" เรามีตราบาปในใจ ... อยากให้ทุกคนเข้ามาอ่านนะคะ "

สวัสดีค่ะ มีเรื่องของตัวเองมาแชร์ให้ฟัง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว

ยาวหน่อยนะคะ ถ้าใครไม่อยากท้าวความข้ามไปอ่านย่อหน้าที่มี *** ไว้หน้าข้อความก็ได้ ขออนุญาติเล่าเลยนะคะ

เราเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวของพ่อกับแม่ เราไม่มีพี่น้องเลย อาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน พ่อกับแม่เราแต่ก่อนมีปัญหากัน พ่อเป็นคนกินเหล้าเก่งติดเพื่อน เขาเคยกู้เงินมาเป็นหมื่นๆเพื่อมากินเหล้ากับเพื่อน เงินหมื่นในสมัยก่อนจำนวนไม่น้อยเลย ส่วนแม่พอหลังแต่งงานก็มารู้ว่าพ่อเราเหมือนคนละคน สมัยก่อนจีบกันจะเขียนจดหมายหากันไม่ค่อยได้มีเวลาไปด้วยกันเพราะพ่อติดทหารแต่แม่เราอยู่ที่ต่างจังหวัด พ่อมีความฝันว่าอยากได้ลูกชาย แต่แม่เราคลอดออกมาแล้วเป็นเราเป็นผู้หญิง ในสมัยนั้นพ่อไม่เคยดูแลแม่เลยแม่เราเพิ่งมาจากต่างจังหวัดเขาเล่าให้ฟังว่าต้องเรียนรู้ที่จะข้ามถนนเองเพื่อนไปหาหมอ ...

เรื่องก็ผ่านมาจนเราเริ่มเติบโตขึ้น พ่อไม่เคยคุยกับเราหรือให้ความอบอุ่นกับเราได้ดีมากนักในวัยเด็ก ส่วนแม่เรากลายเป็นคนคุยไม่เก่ง ครอบครัวเราต่างฝ่ายต่างมีปัญหา เก็บความลับต่อกันไม่เคยพูดหรือปรึกษากันเลย เราโตขึ้นมาแบบเด็กไม่ค่อยเต็ม ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนพูดตามหลังเราตลอดว่า เด็กคนนี้มันไม่เต็มๆๆแม้กระทั่งป้าที่เราชอบไปช่วยงานเขาตลอด เรากลายเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น พูดไม่เก่ง กล้าๆกลัวๆๆ โดนพ่อตีตลอด ใช้รีโมทโทรทัศน์ตีที่หัวจนรีโมทแตก ใช้สายไฟฟาดที่ขา ทำโทษเราตีจนไม้หัก เราโดนมาตั้งแต่ ป.1 จนเป็นเรื่องปกติ เพียงเราตอบคำถามไม่ได้หรือบวกเลขคณิตผิด พูดไม่เข้าหู

เหล่านี้เป็นพื้นฐานในวัยเด็กที่เราต้องเจอ เรานอนคุยกับเงาตัวเองทุกวัน ชอบเล่นคนเดียว พูดคนเดียวเราไม่มีเพื่อนเลย เราชอบขอโทษเงาตัวเองอยู่บ่อยๆ และการที่เราโดนดุบ่อยๆทำให้เรายอมเป็นคนยอมรับผิดในทุกๆเรื่องๆเพื่อความสบายใจ ตอนเด็กเราไม่เคยเถียงพ่อกับแม่เลย


*** จนพอโตขึ้นเราก้าวเข้าสู่วัยสาวยังจำได้ดีเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นในช่วงนี้ติดต่อไปอีก 5 ปีตอนนั้นอายุ 15 เรียนอยู่ชั้นม.4 เราเข้าเรียนไวไปหนึ่งปีนะคะ เราเริ่มรู้จักเพื่อนผู้ชายในแถบบ้านเดียวกัน เค้าโตกว่าเรา 3 ปีนะคะ ด้วยความที่เรารู้จักกันแบบพี่น้องมาก่อนคุยกันได้ทุกเรื่องในเรื่องที่พ่อกับแม่ไม่สามารถคุยได้ (เราจะโดนแม่โกรธโดยการไม่พูดด้วย ไม่ใส่ใจเหมือนเราเป็นอากาศ เราจะโดนพ่อดุหรือตีถ้าคิดแตกต่าง)
พี่คนนี้เข้ามาทำให้รู้สึกว่าเขาดีกับเรามากๆ ด้วยความที่ยังเด็กเพราะพัฒนาการของเราก็ไม่ได้ไปไวอะไรเป็นทุนเดิม

ความรักของหนุ่มสาวที่ไวไฟเกินไปมันอันตรายจริงๆ เพียงในไม่ถึง 3 เดือนเราก็มีอะไรกับพี่เค้า มีอะไรกันทั้งๆที่เราก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไรและต้องรักษาความเป็นผู้หญิงนี้ไว้ เราไม่รู้เลยเราตกเป็นของเขาได้ง่ายแล้วก็รักแต่เขาคนเดียวเท่านั้น รักแรง หึงแรง คบกันอยู่อย่างนี้ประมาณ 5 ปี (ต่างคนต่างทะเลาะ ทำร้ายกันทุกวัน แต่ฝ่ายผู้ชายจะไม่ค่อยทำร้ายเรามากนะคะ) จนเป็นขี้ปากให้ชาวในหมู่ที่พักทหารลือกันไปทั่ว พ่อกับแม่เราอับอายมาก มาบอกให้เราเลิกกับพี่เขาเราก็ไม่ยอมเลิก เราหนีออกจากบ้าน หนีไปอยู่กับเพื่อนและพี่เขาก็มารับไปอยู่ด้วย

เราไปกินนอนอยู่บ้านเขาที่ห่างจากบ้านเราไปไม่ถึง 1 ช่วงแฟลตที่พักแต่เราโกหกพ่อกับแม่ว่าเราไปอยู่หอเพื่อน (ในช่วงนั้นเรียนมหาลัยแล้วนะคะ)มันเลยยิ่งทำให้เราเชื่อว่านี่แหละคนรักของเรา ทะเลาะกันบ้างเรื่องธรรมดา เราใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆเพราะกลัวเพื่อนพ่อกับคนที่รู้จักพ่อกับแม่เห็น เราไปกินนอนอยู่บ้านเขาไม่เคยได้ออกไปไหนเลย ไม่ได้เจอเพื่อนหรือเจอสังคมใหม่ๆ ใครเอาเราไปพูดนินทาเราก็ไปตามชี้หน้าด่า พูดเหน็บเขาบ้างหัวงอกหัวดำ เราคลุกอยู่แต่กับเขาตลอดมีบ้างที่กลับมาที่บ้านแต่ไม่บ่อย ถ้าพ่อกับแม่ไปต่างจังหวัดไปหาย่า ยาย เราก็จะไม่ไปอาศัยช่วงเวลานี้ไปอยู่บ้านเขา ช่วงนั้นเราเหมือนเด็กสก๊อยไปเลยซ้อนมอเซอร์ไซค์ผู้ชายทุกวัน ใส่เสื้อรัดรูป สายเดี่ยว กางเกงขาสั้น อาไรที่ขัดใจพ่อกับแม่เราทำหมด เพราะเราคิดว่าเค้าไม่เคยรักเราเลย ถ้าหน้าตาเราไม่มีเค้าโครงเหมือนเค้าเราก็คิดว่าเราเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยง

เราทะเลาะกับพ่อแม่เรื่องนี้ (เรื่องพี่เค้า) ทุกวัน แม่กลัวเราท้อง ส่วนพี่ผู้ชายคนนั้นเค้าก็ไม่เคยไหว้พ่อเราเลยทั้งที่พ่อเราก็มีคนรู้จักในระดับนึง เรากับพ่อเคยทะเลาะกันพ่อเราตบหน้าเราต่อหน้าคนเยอะๆ เราก็ทะเลาะกับแม่แล้วก็หนีไปอยู่กับพี่เขา จนเราไม่เอาเรื่องเรียนเลย ช่วงนั้นเราเน่าเฟะมากๆ สก๊อยยังคิดได้ดีกว่าเราก็ว่าได้ จะเอาแต่ผู้ชายอย่างเดียวเพราะคิดว่าไม่มีใครให้ความรักเราได้เท่านี้แล้ว พ่อแม่ยังไม่เคยให้เลยเรายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง

จนมาถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่เราได้ถอยออกมาและลองคิด คิดให้ดี คิดอย่างช้าๆแล้วถามตัวเองว่าเราต้องการอะไร มองโลกให้ชัดขึ้น กว้างขึ้นแล้วเห็นถึงความเป็นจริง เรากลับมาตั้งใจเรียนหนังสือ เลิกเกเรทุกอย่าง เรากลับมามองที่ต้นเหตุและปลายเหตุ และพบว่ามันเกิดช่องว่างระหว่างตัวเราและครอบครัวขึ้น ด้วยความที่พ่อเราไปอีกทาง แม่เราก็คิดไปอีกทาง ครอบครัวในตอนนั้นเหมือนทุกคนหันหลังให้กัน ถ้าหันหน้าเข้าหากันเมื่อไหร่ก็เหมือนยังเอามีดทิ่มแทงหัวใจกันดีอยู่นี่เอง

เรามามองให้ชัดด้วยความที่ตอนนี้เราเรียนเกี่ยวกับเรื่องสังคมและชอบในเรื่องจิตวิทยามา ย่าเราก็คือแม่ของพ่อเลี้ยงพ่อมาแบบดุร้าย สอนพ่อมาด้วยความเป็นนักเลง ประกอบกับพ่อเรามีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ค่อยดีนัก ทุกวันนี้พ่อเราก็ยังมีปัญหากับย่าอยู่ท่านไม่คุยกันมานานแล้ว ส่วนแม่เราเป็นคนพูดน้อย โกรธง่าย แสดงออกเก่ง หลายๆอย่างในการกระทำมันแสดงออกแล้วมาถึงกันได้ทำให้อีกฝ่ายรับรู้และเกิดความไม่พอใจต่อกันได้ สะสมมาเรื่อยๆๆ

จนวันนึงเราคิดจะปล่อยวางทุกอย่าง เราก็ได้เลิกกับพี่ผู้ชายคนนั้นไปจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว เราได้คิดจะทำครอบครัวของเราให้ดีขึ้นอย่างน้อยก็ให้อบอุ่นภายในครอบครัว เรามองและศึกษาในสิ่งที่ขาดและใช้ความรัก ความเข้าใจเข้าไปเติมเต็ม เรายอมรับว่าแรกๆมันยากมากเหมือนเป็นช่วงที่กำลังเริ่มจะปรับตัว พ่อกับแม่เราไม่เข้าใจทางกายแสดงออกผ่านการให้ความรัก ความพูดคุยแบบไม่มีช่องว่างนั้น จนมาพักหลังๆซึ่งใช้เวลาปรับตัวค่อนข้างมาก เรากับแม่ก็ได้มาคุยกันและได้เปิดใจ ท่านก็ได้เล่าถึงความในใจ ถึงสิ่งที่ท่านต้องเจอ ท่านรู้สึก ฟังอีกกี่ครั้งเราก็ยังน้ำตาไหล... ส่วนพ่อเรากลับเป็นพูดในเรื่องความรู้สึกไม่เก่งเราเลยอาศัยให้เราเป็นตัวเข้าหาและเป็นผู้ให้ ผู้ใส่ใจพ่อแทน ซึ่งจริงๆมันเป็นสิ่งที่ควรจะทำมานานแล้ว


เรื่องในวันนั้นยังคงเป็นตราบาปติดตัวเรามาจนถึงทุกวันนี้ แม้พ่อกับแม่เราจะไม่รู้ว่าเราได้ไปเสียความเป็นสาวที่ไหนแล้ว แล้วเราเคยทำเรื่องแย่แค่ไหน แต่เมื่อนึกถึงเรากลับรู้สึกผิดมากๆ ละอายใจ และรู้สึกรังเกียจตัวเอง ขยะแขยงตัวเองเสมอ แต่ก็ไม่รู้จะกลับไปแก้ไขอย่างไร

อย่างเราที่เคยเป็นอยู่ในตอนนี้เรียกว่าอะไร ยังเรียกว่าคนได้มั้ย หรือเราน่าขยะแขยงมากจนเกินจะเยียวยา เราไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย แม้ว่าเพื่อนเราบางคนจะเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วอาศัยอยู่กับผู้ชายตั้งแต่ม.3 แต่เราก็ไม่เคยคิดเอาใครไปเปรียบเทียบกับใครเพราะทุกคนมีพื้นฐานชีวิต มีการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเราในตอนนั้นที่เราได้ทำไปมันกลับทำให้เราในตอนนี้ละลายใจ และรังเกียจตัวเอง***
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราเข้ามาบอกแทนผู้ชายและผู้หญิงอื่นๆ ค่ะว่า

ผู้ชายและผู้หญิงที่ดียอมรับอดีตของคุณได้แน่นอน เพราะเราเป็นคนหัวโบราณ เรายังรับได้เลย เราดูคนที่ปัจจุบันค่ะ ไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไง ถ้าปัจจุบันคุณทำดี คุณก็คือคนดีคนหนึ่งค่ะ

ถ้าจะมีใครไม่ยอมรับ ก็น่าจะเป็นส่วนน้อย เพราะสมัยนี้การอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดามากๆ คู่รักดาราไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ก็น่าจะอยู่ก่อนแต่งไปเรียบร้อยแล้ว

ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาด สิ่งที่ถูกต้องคือตัดสินคนที่ปัจจุบันของเขา ถ้าคุณรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ วันพ่อวันแม่ ก็กราบเท้าพ่อแม่ ขออโหสิกรรมทั้งกาย วาจา ใจ และมอบพวงมาลัยให้ท่าน ถ้าปัจจุบัน คุณคิดดี พูดดี ทำดี เลี้ยงดูพ่อแม่เท่าที่จะทำได้ พ่อแม่ก็คงพอใจแล้ว มีความสุขพอแล้ว

อดีตจบไปแล้ว คุณคนเก่าหายไปแล้ว อย่าไปโฟกัสที่อดีตที่หายไปเหมือนแค่ความฝัน ขอให้โฟกัสที่ปัจจุบัน คุณยังมีโอกาสที่จะทำดีกับพ่อแม่ ช่วยเหลือคนในสังคม และสร้างครอบครัวในอนาคตต่อไป ผู้ชายดีๆ ยอมรับอดีตของคุณได้แน่นอนค่ะ เราเห็นผู้ชายไฮโซที่ร่ำรวยยังแต่งงานกับแม่ม่ายลูกสอง ก็ยังอยู่กันยั่งยืนด้วยดี

ส่วนผู้หญิงดีๆ อย่างเราก็ยอมรับในตัวคุณเช่นกัน คุณเป็นคนที่น่าชมเชย เพราะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้ ขอเป็นกำลังใจให้คุณทำสิ่งดีๆ ต่อไปนะคะ

เวลาเราไม่สบายใจ เราชอบอ่านเว็บนี้ เป็นเว็บที่ทำให้พัฒนาตัวเองได้ดีมากๆ เลยค่ะ
https://www.facebook.com/DDNARD/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่