วันนั้น...
จำได้ว่า พวกเราพี่น้องสองครอบครัว ผู้ใหญ่ หญิง 5 ชาย 4 และเด็กชาย 3 ขวบอีกหนึ่งคน ได้ขึ้นรถเดินทางจากกรุงเทพไปเที่ยวงานวัดบ้านแหลม แม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม
เมื่อไปถึงก่อนเที่ยงสักเล็กน้อย ก็พากันเดินดูงานโดยรอบ ร้านขายของกินมากมาย พวกยิงเป้า กระเช้าสวรรค์ยังไม่ได้หมุนเลยสักรอบ เนื่องด้วยอากาศร้อนจนรู้สึกเสื้อเปียกกันบ้างแล้ว ชายคนตัวสูงใหญ่สุดมีศักดิ์เป็นเขยในกลุ่มจึงใช้สายตาส่วนที่สูงกว่าคนอื่นๆมองหาร้านเพื่อเข้าไปนั่งดื่มน้ำดับร้อน
ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดกลางมีตู้โชว์ที่วางอาหารเต็มตู้น่ากิน ทั้งหมดเดินตามพี่อ้วนที่มีภรรยาจูงเด็กชายคนเดียวของกลุ่มเข้าไปนั่งที่โต๊ะ และพร้อมสั่งน้ำก่อนอาหารทันที
"แจ๊คจะทานอะไร ลูก" ผู้เป็นแม่ถาม
"อะไรอร่อยครับ" ลูกกลับย้อนถาม
"เอาปลาครับ"
"ลูก ก๋วยเตี๋ยวเขาไม่ใส่ปลาหรอก"
"ถ้าให้เขาใส่ให้แจ็คได้มั้ยครับ" คนที่ได้ยินก็ต้องยิ้ม
" ปลาเป็นลูกชิ้นนะลูก"
"ครับ มันคงไม่มีก้างแล้วนะครับ" แม่ยิ้มแล้วมองไปที่ทุกคนที่ขำในความช่างพูดของลูกตน
เมื่อดื่มน้ำจากแก้วพลาสติกกันทุกคนแล้ว ก๋วยเตี๋ยวของเด็กก็มาก่อน ตามด้วยของแม่และพ่อที่นั่งข้างๆ
แจ็คเหลือบตาไปสำรวจชามของแม่และพ่อว่ามีสิ่งที่ให้มาไม่เหมือนกับในชามของตนเอง จึงพูดขี้นมาว่า
"แม่ครับ ทำไมของแจ็คไม่มีตับและชิ้นนั้นครับ มีแต่ลูกชิ้นสีขาว"
"นั่นมันไส้หมูนะลูก ไม่อร่อยหรอก สำหรับผู้ใหญ่นะ รีบทานเถอะลูก"
ทุกคนทานก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่จนอิ่มจึงได้ออกจากร้านไป การเดินดูโน่นนี่มีเด็กชายแจ็คจูงมือโดยน้าคนโน้นทีคนนี้ที เมื่อเด็กชายสนใจขนมที่เป่าเป็นรูปสัตว์จากหาบนั่งขาย การทำขนมสายไหมฟูฟ่องก่อนคนขายใช้ไม้ยาวตวัดพันขึ้นมา พวกผู้ใหญ่เดินดูแผงสินค้าและสอบถามราคาก็มักจะเป็นฝ่ายหญิงเสียมากกว่า ส่วนผู้ชายก็ไปยืนลูบคลำมีดอรัญญิกที่มีรูปร่างและปลอกมีดสวยแปลกตา ต่างคนก็ต่างสนใจในสิ่งของตรงหน้า และได้ข้าวของติดมือมากันคนละอย่างสองอย่างถือเป็นความเพลิดเพลินหลังอาหาร
ลมเย็นพัดมาให้คลายร้อนอบอ้าวบ้าง
เมื่อพี่อ้วนหยุดยืนเล็งว่าจะเดินไปด้านไหนต่อ มองไปไม่เห็นเด็ก หมุนตัวรอบๆก็ไม่เห็น
"แจ็คล่ะ" ถามเสียงดังจนทุกคนตื่นและตกใจตามมา
แจ็คหาย!
วงแตกในทันที ต่างก็รีบแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ผู้เป็นแม่ตระหนกกว่าคนอื่น รีบกวาดสายตาเล็งไปทั่วเท่าที่จะพอมองเห็นว่าลูกควรจะออกเดินไปในทิศทางใด ส่วนพี่อ้วนได้ถลันไปอีกทางหนึ่งแล้ว เขาเดินดุ่มไปในที่คนอยู่เป็นกลุ่มก้อน หวังว่าลูกตนเองอาจพลัดมาเข้ากลุ่ม แต่เขาก็ถอยออกมาในทันทีที่ไม่เห็นลูก ยืนกวาดสายตาไปอีกในระยะร้อยเมตรนี่ก็ไม่เห็นลูกชาย
โน่น...เด็กขนาดเท่าแจ็คยืนอยู่นั่น แต่เสื้อผ้าไม่ใช่นี่นะ จึงเปลี่ยนเป้าหมายถอยมาใกล้จุดเดิมและกวาดสายตามองหาเด็กอย่างไม่ให้คลาดสายตาทุกจุด
ผู้เป็นแม่เดินไปทั่วพร้อมเรียกชื่อ แจ็ค แจ็ค อย่างไม่สนใจใครมองหล่อนเดินหน้าถอดสีไปใกล้รถที่มีแบ็คแคปที่เหมือนจะออกเดินทาง ชะโงกเข้าไปมองและถามหาว่า เห็นเด็กผู้ชายสามขวบบ้างมั้ย ใส่เสื้อลายการ์ตูน กางเกงสีขาวขาสั้น เมื่อไม่มีใครเห็น หล่อนก็รีบผละจากไป และนึกได้ก็นั่งยองๆบนบานเจ้าพ่อวัดแหลม ขอให้ลูกอย่าหายเลย ขอให้ลูกช้างได้พบลูกด้วยเถิดจะแก้บน...
ลุกขึ้นได้ก็รีบเดินหันหน้าหันหลังมองจ้องไปยังด้านที่มีเรือจอดอยู่ ท่าเรือเล็กๆนั้นมีคนอยู่ประปราย หล่อนไม่ได้ตะโกนเรียกลูกในความว่างเปล่า แต่นึกว่าตั้งหลักคอยที่ท่าเรือนี่ก็ดี ในเมื่อคนอื่นก็เดินหากันอยู่ทั่วๆแล้ว ในใจก็นึกพร่ำเจ้าประคูณซ้ำซากมิรู้กี่สิบหน
หล่อนเดินไปให้ใกล้ท่าน้ำยิ่งขึ้นเมื่อหันกลับมา ก็ใจหายวาบ นั่นๆ ผู้ชายคนนั้นอุ้มแจ็คอยู่นี่ หล่อนวิ่งไปร้องไห้ไปเรียกลูกไปสุดเสียง
"แจ็ค..แจ็ค.." แจ็คหันมามอง ดิ้นพรวดจนชายคนนั้นต้องคว้าไว้
"จะเอาลูกฉันไปไหน แจ็ค โอ๋..ลูก.."
หล่อนแทบกระชากลูกมาโดยไว นั่งลงกอดลูกร้องไห้ มือก็ลูบไล้ปลอบขวัญลูกที่ร้องไห้ไปกับแม่คืนมา...
สักพักเมื่อสติคืนมา หล่อนจึงสงบลงได้ถามผู้ชายคนที่ยืนมองแม่ลูกร่ำไห้นั้นว่า
"เจอเด็กได้ยังไง"
" ผมเห็นเขาเดินคนเดียว ไม่มีใครเดินตาม จึงถาม ก็ไม่ตอบ เลยอุ้มไว้"
" แล้วนี่จะไปไหนต่อ"
" ผมก็จะกลับบ้าน"
" เอาเด็กนี่ไปด้วยน่ะเหรอ"
" แล้วจะให้ผมทำยังไง"
" ก็ต้องไปประกาศหาพ่อแม่เด็กสิ"
หล่อนใจหายวาบ โธ่ ลูกเกือบคลาดกันแล้วละนี่ คิดพลางกอดลูกน้ำตารินหยดอีกรอบ
" แจ็ค แจ็ค.." พี่อ้วนผู้พ่อตามมาพร้อมพวกอีกสามคน ต่างรีบวิ่งมาใกล้ด้วยความตื่นเต้นระคนโล่งอกที่มันเต้นไม่เป็นระส่ำในครึ่งค่อนชั่วโมงผ่านมานี้
ผู้ชายวัยกลางคนที่อุ้มแจ็คใจคอไม่ดีเมื่อเห็นกลุ่มคนมาแสดงความเป็นเจ้าของเด็ก เขารีบมายกมือไหว้พี่อ้วนตัวใหญ่กว่าคนทั่วไปและบุคลิกนายทหารอาชีพด้วย
"ผมไม่ได้ขโมยเด็กนะครับ เด็กเดินมาคนเดียวจริงๆ ถามก็ไม่ตอบว่าชื่ออะไร ทำท่าจะร้องไห้ท่าเดียว ก็เลยอุ้มเดินสักพัก รอแฟนซื้อของก่อนลงเรือกลับบ้าน"
ทุกคนยืนฟังลำดับความหวาดเสียว ถ้ามาช้าอีกหน่อยเดียวแจ็คคงไปกับเขาแล้ว ยิ่งหมดโอกาสจะเจอตัว โอ.. บุญพระคุ้มครองแท้ๆเชียว..
"เมื่อกี้ยกมือไหว้บนหลวงพ่อไว้แล้วจึงได้เจอ"แม่แจ็คพูดเสียงยังสั่นอยู่เลย
พ่อก็อุ้มแจ็คอย่างยึดไว้ให้แน่อกแน่ใจ
"เอาละ ทีหลังเจอเด็กต้องไปแจ้งวัดให้โฆษกประกาศเด็กหายนะ ไม่เช่นนั้นถือว่าขโมยเด็ก.."
"คงไม่มีอีกแล้วครับ ผมไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้" ชายต่างจังหวัดตอบได้แค่นี้
"นับถือหลวงพ่อหรือเปล่า ถ้านับถือก็ควรทำดี นี่ขนาดอยู่ในวัดแท้ๆ"
น้องเขยอีกคนเห็นว่าพี่อ้วนกำลังจะเปลี่ยนความดีใจเป็นโกรธ จึงเข้ามาจับตัวแจ็คที่พี่อ้วนอุ้มอยู่ พูดว่า
"แจ็คก็อยู่นี่แล้ว หลวงพ่อช่วยแล้ว ไปเถอะ ไปไหว้หลวงพ่อแล้วกลับบ้านกัน"
แม่แจ็คลุกขึ้นจากการนั่งอย่างอ่อนแรง จับแข้งขา ดูหัวหูลูกแบบสำรวจและพาตัวเองมาเข้ากลุ่มสาวๆที่เพิ่งเดินมาสมทบ จับมือไม้ถามกันให้แซ่ดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แม่แจ็คก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ เสียงถามจึงเงียบไปเมื่อพี่อ้วนอุ้มแจ็คเดินมาและตรงไปที่พระอุโบสถเพื่อบอกกล่าวอำลาและรู้สึกถึงบุญญาธิการขององค์ท่าน ที่ทำให้ได้พบลูก นึกแล้วผู้เป็นแม่ก็ยังน้ำตาคลอในอกหวิววับไม่หาย เมื่อกราบพระเสร็จก็มองหาเจ้าหน้าที่ สอบถามถึงการถวายของแก้บนว่าควรจะมีอะไรบ้าง เมื่อได้รับคำบอกแล้วก็ถามต่อว่ามีใครรับจัดการทำให้ได้บ้าง เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงเรียกหญิงอีกคนหนึ่งมา เมื่อได้คุยกันแล้วก็ให้ลงชื่อ ที่อยู่ และคำแก้บน พร้อมกับชำระจำนวนเงินค่าสิ่งของ
แม่ได้พูดหลังจากนั้นว่าให้เขาทำให้ครบ ส่วนเราจะไปทำที่บ้านอีกรอบหนึ่ง แค่นี้ก็ไม่รู้จะเท่าความรู้สึกที่มีตอนนี้ไหม พูดพลางมองลูกชายอย่างไม่เชื่อในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาหยกๆ
ทั้งหมดเดินกลับมาขี้นรถด้วยใจระทึกไม่หาย งานวัดบ้านแหลมจะทรงอยู่ในหัวใจไปอีกนานเท่านาน
จบ
🌙⭐️🌟 "เสี้ยวชีวิต" 🌟⭐️🌙
จำได้ว่า พวกเราพี่น้องสองครอบครัว ผู้ใหญ่ หญิง 5 ชาย 4 และเด็กชาย 3 ขวบอีกหนึ่งคน ได้ขึ้นรถเดินทางจากกรุงเทพไปเที่ยวงานวัดบ้านแหลม แม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม
เมื่อไปถึงก่อนเที่ยงสักเล็กน้อย ก็พากันเดินดูงานโดยรอบ ร้านขายของกินมากมาย พวกยิงเป้า กระเช้าสวรรค์ยังไม่ได้หมุนเลยสักรอบ เนื่องด้วยอากาศร้อนจนรู้สึกเสื้อเปียกกันบ้างแล้ว ชายคนตัวสูงใหญ่สุดมีศักดิ์เป็นเขยในกลุ่มจึงใช้สายตาส่วนที่สูงกว่าคนอื่นๆมองหาร้านเพื่อเข้าไปนั่งดื่มน้ำดับร้อน
ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดกลางมีตู้โชว์ที่วางอาหารเต็มตู้น่ากิน ทั้งหมดเดินตามพี่อ้วนที่มีภรรยาจูงเด็กชายคนเดียวของกลุ่มเข้าไปนั่งที่โต๊ะ และพร้อมสั่งน้ำก่อนอาหารทันที
"แจ๊คจะทานอะไร ลูก" ผู้เป็นแม่ถาม
"อะไรอร่อยครับ" ลูกกลับย้อนถาม
"เอาปลาครับ"
"ลูก ก๋วยเตี๋ยวเขาไม่ใส่ปลาหรอก"
"ถ้าให้เขาใส่ให้แจ็คได้มั้ยครับ" คนที่ได้ยินก็ต้องยิ้ม
" ปลาเป็นลูกชิ้นนะลูก"
"ครับ มันคงไม่มีก้างแล้วนะครับ" แม่ยิ้มแล้วมองไปที่ทุกคนที่ขำในความช่างพูดของลูกตน
เมื่อดื่มน้ำจากแก้วพลาสติกกันทุกคนแล้ว ก๋วยเตี๋ยวของเด็กก็มาก่อน ตามด้วยของแม่และพ่อที่นั่งข้างๆ
แจ็คเหลือบตาไปสำรวจชามของแม่และพ่อว่ามีสิ่งที่ให้มาไม่เหมือนกับในชามของตนเอง จึงพูดขี้นมาว่า
"แม่ครับ ทำไมของแจ็คไม่มีตับและชิ้นนั้นครับ มีแต่ลูกชิ้นสีขาว"
"นั่นมันไส้หมูนะลูก ไม่อร่อยหรอก สำหรับผู้ใหญ่นะ รีบทานเถอะลูก"
ทุกคนทานก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่จนอิ่มจึงได้ออกจากร้านไป การเดินดูโน่นนี่มีเด็กชายแจ็คจูงมือโดยน้าคนโน้นทีคนนี้ที เมื่อเด็กชายสนใจขนมที่เป่าเป็นรูปสัตว์จากหาบนั่งขาย การทำขนมสายไหมฟูฟ่องก่อนคนขายใช้ไม้ยาวตวัดพันขึ้นมา พวกผู้ใหญ่เดินดูแผงสินค้าและสอบถามราคาก็มักจะเป็นฝ่ายหญิงเสียมากกว่า ส่วนผู้ชายก็ไปยืนลูบคลำมีดอรัญญิกที่มีรูปร่างและปลอกมีดสวยแปลกตา ต่างคนก็ต่างสนใจในสิ่งของตรงหน้า และได้ข้าวของติดมือมากันคนละอย่างสองอย่างถือเป็นความเพลิดเพลินหลังอาหาร
ลมเย็นพัดมาให้คลายร้อนอบอ้าวบ้าง
เมื่อพี่อ้วนหยุดยืนเล็งว่าจะเดินไปด้านไหนต่อ มองไปไม่เห็นเด็ก หมุนตัวรอบๆก็ไม่เห็น
"แจ็คล่ะ" ถามเสียงดังจนทุกคนตื่นและตกใจตามมา
แจ็คหาย!
วงแตกในทันที ต่างก็รีบแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ผู้เป็นแม่ตระหนกกว่าคนอื่น รีบกวาดสายตาเล็งไปทั่วเท่าที่จะพอมองเห็นว่าลูกควรจะออกเดินไปในทิศทางใด ส่วนพี่อ้วนได้ถลันไปอีกทางหนึ่งแล้ว เขาเดินดุ่มไปในที่คนอยู่เป็นกลุ่มก้อน หวังว่าลูกตนเองอาจพลัดมาเข้ากลุ่ม แต่เขาก็ถอยออกมาในทันทีที่ไม่เห็นลูก ยืนกวาดสายตาไปอีกในระยะร้อยเมตรนี่ก็ไม่เห็นลูกชาย
โน่น...เด็กขนาดเท่าแจ็คยืนอยู่นั่น แต่เสื้อผ้าไม่ใช่นี่นะ จึงเปลี่ยนเป้าหมายถอยมาใกล้จุดเดิมและกวาดสายตามองหาเด็กอย่างไม่ให้คลาดสายตาทุกจุด
ผู้เป็นแม่เดินไปทั่วพร้อมเรียกชื่อ แจ็ค แจ็ค อย่างไม่สนใจใครมองหล่อนเดินหน้าถอดสีไปใกล้รถที่มีแบ็คแคปที่เหมือนจะออกเดินทาง ชะโงกเข้าไปมองและถามหาว่า เห็นเด็กผู้ชายสามขวบบ้างมั้ย ใส่เสื้อลายการ์ตูน กางเกงสีขาวขาสั้น เมื่อไม่มีใครเห็น หล่อนก็รีบผละจากไป และนึกได้ก็นั่งยองๆบนบานเจ้าพ่อวัดแหลม ขอให้ลูกอย่าหายเลย ขอให้ลูกช้างได้พบลูกด้วยเถิดจะแก้บน...
ลุกขึ้นได้ก็รีบเดินหันหน้าหันหลังมองจ้องไปยังด้านที่มีเรือจอดอยู่ ท่าเรือเล็กๆนั้นมีคนอยู่ประปราย หล่อนไม่ได้ตะโกนเรียกลูกในความว่างเปล่า แต่นึกว่าตั้งหลักคอยที่ท่าเรือนี่ก็ดี ในเมื่อคนอื่นก็เดินหากันอยู่ทั่วๆแล้ว ในใจก็นึกพร่ำเจ้าประคูณซ้ำซากมิรู้กี่สิบหน
หล่อนเดินไปให้ใกล้ท่าน้ำยิ่งขึ้นเมื่อหันกลับมา ก็ใจหายวาบ นั่นๆ ผู้ชายคนนั้นอุ้มแจ็คอยู่นี่ หล่อนวิ่งไปร้องไห้ไปเรียกลูกไปสุดเสียง
"แจ็ค..แจ็ค.." แจ็คหันมามอง ดิ้นพรวดจนชายคนนั้นต้องคว้าไว้
"จะเอาลูกฉันไปไหน แจ็ค โอ๋..ลูก.."
หล่อนแทบกระชากลูกมาโดยไว นั่งลงกอดลูกร้องไห้ มือก็ลูบไล้ปลอบขวัญลูกที่ร้องไห้ไปกับแม่คืนมา...
สักพักเมื่อสติคืนมา หล่อนจึงสงบลงได้ถามผู้ชายคนที่ยืนมองแม่ลูกร่ำไห้นั้นว่า
"เจอเด็กได้ยังไง"
" ผมเห็นเขาเดินคนเดียว ไม่มีใครเดินตาม จึงถาม ก็ไม่ตอบ เลยอุ้มไว้"
" แล้วนี่จะไปไหนต่อ"
" ผมก็จะกลับบ้าน"
" เอาเด็กนี่ไปด้วยน่ะเหรอ"
" แล้วจะให้ผมทำยังไง"
" ก็ต้องไปประกาศหาพ่อแม่เด็กสิ"
หล่อนใจหายวาบ โธ่ ลูกเกือบคลาดกันแล้วละนี่ คิดพลางกอดลูกน้ำตารินหยดอีกรอบ
" แจ็ค แจ็ค.." พี่อ้วนผู้พ่อตามมาพร้อมพวกอีกสามคน ต่างรีบวิ่งมาใกล้ด้วยความตื่นเต้นระคนโล่งอกที่มันเต้นไม่เป็นระส่ำในครึ่งค่อนชั่วโมงผ่านมานี้
ผู้ชายวัยกลางคนที่อุ้มแจ็คใจคอไม่ดีเมื่อเห็นกลุ่มคนมาแสดงความเป็นเจ้าของเด็ก เขารีบมายกมือไหว้พี่อ้วนตัวใหญ่กว่าคนทั่วไปและบุคลิกนายทหารอาชีพด้วย
"ผมไม่ได้ขโมยเด็กนะครับ เด็กเดินมาคนเดียวจริงๆ ถามก็ไม่ตอบว่าชื่ออะไร ทำท่าจะร้องไห้ท่าเดียว ก็เลยอุ้มเดินสักพัก รอแฟนซื้อของก่อนลงเรือกลับบ้าน"
ทุกคนยืนฟังลำดับความหวาดเสียว ถ้ามาช้าอีกหน่อยเดียวแจ็คคงไปกับเขาแล้ว ยิ่งหมดโอกาสจะเจอตัว โอ.. บุญพระคุ้มครองแท้ๆเชียว..
"เมื่อกี้ยกมือไหว้บนหลวงพ่อไว้แล้วจึงได้เจอ"แม่แจ็คพูดเสียงยังสั่นอยู่เลย
พ่อก็อุ้มแจ็คอย่างยึดไว้ให้แน่อกแน่ใจ
"เอาละ ทีหลังเจอเด็กต้องไปแจ้งวัดให้โฆษกประกาศเด็กหายนะ ไม่เช่นนั้นถือว่าขโมยเด็ก.."
"คงไม่มีอีกแล้วครับ ผมไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้" ชายต่างจังหวัดตอบได้แค่นี้
"นับถือหลวงพ่อหรือเปล่า ถ้านับถือก็ควรทำดี นี่ขนาดอยู่ในวัดแท้ๆ"
น้องเขยอีกคนเห็นว่าพี่อ้วนกำลังจะเปลี่ยนความดีใจเป็นโกรธ จึงเข้ามาจับตัวแจ็คที่พี่อ้วนอุ้มอยู่ พูดว่า
"แจ็คก็อยู่นี่แล้ว หลวงพ่อช่วยแล้ว ไปเถอะ ไปไหว้หลวงพ่อแล้วกลับบ้านกัน"
แม่แจ็คลุกขึ้นจากการนั่งอย่างอ่อนแรง จับแข้งขา ดูหัวหูลูกแบบสำรวจและพาตัวเองมาเข้ากลุ่มสาวๆที่เพิ่งเดินมาสมทบ จับมือไม้ถามกันให้แซ่ดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แม่แจ็คก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ เสียงถามจึงเงียบไปเมื่อพี่อ้วนอุ้มแจ็คเดินมาและตรงไปที่พระอุโบสถเพื่อบอกกล่าวอำลาและรู้สึกถึงบุญญาธิการขององค์ท่าน ที่ทำให้ได้พบลูก นึกแล้วผู้เป็นแม่ก็ยังน้ำตาคลอในอกหวิววับไม่หาย เมื่อกราบพระเสร็จก็มองหาเจ้าหน้าที่ สอบถามถึงการถวายของแก้บนว่าควรจะมีอะไรบ้าง เมื่อได้รับคำบอกแล้วก็ถามต่อว่ามีใครรับจัดการทำให้ได้บ้าง เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงเรียกหญิงอีกคนหนึ่งมา เมื่อได้คุยกันแล้วก็ให้ลงชื่อ ที่อยู่ และคำแก้บน พร้อมกับชำระจำนวนเงินค่าสิ่งของ
แม่ได้พูดหลังจากนั้นว่าให้เขาทำให้ครบ ส่วนเราจะไปทำที่บ้านอีกรอบหนึ่ง แค่นี้ก็ไม่รู้จะเท่าความรู้สึกที่มีตอนนี้ไหม พูดพลางมองลูกชายอย่างไม่เชื่อในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาหยกๆ
ทั้งหมดเดินกลับมาขี้นรถด้วยใจระทึกไม่หาย งานวัดบ้านแหลมจะทรงอยู่ในหัวใจไปอีกนานเท่านาน
จบ