ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/32133729
ตอนที่ 2
“นี่... ตื่น! ตื่นได้แล้ว”
เสียงห้าวของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหู ใบหน้านวลขาวยู่ยี่ขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกปลุกก่อนเวลา คนที่มาปลุกกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนคุดคู้คล้ายจะเพ่งพินิจดูอะไรสักอย่างให้กระจ่างใจ แต่หัวใจกลับกระตุกวูบเมื่อเห็นริมฝีปากบางได้รูปเผยอขึ้น ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากคนที่กำลังนอนหลับพิงเสาโดยใช้กระถางดินเผาใบใหญ่ต่างหมอน
ไอริสาพลิกตัวไปมาอย่างงัวเงีย ใครนะ? มาปลุกแต่เช้า คนที่ปลุกหล่อนเอาอะไรบางอย่างมาจิ้ม ๆ ที่เอวพลางพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ตื่นเดี๋ยวนี้นะเจ้า!”
ไอริสายังคงง่วงงุน เจ็บปวดตามเนื้อตามตัวเพราะนอนบนพื้นไม้แข็ง ๆ หล่อนพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็ต้องรีบหยีตาเพราะแสงแดดจ้าส่องมากระทบ เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ รอบตัว ห่างออกไปก็เป็นเสียงผู้คนคุยกันจ้อกแจ้กจอแจจนอดแปลกใจไม่ได้ เสียงดังขนาดนี้หล่อนนอนหลับอยู่ได้อย่างไร? และเมื่อรู้สึกตัวเต็มที่ หญิงสาวก็มองไปรอบ ๆ หันซ้ายหันขวาแล้วก็ต้องตกใจ
“เฮ้ย! ทำไมเป็นที่เดิมล่ะ นี่ยังไม่ตื่นอีกหรือเนี่ย?” คนบ่นผุดลุกขึ้นแล้วก็ตีผัวะเข้าที่แขนตัวเอง ความเจ็บทำให้ต้องเบ้หน้า แต่ก็ยังไม่พอ หญิงสาวแถมด้วยการหยิกแก้มซ้ายตัวเองอย่างแรงเข้าไปอีก คราวนี้ความเจ็บชัดเจนจนน้ำตารื้น
นี่งงไปหมดแล้วนะ ทำไมยังไม่ตื่นจากฝันร้ายอีก แล้วฝันอะไรทำไมหยิกแล้วรู้สึกเจ็บ? น้ำอุ่น ๆ เริ่มมาออที่หัวตา ความคิดบางอย่างที่แล่นเข้ามาในสมองทำให้รู้สึกกลัวจับใจ ผู้ชายคิ้วเข้มคนเมื่อคืนกำลังยืนมองหล่อนด้วยสีหน้าแปลก ๆ ไอริสาพยายามข่มความรู้สึก เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับตั้งสติข่มความกลัวที่เข้ามากัดกร่อนจิตใจเอาไว้
อย่าให้ใครรู้ว่าเรากำลังกลัว... เข้มแข็งไว้...ไอริสา เธอต้องไม่เป็นอะไร...
ชายหนุ่มหันหลังขวับ ก้าวเท้ายาวลงบันไดไปจนถึงลานกว้างหน้าบ้าน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรไอริสาถึงได้เดินตามเขาไป อาจเป็นเพราะความอยากรู้ล่ะมั้ง เป็นไปได้ว่าเขาจะเดินไปสั่งให้ใครมาจับหล่อนมัดแล้วพาไปทรมาน แต่พอเดินมาถึงหัวบันได ไอริสากลับไม่กล้าตามเขาลงไป ได้แต่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ผู้ชายคนนั้นเข้าไปยืนท่ามกลางกลุ่มชายฉกรรจ์อีกนับสิบ แม้ว่าการแต่งกายจะคล้าย ๆ กันแต่เขากลับดูเด่นต่างจากคนอื่น ตัวสูง ไหล่กว้างผึ่งผายและดวงตาเหยี่ยวดำสนิทคู่นั้นทำให้เขาดูองอาจเหนือใคร... ไม่นานนักม้าสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็ถูกจูงออกมา
“ข้าต้องไปแล้ว พวกเจ้าจำไว้ ดูแลรักษาหมู่บ้านให้ดี วางกำลังเวรยามอย่าให้หละหลวม เตรียมศาสตราวุธและซ้อมเพลงดาบเพลงธนูให้คล่อง สักวันจะได้ใช้” ท่าทางที่สง่างามบนหลังม้าบ่งบอกถึงความมีอำนาจ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าทุกคนที่นี่
เสียงตอบรับเบาแต่หนักแน่นอื้ออึงอยู่โดยรอบ ชายหนุ่มหันหน้าไปพูดกับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยักพเยิดให้กัน เบาเกินกว่าไอริสาจะได้ยิน ชายหนุ่มขยับดาบที่สะพายอยู่บนหลังให้เข้าที่และสปริงตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า เขาปรายตามาทางหล่อนแวบหนึ่งก่อนที่จะเร่งควบม้าออกไป ทิ้งไว้แต่ฝุ่นละอองที่ลอยตลบขึ้นมาจากรอยเท้าม้าเท่านั้น
ไอริสายืนนิ่งอยู่ตรงธรณีประตูด้วยใจระทึก พวกผู้ชายในเครื่องแต่งกายสีดำหันมามองหล่อน กระซิบกระซาบอะไรสักอย่างที่หล่อนไม่ได้ยิน และเมื่อมีใครบางคนในกลุ่มเริ่มขยับ ความกลัวก็หวนกลับมาสิงสู่ในใจอีกครั้ง ภาพชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่ยืนมองหล่อนเขม็งอยู่ตอนนี้ทำให้ไอริสาได้แต่กลอกตาไปมา ทำอย่างไรจะหนีพ้นล่ะ?
ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่กำลังเดินเหยาะ ๆ เข้ามาในสายตาทำให้หญิงสาวได้สติ ระหว่างที่คนข้างล่างกำลังปรึกษาหาข้อสรุปว่าจะทำอย่างไรกับคนแปลกหน้าที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ตรงนั้นดี ตัวต้นเหตุก็กระโดดข้ามขั้นบันได วิ่งไปคว้าสายโกรนของม้าสีน้ำตาล โหนตัวขึ้นและควบมันออกไปเสียแล้ว ทุกอากัปกริยาเป็นไปอย่างรวดเร็วจนคนที่จูงม้าออกมาไม่ทันแม้แต่จะเอ่ยปากทัดทาน
“เฮ้ย! มันขโมยม้า รีบตามไปเร็ว!”
“แย่แล้วสิ เจ้าม้านั่นพยศมากเสียด้วย เจ้าหนุ่มนั่นชะตาถึงฆาตก็ครานี้” น้ำเสียงหวั่นระแวงปนเห็นอกเห็นใจดังขึ้น คนพูดรำพึงรำพัน แล้วรีบวิ่งไปขึ้นม้าติดตามไปพลางส่ายหัวให้กับชะตากรรมของคนแปลกหน้า
เสียงฝีเท้าม้าที่ตามมาทำให้ไอริสาต้องเร่งความเร็วให้มากขึ้น หล่อนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ขาทั้งสองข้างหนีบลำตัวม้าแน่นเพื่อกระตุ้นให้มันวิ่งเร็วขึ้น ใบหน้างามเคร่งเครียด แต่สมองกลับโล่งอย่างประหลาด ไม่มีความกลัวใด ๆ หลงเหลือเมื่อได้อยู่บนหลังม้า คิดเพียงอย่างเดียวคือ ต้องหนีไปจากที่นี่... เท่านั้น
บุหลันลอยเลื่อน ตอนที่ 2 - 4
ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/32133729
ตอนที่ 2
“นี่... ตื่น! ตื่นได้แล้ว”
เสียงห้าวของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหู ใบหน้านวลขาวยู่ยี่ขึ้นเล็กน้อยเพราะถูกปลุกก่อนเวลา คนที่มาปลุกกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เหนือร่างที่นอนคุดคู้คล้ายจะเพ่งพินิจดูอะไรสักอย่างให้กระจ่างใจ แต่หัวใจกลับกระตุกวูบเมื่อเห็นริมฝีปากบางได้รูปเผยอขึ้น ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากคนที่กำลังนอนหลับพิงเสาโดยใช้กระถางดินเผาใบใหญ่ต่างหมอน
ไอริสาพลิกตัวไปมาอย่างงัวเงีย ใครนะ? มาปลุกแต่เช้า คนที่ปลุกหล่อนเอาอะไรบางอย่างมาจิ้ม ๆ ที่เอวพลางพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม “ตื่นเดี๋ยวนี้นะเจ้า!”
ไอริสายังคงง่วงงุน เจ็บปวดตามเนื้อตามตัวเพราะนอนบนพื้นไม้แข็ง ๆ หล่อนพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็ต้องรีบหยีตาเพราะแสงแดดจ้าส่องมากระทบ เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ รอบตัว ห่างออกไปก็เป็นเสียงผู้คนคุยกันจ้อกแจ้กจอแจจนอดแปลกใจไม่ได้ เสียงดังขนาดนี้หล่อนนอนหลับอยู่ได้อย่างไร? และเมื่อรู้สึกตัวเต็มที่ หญิงสาวก็มองไปรอบ ๆ หันซ้ายหันขวาแล้วก็ต้องตกใจ
“เฮ้ย! ทำไมเป็นที่เดิมล่ะ นี่ยังไม่ตื่นอีกหรือเนี่ย?” คนบ่นผุดลุกขึ้นแล้วก็ตีผัวะเข้าที่แขนตัวเอง ความเจ็บทำให้ต้องเบ้หน้า แต่ก็ยังไม่พอ หญิงสาวแถมด้วยการหยิกแก้มซ้ายตัวเองอย่างแรงเข้าไปอีก คราวนี้ความเจ็บชัดเจนจนน้ำตารื้น
นี่งงไปหมดแล้วนะ ทำไมยังไม่ตื่นจากฝันร้ายอีก แล้วฝันอะไรทำไมหยิกแล้วรู้สึกเจ็บ? น้ำอุ่น ๆ เริ่มมาออที่หัวตา ความคิดบางอย่างที่แล่นเข้ามาในสมองทำให้รู้สึกกลัวจับใจ ผู้ชายคิ้วเข้มคนเมื่อคืนกำลังยืนมองหล่อนด้วยสีหน้าแปลก ๆ ไอริสาพยายามข่มความรู้สึก เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับตั้งสติข่มความกลัวที่เข้ามากัดกร่อนจิตใจเอาไว้
อย่าให้ใครรู้ว่าเรากำลังกลัว... เข้มแข็งไว้...ไอริสา เธอต้องไม่เป็นอะไร...
ชายหนุ่มหันหลังขวับ ก้าวเท้ายาวลงบันไดไปจนถึงลานกว้างหน้าบ้าน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรไอริสาถึงได้เดินตามเขาไป อาจเป็นเพราะความอยากรู้ล่ะมั้ง เป็นไปได้ว่าเขาจะเดินไปสั่งให้ใครมาจับหล่อนมัดแล้วพาไปทรมาน แต่พอเดินมาถึงหัวบันได ไอริสากลับไม่กล้าตามเขาลงไป ได้แต่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่าง ๆ ผู้ชายคนนั้นเข้าไปยืนท่ามกลางกลุ่มชายฉกรรจ์อีกนับสิบ แม้ว่าการแต่งกายจะคล้าย ๆ กันแต่เขากลับดูเด่นต่างจากคนอื่น ตัวสูง ไหล่กว้างผึ่งผายและดวงตาเหยี่ยวดำสนิทคู่นั้นทำให้เขาดูองอาจเหนือใคร... ไม่นานนักม้าสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็ถูกจูงออกมา
“ข้าต้องไปแล้ว พวกเจ้าจำไว้ ดูแลรักษาหมู่บ้านให้ดี วางกำลังเวรยามอย่าให้หละหลวม เตรียมศาสตราวุธและซ้อมเพลงดาบเพลงธนูให้คล่อง สักวันจะได้ใช้” ท่าทางที่สง่างามบนหลังม้าบ่งบอกถึงความมีอำนาจ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าทุกคนที่นี่
เสียงตอบรับเบาแต่หนักแน่นอื้ออึงอยู่โดยรอบ ชายหนุ่มหันหน้าไปพูดกับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยักพเยิดให้กัน เบาเกินกว่าไอริสาจะได้ยิน ชายหนุ่มขยับดาบที่สะพายอยู่บนหลังให้เข้าที่และสปริงตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า เขาปรายตามาทางหล่อนแวบหนึ่งก่อนที่จะเร่งควบม้าออกไป ทิ้งไว้แต่ฝุ่นละอองที่ลอยตลบขึ้นมาจากรอยเท้าม้าเท่านั้น
ไอริสายืนนิ่งอยู่ตรงธรณีประตูด้วยใจระทึก พวกผู้ชายในเครื่องแต่งกายสีดำหันมามองหล่อน กระซิบกระซาบอะไรสักอย่างที่หล่อนไม่ได้ยิน และเมื่อมีใครบางคนในกลุ่มเริ่มขยับ ความกลัวก็หวนกลับมาสิงสู่ในใจอีกครั้ง ภาพชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่ยืนมองหล่อนเขม็งอยู่ตอนนี้ทำให้ไอริสาได้แต่กลอกตาไปมา ทำอย่างไรจะหนีพ้นล่ะ?
ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่กำลังเดินเหยาะ ๆ เข้ามาในสายตาทำให้หญิงสาวได้สติ ระหว่างที่คนข้างล่างกำลังปรึกษาหาข้อสรุปว่าจะทำอย่างไรกับคนแปลกหน้าที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ตรงนั้นดี ตัวต้นเหตุก็กระโดดข้ามขั้นบันได วิ่งไปคว้าสายโกรนของม้าสีน้ำตาล โหนตัวขึ้นและควบมันออกไปเสียแล้ว ทุกอากัปกริยาเป็นไปอย่างรวดเร็วจนคนที่จูงม้าออกมาไม่ทันแม้แต่จะเอ่ยปากทัดทาน
“เฮ้ย! มันขโมยม้า รีบตามไปเร็ว!”
“แย่แล้วสิ เจ้าม้านั่นพยศมากเสียด้วย เจ้าหนุ่มนั่นชะตาถึงฆาตก็ครานี้” น้ำเสียงหวั่นระแวงปนเห็นอกเห็นใจดังขึ้น คนพูดรำพึงรำพัน แล้วรีบวิ่งไปขึ้นม้าติดตามไปพลางส่ายหัวให้กับชะตากรรมของคนแปลกหน้า
เสียงฝีเท้าม้าที่ตามมาทำให้ไอริสาต้องเร่งความเร็วให้มากขึ้น หล่อนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ขาทั้งสองข้างหนีบลำตัวม้าแน่นเพื่อกระตุ้นให้มันวิ่งเร็วขึ้น ใบหน้างามเคร่งเครียด แต่สมองกลับโล่งอย่างประหลาด ไม่มีความกลัวใด ๆ หลงเหลือเมื่อได้อยู่บนหลังม้า คิดเพียงอย่างเดียวคือ ต้องหนีไปจากที่นี่... เท่านั้น