พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๗
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
ทวาทสนิบาตชาดก
๑. จุลลกุณาลชาดก
๒. ภัททสาลชาดก
๓. สมุททวาณิชชาดก
๔. กามชาดก
๕. ชนสันธชาดก
เหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
[๑๖๔๙] พระเจ้าชนสันธะได้ตรัสอย่างนี้ว่า เหตุที่จะทำให้จิตเดือดร้อนนั้นมีอยู่ ๑๐
ประการ บุคคลไม่กระทำเสียในกาลก่อนแล้ว ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง.
[๑๖๕๐] บุคคลเมื่อยังเป็นหนุ่ม ไม่ทำความพยายามยังทรัพย์ให้เกิดขึ้น ครั้นแก่ลง
หาทรัพย์ไม่ได้ ย่อมเดือดร้อนภายหลังว่า เมื่อก่อนเราไม่ได้แสวงหา
ทรัพย์ไว้.
[๑๖๕๑] ศิลปที่สมควรแก่ตน บุคคลใดไม่ได้ศึกษาไว้ในกาลก่อน บุคคลนั้นย่อม
เดือดร้อนในภายหลังว่า เราไม่ได้ศึกษาศิลปไว้ก่อน ผู้ไม่มีศิลปย่อมเลี้ยง
ชีพลำบาก.
[๑๖๕๒] ผู้ใดเป็นคนโกง ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราเป็นคนโกง
ส่อเสียด กินสินบน ดุร้าย หยาบคาย ในกาลก่อน.
[๑๖๕๓] ผู้ใดเป็นคนฆ่าสัตว์ ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราเป็นคนฆ่า
สัตว์ หยาบช้า ทุศีล ประพฤติต่ำช้า ปราศจากขันติ เมตตาและเอ็นดู
สัตว์ในกาลก่อน.
[๑๖๕๔] ผู้ใดคบชู้ในภรรยาผู้อื่น ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า หญิงที่ไม่มีใคร
หวงแหนมีอยู่เป็นอันมาก ไม่ควรที่เราจะคบหาภรรยาผู้อื่นเลย.
[๑๖๕๕] คนตระหนี่ ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เมื่อก่อน ข้าวและน้ำของเรามี
อยู่มากมาย เราก็มิได้ให้ทานเลย.
[๑๖๕๖] ผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราสามารถพอที่จะ
เลี้ยงดูมารดาและบิดาผู้แก่เฒ่าชราได้ ก็มิได้เลี้ยงดูท่าน.
[๑๖๕๗] ผู้ไม่ทำตามโอวาทบิดา ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราได้ดูหมิ่นบิดา
ผู้เป็นอาจารย์สั่งสอน ผู้นำรสที่ต้องการทุกอย่างมาเลี้ยงดู.
[๑๖๕๘] ผู้ไม่เข้าใกล้สมณพราหมณ์ ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เมื่อก่อน เรา
มิได้ไปมาหาสู่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีศีล เป็นพหูสูตเลย.
[๑๖๕๙] ผู้ใดไม่มีประพฤติสุจริตธรรม ไม่เข้าไปนั่งใกล้สัตบุรุษ ย่อมเดือดร้อน
ในภายหลังว่า สุจริตธรรมที่ประพฤติแล้ว และสัตบุรุษอันเราไปมาหาสู่
แล้ว ย่อมเป็นความดี แต่เมื่อก่อนนี้ เราไม่ได้ประพฤติสุจริตธรรมไว้เลย.
[๑๖๖๐] ผู้ใดย่อมปฏิบัติเหตุเหล่านี้โดยอุบายอันแยบคาย ผู้นั้นเมื่อกระทำกิจที่บุรุษ
ควรทำ ย่อมไม่เดือดร้อนใจในภายหลังเลย.
จบ ชนสันธชาดกที่ ๕.
๖. มหากัณหชาดก
ว่าด้วยคราวที่สุนัขดำกินคน
[๑๖๖๑] ดูกรท่านผู้มีความเพียร สุนัขตัวนี้ดำจริง ดุร้าย มีเขี้ยวขาว มีความร้อน
พุ่งออกจากเขี้ยวท่านผูกไว้ด้วยเชือกถึง ๕ เส้น สุนัขของท่านจะทำอะไร?
[๑๖๖๒] ดูกรพระเจ้าอุสินนระ สุนัขนี้มิได้มาเพื่อต้องการกินเนื้อ แต่มาเพื่อจะ
กินมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อใด จักมีมนุษย์ทำความพินาศให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้ก็จะหลุดไปกินมนุษย์.
[๑๖๖๓] เมื่อใด คนทั้งหลายผู้ปฏิญาณตนว่า เป็นสมณะมีบาตรในมือ ศีรษะโล้น
คลุมผ้าสังฆาฏิ จักทำไร่ไถนาเลี้ยงชีพ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้ก็จะหลุด
ไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๖๔] เมื่อใด จักมีหญิงผู้ปฏิญาณตนว่า มีตบะ บวชมีศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิ
เที่ยวบริโภคกามคุณอยู่ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินหญิงเหล่านั้น.
[๑๖๖๕] เมื่อใด ชฎิลทั้งหลายมีหนวดอันยาว มีฟันเขลอะ มีศีรษะเกลือกกลั้ว
ด้วยธุลี เที่ยวภิกขาจาร รวบรวมทรัพย์ไว้ให้เขากู้ ชื่นชมยินดีด้วย
ดอกเบี้ยเลี้ยงชีพ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินชฎิลเหล่านั้น.
[๑๖๖๖] เมื่อใด พราหมณ์ทั้งหลายเรียนเวทคือสาวิตติศาสตร์ ยัญญวิธี และ
ยัญญสูตรแล้วรับจ้างบูชายัญ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินพราหมณ์
เหล่านั้น.
[๑๖๖๗] เมื่อใด ผู้มีกำลังสามารถจะเลี้ยงดูมารดาบิดาได้ แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา
ผู้แก่เฒ่าชรา เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๖๘] อนึ่ง เมื่อใด ชนทั้งหลายจักกล่าวดูหมิ่นมารดาบิดาผู้แก่เฒ่าชราว่า เป็น
คนโง่เง่า เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๖๙] อนึ่ง เมื่อใด คนในโลกจักคบหาภรรยาของอาจารย์ ภรรยาเพื่อน ป้า
และน้าเป็นภรรยา เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๗๐] เมื่อใด พวกพราหมณ์จักถือโล่ห์และดาบเหน็บกระบี่ คอยดักอยู่ที่ทาง
ฆ่าคนชิงเอาทรัพย์ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินพราหมณ์เหล่านั้น.
[๑๖๗๑] เมื่อใด นักเลงหญิงทั้งหลาย ขัดสีผิวกายบำรุงร่างกายให้อ้วนพี ไม่รู้
จักหาทรัพย์ ร่วมสังวาสกับหญิงหม้ายที่มีทรัพย์ ครั้นใช้สอยทรัพย์ของ
หญิงหม้ายนั้นหมดแล้ว ก็ทำลายมิตรภาพไปหาหญิงอื่นต่อไป เมื่อนั้น
สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินนักเลงหญิงเหล่านั้น.
[๑๖๗๒] เมื่อใด คนผู้มีมารยา ปกปิดโทษตน เปิดเผยโทษผู้อื่น คิดให้ทุกข์
ผู้อื่น มีอยู่ในโลก เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
จบ มหากัณหชาดกที่ ๖.
๗. โกสิยชาดก
๘. เมณฑกปัญหาชาดก
๙. มหาปทุมชาดก
๑๐. มิตตามิตตชาดก
ชนสันธชาดก(เหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน) และมหากัณหชาดก(ว่าด้วยคราวที่สุนัขดำกินคน)
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
ทวาทสนิบาตชาดก
๑. จุลลกุณาลชาดก
๒. ภัททสาลชาดก
๓. สมุททวาณิชชาดก
๔. กามชาดก
๕. ชนสันธชาดก
เหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
[๑๖๔๙] พระเจ้าชนสันธะได้ตรัสอย่างนี้ว่า เหตุที่จะทำให้จิตเดือดร้อนนั้นมีอยู่ ๑๐
ประการ บุคคลไม่กระทำเสียในกาลก่อนแล้ว ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง.
[๑๖๕๐] บุคคลเมื่อยังเป็นหนุ่ม ไม่ทำความพยายามยังทรัพย์ให้เกิดขึ้น ครั้นแก่ลง
หาทรัพย์ไม่ได้ ย่อมเดือดร้อนภายหลังว่า เมื่อก่อนเราไม่ได้แสวงหา
ทรัพย์ไว้.
[๑๖๕๑] ศิลปที่สมควรแก่ตน บุคคลใดไม่ได้ศึกษาไว้ในกาลก่อน บุคคลนั้นย่อม
เดือดร้อนในภายหลังว่า เราไม่ได้ศึกษาศิลปไว้ก่อน ผู้ไม่มีศิลปย่อมเลี้ยง
ชีพลำบาก.
[๑๖๕๒] ผู้ใดเป็นคนโกง ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราเป็นคนโกง
ส่อเสียด กินสินบน ดุร้าย หยาบคาย ในกาลก่อน.
[๑๖๕๓] ผู้ใดเป็นคนฆ่าสัตว์ ผู้นั้นย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราเป็นคนฆ่า
สัตว์ หยาบช้า ทุศีล ประพฤติต่ำช้า ปราศจากขันติ เมตตาและเอ็นดู
สัตว์ในกาลก่อน.
[๑๖๕๔] ผู้ใดคบชู้ในภรรยาผู้อื่น ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า หญิงที่ไม่มีใคร
หวงแหนมีอยู่เป็นอันมาก ไม่ควรที่เราจะคบหาภรรยาผู้อื่นเลย.
[๑๖๕๕] คนตระหนี่ ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เมื่อก่อน ข้าวและน้ำของเรามี
อยู่มากมาย เราก็มิได้ให้ทานเลย.
[๑๖๕๖] ผู้ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราสามารถพอที่จะ
เลี้ยงดูมารดาและบิดาผู้แก่เฒ่าชราได้ ก็มิได้เลี้ยงดูท่าน.
[๑๖๕๗] ผู้ไม่ทำตามโอวาทบิดา ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เราได้ดูหมิ่นบิดา
ผู้เป็นอาจารย์สั่งสอน ผู้นำรสที่ต้องการทุกอย่างมาเลี้ยงดู.
[๑๖๕๘] ผู้ไม่เข้าใกล้สมณพราหมณ์ ย่อมเดือดร้อนในภายหลังว่า เมื่อก่อน เรา
มิได้ไปมาหาสู่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีศีล เป็นพหูสูตเลย.
[๑๖๕๙] ผู้ใดไม่มีประพฤติสุจริตธรรม ไม่เข้าไปนั่งใกล้สัตบุรุษ ย่อมเดือดร้อน
ในภายหลังว่า สุจริตธรรมที่ประพฤติแล้ว และสัตบุรุษอันเราไปมาหาสู่
แล้ว ย่อมเป็นความดี แต่เมื่อก่อนนี้ เราไม่ได้ประพฤติสุจริตธรรมไว้เลย.
[๑๖๖๐] ผู้ใดย่อมปฏิบัติเหตุเหล่านี้โดยอุบายอันแยบคาย ผู้นั้นเมื่อกระทำกิจที่บุรุษ
ควรทำ ย่อมไม่เดือดร้อนใจในภายหลังเลย.
จบ ชนสันธชาดกที่ ๕.
๖. มหากัณหชาดก
ว่าด้วยคราวที่สุนัขดำกินคน
[๑๖๖๑] ดูกรท่านผู้มีความเพียร สุนัขตัวนี้ดำจริง ดุร้าย มีเขี้ยวขาว มีความร้อน
พุ่งออกจากเขี้ยวท่านผูกไว้ด้วยเชือกถึง ๕ เส้น สุนัขของท่านจะทำอะไร?
[๑๖๖๒] ดูกรพระเจ้าอุสินนระ สุนัขนี้มิได้มาเพื่อต้องการกินเนื้อ แต่มาเพื่อจะ
กินมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อใด จักมีมนุษย์ทำความพินาศให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย
เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้ก็จะหลุดไปกินมนุษย์.
[๑๖๖๓] เมื่อใด คนทั้งหลายผู้ปฏิญาณตนว่า เป็นสมณะมีบาตรในมือ ศีรษะโล้น
คลุมผ้าสังฆาฏิ จักทำไร่ไถนาเลี้ยงชีพ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้ก็จะหลุด
ไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๖๔] เมื่อใด จักมีหญิงผู้ปฏิญาณตนว่า มีตบะ บวชมีศีรษะโล้น คลุมผ้าสังฆาฏิ
เที่ยวบริโภคกามคุณอยู่ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินหญิงเหล่านั้น.
[๑๖๖๕] เมื่อใด ชฎิลทั้งหลายมีหนวดอันยาว มีฟันเขลอะ มีศีรษะเกลือกกลั้ว
ด้วยธุลี เที่ยวภิกขาจาร รวบรวมทรัพย์ไว้ให้เขากู้ ชื่นชมยินดีด้วย
ดอกเบี้ยเลี้ยงชีพ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินชฎิลเหล่านั้น.
[๑๖๖๖] เมื่อใด พราหมณ์ทั้งหลายเรียนเวทคือสาวิตติศาสตร์ ยัญญวิธี และ
ยัญญสูตรแล้วรับจ้างบูชายัญ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินพราหมณ์
เหล่านั้น.
[๑๖๖๗] เมื่อใด ผู้มีกำลังสามารถจะเลี้ยงดูมารดาบิดาได้ แต่ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา
ผู้แก่เฒ่าชรา เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๖๘] อนึ่ง เมื่อใด ชนทั้งหลายจักกล่าวดูหมิ่นมารดาบิดาผู้แก่เฒ่าชราว่า เป็น
คนโง่เง่า เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๖๙] อนึ่ง เมื่อใด คนในโลกจักคบหาภรรยาของอาจารย์ ภรรยาเพื่อน ป้า
และน้าเป็นภรรยา เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
[๑๖๗๐] เมื่อใด พวกพราหมณ์จักถือโล่ห์และดาบเหน็บกระบี่ คอยดักอยู่ที่ทาง
ฆ่าคนชิงเอาทรัพย์ เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินพราหมณ์เหล่านั้น.
[๑๖๗๑] เมื่อใด นักเลงหญิงทั้งหลาย ขัดสีผิวกายบำรุงร่างกายให้อ้วนพี ไม่รู้
จักหาทรัพย์ ร่วมสังวาสกับหญิงหม้ายที่มีทรัพย์ ครั้นใช้สอยทรัพย์ของ
หญิงหม้ายนั้นหมดแล้ว ก็ทำลายมิตรภาพไปหาหญิงอื่นต่อไป เมื่อนั้น
สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินนักเลงหญิงเหล่านั้น.
[๑๖๗๒] เมื่อใด คนผู้มีมารยา ปกปิดโทษตน เปิดเผยโทษผู้อื่น คิดให้ทุกข์
ผู้อื่น มีอยู่ในโลก เมื่อนั้น สุนัขดำตัวนี้จะหลุดไปกินคนเหล่านั้น.
จบ มหากัณหชาดกที่ ๖.
๗. โกสิยชาดก
๘. เมณฑกปัญหาชาดก
๙. มหาปทุมชาดก
๑๐. มิตตามิตตชาดก