เจตสิกเป็นนาม ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
“เวทนา(ความเสวยอารมณ์) สัญญา(ความจำได้หมายรู้)
เจตนา(ความจงใจ) ผัสสะ(ความกระทบ)
มนสิการ(ความกระทำไว้ในใจ,การพิจารณา)
นี้เรียกว่า นาม มหาภูตรูป ๔ (ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ)
และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔(อุปาทายรูป ๒๔) นี้เรียกว่า รูป”
(สํ.นิ(ไทย) ๑๖/๒/๗.)
จิต คือ วิญญาณ คือ มโน
วิญญาณเป็นปัจจัยเกิดนามรูป
นามรูปคือมหาภูตรูป ๔ (ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ)
และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔(อุปาทายรูป ๒๔) นี้เรียกว่า รูป”
นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง
หรือ
ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียก สิ่งนี้ ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง
จิต คือ วิญญาณ คือ มโน
“เวทนา(ความเสวยอารมณ์) สัญญา(ความจำได้หมายรู้)
เจตนา(ความจงใจ) ผัสสะ(ความกระทบ)
มนสิการ(ความกระทำไว้ในใจ,การพิจารณา)
นี้เรียกว่า นาม มหาภูตรูป ๔ (ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ)
และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔(อุปาทายรูป ๒๔) นี้เรียกว่า รูป”
(สํ.นิ(ไทย) ๑๖/๒/๗.)
จิต คือ วิญญาณ คือ มโน
วิญญาณเป็นปัจจัยเกิดนามรูป
นามรูปคือมหาภูตรูป ๔ (ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ)
และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔(อุปาทายรูป ๒๔) นี้เรียกว่า รูป”
นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง
หรือ
ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ที่ตถาคตเรียก สิ่งนี้ ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง