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่