Short Call Butterfly หรือบางตำราอาจเรียก Short Call Butterfly Spread
เป็นการ short call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long call strike กลาง จำนวน 2 สัญญา
และ short call strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไร และขาดทุนจะจำกัดทั้งคู่
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้มาก

สมมติ short s50u18c1100 (sc1100) 1 สัญญา ที่ premium 39
และ long s50u18c1125 (lc1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 23
และ short s50u18c1150 (sc1150) 1 สัญญา ที่ premium 13
เส้นสีแดง คือ sc1100
เส้นสีเขียว คือ lc1125
เส้นสีน้ำเงิน คือ sc1150
เส้นสีดำ คือ sc1100 + lc1125*2 + sc1150 คือ short call butterfly
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike กลาง - strike ต่ำ) - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= (1125 - 1100) - (39 + 13 - 23*2) = 25 - 6 = 19 จุด
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 39 + 13 - 23*2 = 6 จุด
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ถ้าจุดสูงสุด ขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไร จะมีจุด BE ทั้งด้านขึ้น และขาลง
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1150 - (39 + 13 - 23*2) = 1150 - 6 = 1144
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1100 + (39 + 13 - 23*2) = 1100 + 6 = 1106
ถ้า set50 < 1106 จะเริ่มกำไรปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะกำไรคงที่
ถ้า set50 > 1106 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1144 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 > 1150 ขึ้นไป จะกำไรคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ long straddle
รวมกับ short put ด้านซ้าย และ short call ด้านขวา
หรือ short put strike ต่ำ + (long call + long put) strike กลาง + short call strike สูง
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
short call butterfly = SC1100 + LC1125*2 + SC1150
จาก synthetic options จะได้ว่า
SC1100 = SP1100 + SF
แทนค่า SC1100 จะได้
= SP1100 + SF + LC1125*2 + SC1150
= SP1100 + SF + LC1125 + LC1125 + SC1150
เนื่องจาก SF + LC1125 เท่ากับ LP1125
= SP1100 + LP1125 + LC1125 + SC1150
LP1125 + LC1125 ก็คือ long straddle นั่นเอง
ดังนั้น short call butterfly จะให้กราฟเหมือนกับ
long straddle รวมกับ short put ด้านซ้าย และ short call ด้านขวา เช่นกัน
หรือจะมองว่า เหมือนกับ call back ratio spread รวมกับ short call ด้านขวา ก็ได้เช่นกัน
เพราะ call back ratio spread = SC1100 + LC1125*2 ถ้าบวก SC1150 เข้าไป
จะเท่ากับ short call butterfly เช่นกัน
TFEX Options - 14/8/2018 - Short Call Butterfly
เป็นการ short call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long call strike กลาง จำนวน 2 สัญญา
และ short call strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไร และขาดทุนจะจำกัดทั้งคู่
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้มาก
สมมติ short s50u18c1100 (sc1100) 1 สัญญา ที่ premium 39
และ long s50u18c1125 (lc1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 23
และ short s50u18c1150 (sc1150) 1 สัญญา ที่ premium 13
เส้นสีแดง คือ sc1100
เส้นสีเขียว คือ lc1125
เส้นสีน้ำเงิน คือ sc1150
เส้นสีดำ คือ sc1100 + lc1125*2 + sc1150 คือ short call butterfly
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike กลาง - strike ต่ำ) - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= (1125 - 1100) - (39 + 13 - 23*2) = 25 - 6 = 19 จุด
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 39 + 13 - 23*2 = 6 จุด
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ถ้าจุดสูงสุด ขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไร จะมีจุด BE ทั้งด้านขึ้น และขาลง
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1150 - (39 + 13 - 23*2) = 1150 - 6 = 1144
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1100 + (39 + 13 - 23*2) = 1100 + 6 = 1106
ถ้า set50 < 1106 จะเริ่มกำไรปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะกำไรคงที่
ถ้า set50 > 1106 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1144 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 > 1150 ขึ้นไป จะกำไรคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ long straddle
รวมกับ short put ด้านซ้าย และ short call ด้านขวา
หรือ short put strike ต่ำ + (long call + long put) strike กลาง + short call strike สูง
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
short call butterfly = SC1100 + LC1125*2 + SC1150
จาก synthetic options จะได้ว่า
SC1100 = SP1100 + SF
แทนค่า SC1100 จะได้
= SP1100 + SF + LC1125*2 + SC1150
= SP1100 + SF + LC1125 + LC1125 + SC1150
เนื่องจาก SF + LC1125 เท่ากับ LP1125
= SP1100 + LP1125 + LC1125 + SC1150
LP1125 + LC1125 ก็คือ long straddle นั่นเอง
ดังนั้น short call butterfly จะให้กราฟเหมือนกับ
long straddle รวมกับ short put ด้านซ้าย และ short call ด้านขวา เช่นกัน
หรือจะมองว่า เหมือนกับ call back ratio spread รวมกับ short call ด้านขวา ก็ได้เช่นกัน
เพราะ call back ratio spread = SC1100 + LC1125*2 ถ้าบวก SC1150 เข้าไป
จะเท่ากับ short call butterfly เช่นกัน