ดิฉันมีเรื่องที่ต้องการขอความช่วยเหลือเนื่องประสบความเดือดร้อนจากการเพิกเฉย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและเขตอำนาจของหน่วยงานและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย เนื่องจากผู้ครอบครองอาคารในบริเวณข้างเคียง มีการต่อเติมอาคารรุกล้ำเขตแดนกรรมสิทธิ์ พื้นที่เทศบาลเมืองหนองสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ข้อเท็จจริงโดยสรุปมีดังต่อไปนี้
ยาวมากแต่ใคร่ขอความกรุณาทุกท่านให้อ่านให้ครบถ้วนเพื่อที่จะได้ไม่หลงประเด็น นี่ไม่ใช่ปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างเพื่อนบ้านแต่อย่างใด
1. ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 พบการต่อเติมอาคารข้างเคียง จำนวน 6 หลังคา (ภายหลังพบเพิ่มขึ้นอีก 1 หลังคา)
2. ดิฉันอยู่บ้านคนเดียวและมีปัญหาสุขภาพอย่างมาก ไม่ต้องการมีข้อพิพาทกับบ้านข้างเคียงจึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังเทศบาลเมืองหนองสำโรง(ต่อไปนี้จะเรียกว่าทม. หนองสำโรง) ว่า การต่อเติมอาคารนั้น ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร และขอสำเนาหนังสืออนุญาต
3. ไม่มีคำตอบ หรือการติดต่อใดๆ จากข้าราชการผู้เกี่ยวข้อง
4. ประมาณกลางเดือนมีนาคม จึงทำหนังสือติดตามผล ฉบับที่ 1 ซึ่งก็ไม่มีการตอบรับเช่นเดิม
5. เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 1 เพื่อให้เข้ามาช่วยตรวจสอบ/ประสานงานและเร่งรัด ทม.หนองสำโรง
6. ระยะเวลาผ่านไปเกือบสามเดือน ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ จาก จนท.ศูนย์ดำรงธรรม
7. ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ทำหนังสือถึง ทม.หนองสำโรง เพื่อติดตามผล ฉบับที่ 2 และประมาณต้นเดือนมิถุนายน ทำหนังสือฯ ฉบับที่ 3 แต่ยังคงไร้คำตอบหรือการติดต่อใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง
8. ประมาณต้นเดือนมิถุนายน เข้าไปติดต่อ จนท.ศูนย์ดำรงธรรม ครั้งที่ 2 เพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่นกัน
9. ได้รับการติดต่อจากผู้ครอบครองอาคาร 1 ราย (ทราบมาภายหลังว่าเป็นวิศวกรประจำหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง/ไม่แน่ใจว่าประจำหน้าที่ที่ทม. หนองสำโรง) แจ้งความต้องการให้ลงนามยินยอมรับภาระจำยอมเหนือพื้นที่รุกล้ำ เมื่อเจราจากับผู้ได้รับมอบอำนาจจากดิฉันให้เป็นผู้ดูแลไม่เป็นผล ภรรยาของวิศกรท่านนี้ได้โทรมาหาดินแจ้งความประสงค์เดิม การใช้คำพูดแบบออกคำสั่ง ดิฉันปฎิเสธ
10. เข้าไปติอต่อขอพบนายกเทศมนตรี ที่ ทม.หนองสำโรง (รองปลัดฯ รักษาการฯ แทนปลัดฯ และปฏิบัติหน้าที่นายกฯ) พร้อมทั้งนิติกร และ นายช่างผู้รับผิดชอบเขตพื้นที่ได้ออกตรวจสอบสถานที่จริง ได้รู้เห็นการต่อเติมอาคารอย่างชัดเจนด้วยตาตนเอง และยอมรับว่าผิดกฎหมายจริง พร้อมทั้งรับปากว่า จะสั่งการให้รื้อถอนได้ทันที นิติกรแจ้งว่าทม. หนองสำโรงมีอำนาจสั่งรื้อถอนได้ทันที
11. นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ได้มีเหตุการณ์ผิดปกติ หลายครั้งที่คาดเดาได้ว่าเป็นการคุกคามจากผู้ครอบครองอาคารที่ต่อเติมรุกล้ำ พร้อมทั้งบริวาร และ มีเหตุการณ์คุกคามซึ่งหน้าเกิดขึ้น
ขอย้ำว่าดิฉันไม่ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับบ้านข้างเคียงเหตุผลหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเบี่ยงประเด็นว่าเป็นการทะเลาะวิวาท ดิฉันไม่เคยเสวนากับใครและไม่เคยให้ข้อมูลการติดต่อ ตามข้อ 9.ดิฉันไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์แก่ใคร นั่นแสดงว่าทม. หนองสำโรง ได้ละเมิดดิฉันอีกโดยการให้ข้อมูลการติดต่อแก่คนที่โทรมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวหรือได้รับอนุญาตจากดิฉัน
มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง บ้านข้างเคียงสองหลังที่ไม่มีการรุกล้ำดิฉันก็แจ้งไปตามความเป็นจริงแต่ปรากฏว่าทม. หนองสำโรงไปรบกวนบ้านทั้งสองหลังดังกล่าว เป็นการกระทำที่พยายามจะปลุกระดมเพื่อนบ้านให้เกิดการเข้าใจผิดแล้วให้มารุมกินโต๊ะดิฉันหรือไม่ดิฉันไม่อาจทราบได้
ประเด็นนี้ดิฉันไม่เคยสนใจ เหตุผลที่ซื้อที่ดิน2ไร่กว่า(สถานที่เกิดเหตุ) ก็เพราะต้องการใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังไม่ต้องการสุงสิงกับบ้านข้างเคียง
12. วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ดิฉันตัดสินใจเข้าแจ้ง ต่อพนักงานสอบสวน สภ. เมืองอุดรธานี เพื่อขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
13. สอบถามไปยังศูนย์ดำรงธรรม ขอสงวนชื่อ(นิติกร) ให้ข้อมูลว่า ทม.หนองสำโรง แจ้งศูนย์ดำรงธรรมว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว การต่อเติมรุกล้ำได้รับการแก้ไขเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดิฉันหมดหนทางจึงได้ขอร้องให้นิติกร เดินทางไปดูสถานที่จริงด้วยตนเอง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขใดๆ เลย เจ้าหน้าที่ ทม.หนองสำโรง ชี้แจง/ให้ข้อมูลเท็จต่อศูนย์ดำรงธรรม
มีเหตุการณ์ที่ดิฉันซึ่งพักอาศัยอยู่อีกจังหวัดหนึ่งต้องขับรถมาที่ที่เกิดเหตุเพราะได้นัดหมายกับทางทม.หนองสำโรงไว้ แต่พอมาถึงปรากฎว่าไม่มีใครรู้เรื่องงการนัดหมายนั้นๆ ครั้งหนึ่งดิฉันไปถึงสนง.ทม.หนองสำโรงจึงได้รับรู้ว่ารักษาการฯไปราชการที่กทม. ต้องขับรถไป-กลับร่วม5-6ชั่วโมงอย่างสูญเปล่า
จากการที่ได้พบเจอการโกหก/ให้ข้อมูลเท็จของเจ้าหน้าที่ทม. หนองสำโรง ดิฉันได้เริ่มเก็บหลักฐานเป็นคลิปเสียง ทุกสิ่งที่ดิฉันเขียนมีหลักฐานทั้งรูปภาพ/คลิปเสียง
รูปภาพบางส่วนค่ะ
เข้าใจแล้วหล่ะกรณีคุณป้าทุบรถ เพราะดิฉันก็เจอมาเป็นปีๆเหมือนกัน
ยาวมากแต่ใคร่ขอความกรุณาทุกท่านให้อ่านให้ครบถ้วนเพื่อที่จะได้ไม่หลงประเด็น นี่ไม่ใช่ปัญหาการทะเลาะวิวาทระหว่างเพื่อนบ้านแต่อย่างใด
1. ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 พบการต่อเติมอาคารข้างเคียง จำนวน 6 หลังคา (ภายหลังพบเพิ่มขึ้นอีก 1 หลังคา)
2. ดิฉันอยู่บ้านคนเดียวและมีปัญหาสุขภาพอย่างมาก ไม่ต้องการมีข้อพิพาทกับบ้านข้างเคียงจึงได้ทำหนังสือสอบถามไปยังเทศบาลเมืองหนองสำโรง(ต่อไปนี้จะเรียกว่าทม. หนองสำโรง) ว่า การต่อเติมอาคารนั้น ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร และขอสำเนาหนังสืออนุญาต
3. ไม่มีคำตอบ หรือการติดต่อใดๆ จากข้าราชการผู้เกี่ยวข้อง
4. ประมาณกลางเดือนมีนาคม จึงทำหนังสือติดตามผล ฉบับที่ 1 ซึ่งก็ไม่มีการตอบรับเช่นเดิม
5. เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ 1 เพื่อให้เข้ามาช่วยตรวจสอบ/ประสานงานและเร่งรัด ทม.หนองสำโรง
6. ระยะเวลาผ่านไปเกือบสามเดือน ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ จาก จนท.ศูนย์ดำรงธรรม
7. ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ทำหนังสือถึง ทม.หนองสำโรง เพื่อติดตามผล ฉบับที่ 2 และประมาณต้นเดือนมิถุนายน ทำหนังสือฯ ฉบับที่ 3 แต่ยังคงไร้คำตอบหรือการติดต่อใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง
8. ประมาณต้นเดือนมิถุนายน เข้าไปติดต่อ จนท.ศูนย์ดำรงธรรม ครั้งที่ 2 เพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่นกัน
9. ได้รับการติดต่อจากผู้ครอบครองอาคาร 1 ราย (ทราบมาภายหลังว่าเป็นวิศวกรประจำหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง/ไม่แน่ใจว่าประจำหน้าที่ที่ทม. หนองสำโรง) แจ้งความต้องการให้ลงนามยินยอมรับภาระจำยอมเหนือพื้นที่รุกล้ำ เมื่อเจราจากับผู้ได้รับมอบอำนาจจากดิฉันให้เป็นผู้ดูแลไม่เป็นผล ภรรยาของวิศกรท่านนี้ได้โทรมาหาดินแจ้งความประสงค์เดิม การใช้คำพูดแบบออกคำสั่ง ดิฉันปฎิเสธ
10. เข้าไปติอต่อขอพบนายกเทศมนตรี ที่ ทม.หนองสำโรง (รองปลัดฯ รักษาการฯ แทนปลัดฯ และปฏิบัติหน้าที่นายกฯ) พร้อมทั้งนิติกร และ นายช่างผู้รับผิดชอบเขตพื้นที่ได้ออกตรวจสอบสถานที่จริง ได้รู้เห็นการต่อเติมอาคารอย่างชัดเจนด้วยตาตนเอง และยอมรับว่าผิดกฎหมายจริง พร้อมทั้งรับปากว่า จะสั่งการให้รื้อถอนได้ทันที นิติกรแจ้งว่าทม. หนองสำโรงมีอำนาจสั่งรื้อถอนได้ทันที
11. นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ได้มีเหตุการณ์ผิดปกติ หลายครั้งที่คาดเดาได้ว่าเป็นการคุกคามจากผู้ครอบครองอาคารที่ต่อเติมรุกล้ำ พร้อมทั้งบริวาร และ มีเหตุการณ์คุกคามซึ่งหน้าเกิดขึ้น ขอย้ำว่าดิฉันไม่ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับบ้านข้างเคียงเหตุผลหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเบี่ยงประเด็นว่าเป็นการทะเลาะวิวาท ดิฉันไม่เคยเสวนากับใครและไม่เคยให้ข้อมูลการติดต่อ ตามข้อ 9.ดิฉันไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์แก่ใคร นั่นแสดงว่าทม. หนองสำโรง ได้ละเมิดดิฉันอีกโดยการให้ข้อมูลการติดต่อแก่คนที่โทรมาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวหรือได้รับอนุญาตจากดิฉัน
มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง บ้านข้างเคียงสองหลังที่ไม่มีการรุกล้ำดิฉันก็แจ้งไปตามความเป็นจริงแต่ปรากฏว่าทม. หนองสำโรงไปรบกวนบ้านทั้งสองหลังดังกล่าว เป็นการกระทำที่พยายามจะปลุกระดมเพื่อนบ้านให้เกิดการเข้าใจผิดแล้วให้มารุมกินโต๊ะดิฉันหรือไม่ดิฉันไม่อาจทราบได้
ประเด็นนี้ดิฉันไม่เคยสนใจ เหตุผลที่ซื้อที่ดิน2ไร่กว่า(สถานที่เกิดเหตุ) ก็เพราะต้องการใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังไม่ต้องการสุงสิงกับบ้านข้างเคียง
12. วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ดิฉันตัดสินใจเข้าแจ้ง ต่อพนักงานสอบสวน สภ. เมืองอุดรธานี เพื่อขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
13. สอบถามไปยังศูนย์ดำรงธรรม ขอสงวนชื่อ(นิติกร) ให้ข้อมูลว่า ทม.หนองสำโรง แจ้งศูนย์ดำรงธรรมว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว การต่อเติมรุกล้ำได้รับการแก้ไขเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดิฉันหมดหนทางจึงได้ขอร้องให้นิติกร เดินทางไปดูสถานที่จริงด้วยตนเอง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขใดๆ เลย เจ้าหน้าที่ ทม.หนองสำโรง ชี้แจง/ให้ข้อมูลเท็จต่อศูนย์ดำรงธรรม
มีเหตุการณ์ที่ดิฉันซึ่งพักอาศัยอยู่อีกจังหวัดหนึ่งต้องขับรถมาที่ที่เกิดเหตุเพราะได้นัดหมายกับทางทม.หนองสำโรงไว้ แต่พอมาถึงปรากฎว่าไม่มีใครรู้เรื่องงการนัดหมายนั้นๆ ครั้งหนึ่งดิฉันไปถึงสนง.ทม.หนองสำโรงจึงได้รับรู้ว่ารักษาการฯไปราชการที่กทม. ต้องขับรถไป-กลับร่วม5-6ชั่วโมงอย่างสูญเปล่า
จากการที่ได้พบเจอการโกหก/ให้ข้อมูลเท็จของเจ้าหน้าที่ทม. หนองสำโรง ดิฉันได้เริ่มเก็บหลักฐานเป็นคลิปเสียง ทุกสิ่งที่ดิฉันเขียนมีหลักฐานทั้งรูปภาพ/คลิปเสียง
รูปภาพบางส่วนค่ะ