พุทธวจน
ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด
ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
ชนเหล่านั้น อัน
คนทั้งหลาย
พึงเข้าใจเถิดว่า เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ
แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจ
ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะ
หรือพราหมณ์ก็ตาม ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่
มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่
เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
นั้นอยู่; ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลาย
พึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า
เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ
ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.
ปิยชาติกสูตร
ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าโสกะปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก
คฤหบดี ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัสและอุปายาส ย่อม
เกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักนั้น
จักเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ความจริง ความยินดีและความโสมนัส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก.
ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้น ไม่ยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจาก
ที่นั่งแล้วหลีกไป.
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็น
มาแต่ของที่รักอย่างไร
ท่านพึงทราบโดยปริยายนี้.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล มารดาของหญิง
คนหนึ่งได้ทำกาละ.
เพราะการทำกาละของมารดานั้น หญิงคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตาม
ถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของฉันบ้างไหม
ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของฉันบ้างไหม.?
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล บิดาของหญิงคนหนึ่งได้ทำกาละ ...
พี่น้องชาย พี่น้องหญิง บุตร ธิดา บิดาของหญิงคนหนึ่งได้ทำกาละ.
เพราะการทำกาละของบิดาเป็นต้นนั้น หญิงคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก
แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลายได้พบบิดา
เป็นต้นของฉันบ้างไหม?
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส
ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้แล.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล มารดาของชาย
คนหนึ่งได้ทำกาละลง.
เพราะการทำกาละของมารดานั้น ชายคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไป
ตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของ
ข้าพเจ้าบ้างไหม ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของข้าพเจ้าบ้างไหม.
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่าน
พึงทราบโดยปริยายแม้นี้.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล บิดาของ
ชายคนหนึ่งได้ทำกาละ ... พี่น้องชาย พี่น้องหญิง บุตร ธิดา บิดาของชายคนหนึ่งทำกาละ.
เพราะการทำกาละของบิดาเป็นต้นนั้น ชายคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตามถนนทุกถนน
ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของข้าพเจ้าบ้างไหม
ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของข้าพเจ้าบ้างไหม?
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงทราบ
โดยปริยายแม้นี้.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล หญิงคนหนึ่งได้ไป
ยังสกุลของญาติ. พวกญาติของหญิงนั้น ใคร่จะพรากสามีของหญิงนั้น แล้วยกหญิงนั้นให้แก่
ชายอื่น แต่หญิงนั้นไม่ปรารถนาชายคนนั้น. ครั้งนั้นแล หญิงนั้นได้บอกกะสามีว่า ข้าแต่ลูกเจ้า
พวกญาติของดิฉันใคร่จะพรากท่านเสีย แล้วยกดิฉันให้แก่ชายอื่น แต่ดิฉันไม่ปรารถนาชายคนนั้น.
ครั้งนั้นแล บุรุษผู้เป็นสามีได้ตัดหญิงผู้เป็นภรรยานั้นออกเป็นสองท่อน แล้วจึงผ่าตนด้วย
ความรักว่า เราทั้งสองจักตายไปด้วยกัน.
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงโปรดทราบโดยปริยายแม้นี้.
ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยปริยายอย่างนี้ เมื่อเราแสดงธรรมโดยปริยายอย่างนี้
แล้ว
ชนเหล่าใดจักไม่สำคัญตาม จักไม่รู้ตาม จักไม่บันเทิงตาม ซึ่งคำที่เรา
กล่าวดีแล้ว เจรจาดีแล้ว แก่กันและกัน เหตุนี้จักเป็นอันชนเหล่านั้นพึงหวังได้
คือ
ชนเหล่านั้นจักเกิดความบาดหมางกัน จักเกิดความทะเลาะกัน วิวาทกัน
จักทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันเราแสดง
แล้วโดยปริยายอย่างนี้ เมื่อธรรมอันเราแสดงแล้วโดยปริยายอย่างนี้มีอยู่
ชนเหล่าใดจักสำคัญตาม จักรู้ตาม จักบันเทิงตาม ซึ่งคำที่เรากล่าวดีแล้ว เจรจา
ดีแล้ว แก่กันและกัน เหตุนี้อันชนเหล่านั้นพึงหวังได้ คือ
พวกเขาจักพร้อมเพรียงกัน จักชื่นบานต่อกัน จักไม่วิวาทกัน จักเป็นดุจน้ำเจือด้วยน้ำนม จักมองกัน
และกันด้วยจักษุอันเปี่ยมด้วยความรักอยู่ ฯ
พุทธวจน มหาปรินิพพาน
อานนท์ ! นั่น ต้องเป็นอย่างนั้น; คือ
ความชรามี (ซ่อน) อยู่ในความหนุ่ม,
ความเจ็บไข้มี (ซ่อน) อยู่ในความไม่มีโรค,
ความตายมี (ซ่อน) อยู่ในชีวิต
พุทธวจน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
เหตุแห่งทุกข์ คือตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วย
ความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน(นันทิ) มีปกติเพลิดเพลิน(นันทิ)ในอารมณ์นั้นๆ
คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา.
เปิดธรรมที่ถูกปิด ทุกข์ ย่อมเกิดแต่ของที่รัก ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ พึงเข้าใจอย่างไร
ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
ชนเหล่านั้น อัน
คนทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ
แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจ
ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะ
หรือพราหมณ์ก็ตาม ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่
มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่
เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
นั้นอยู่; ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลาย
พึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ
ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.
ปิยชาติกสูตร
ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าโสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก
คฤหบดี ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัสและอุปายาส ย่อม
เกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักนั้น จักเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ความจริง ความยินดีและความโสมนัส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก.
ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้น ไม่ยินดี พระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจาก
ที่นั่งแล้วหลีกไป.
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็น
มาแต่ของที่รักอย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายนี้.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล มารดาของหญิง
คนหนึ่งได้ทำกาละ. เพราะการทำกาละของมารดานั้น หญิงคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตาม
ถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของฉันบ้างไหม
ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของฉันบ้างไหม.?
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล บิดาของหญิงคนหนึ่งได้ทำกาละ ...
พี่น้องชาย พี่น้องหญิง บุตร ธิดา บิดาของหญิงคนหนึ่งได้ทำกาละ.
เพราะการทำกาละของบิดาเป็นต้นนั้น หญิงคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก
แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลายได้พบบิดา
เป็นต้นของฉันบ้างไหม?
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส
ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้แล.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล มารดาของชาย
คนหนึ่งได้ทำกาละลง. เพราะการทำกาละของมารดานั้น ชายคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไป
ตามถนนทุกถนน ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของ
ข้าพเจ้าบ้างไหม ท่านทั้งหลายได้พบมารดาของข้าพเจ้าบ้างไหม.
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักอย่างไร ท่าน
พึงทราบโดยปริยายแม้นี้.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล บิดาของ
ชายคนหนึ่งได้ทำกาละ ... พี่น้องชาย พี่น้องหญิง บุตร ธิดา บิดาของชายคนหนึ่งทำกาละ.
เพราะการทำกาละของบิดาเป็นต้นนั้น ชายคนนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน เข้าไปตามถนนทุกถนน
ตามตรอกทุกตรอก แล้วได้ถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของข้าพเจ้าบ้างไหม
ท่านทั้งหลายได้พบบิดาเป็นต้นของข้าพเจ้าบ้างไหม?
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงทราบ
โดยปริยายแม้นี้.
ดูกรพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครสาวัตถีนี้แล หญิงคนหนึ่งได้ไป
ยังสกุลของญาติ. พวกญาติของหญิงนั้น ใคร่จะพรากสามีของหญิงนั้น แล้วยกหญิงนั้นให้แก่
ชายอื่น แต่หญิงนั้นไม่ปรารถนาชายคนนั้น. ครั้งนั้นแล หญิงนั้นได้บอกกะสามีว่า ข้าแต่ลูกเจ้า
พวกญาติของดิฉันใคร่จะพรากท่านเสีย แล้วยกดิฉันให้แก่ชายอื่น แต่ดิฉันไม่ปรารถนาชายคนนั้น.
ครั้งนั้นแล บุรุษผู้เป็นสามีได้ตัดหญิงผู้เป็นภรรยานั้นออกเป็นสองท่อน แล้วจึงผ่าตนด้วย
ความรักว่า เราทั้งสองจักตายไปด้วยกัน.
ดูกรพราหมณ์ ข้อว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก อย่างไร ท่านพึงโปรดทราบโดยปริยายแม้นี้.
ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยปริยายอย่างนี้ เมื่อเราแสดงธรรมโดยปริยายอย่างนี้
แล้ว ชนเหล่าใดจักไม่สำคัญตาม จักไม่รู้ตาม จักไม่บันเทิงตาม ซึ่งคำที่เรา
กล่าวดีแล้ว เจรจาดีแล้ว แก่กันและกัน เหตุนี้จักเป็นอันชนเหล่านั้นพึงหวังได้
คือ ชนเหล่านั้นจักเกิดความบาดหมางกัน จักเกิดความทะเลาะกัน วิวาทกัน
จักทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันเราแสดง
แล้วโดยปริยายอย่างนี้ เมื่อธรรมอันเราแสดงแล้วโดยปริยายอย่างนี้มีอยู่
ชนเหล่าใดจักสำคัญตาม จักรู้ตาม จักบันเทิงตาม ซึ่งคำที่เรากล่าวดีแล้ว เจรจา
ดีแล้ว แก่กันและกัน เหตุนี้อันชนเหล่านั้นพึงหวังได้ คือ
พวกเขาจักพร้อมเพรียงกัน จักชื่นบานต่อกัน จักไม่วิวาทกัน จักเป็นดุจน้ำเจือด้วยน้ำนม จักมองกัน
และกันด้วยจักษุอันเปี่ยมด้วยความรักอยู่ ฯ
พุทธวจน มหาปรินิพพาน
อานนท์ ! นั่น ต้องเป็นอย่างนั้น; คือ
ความชรามี (ซ่อน) อยู่ในความหนุ่ม,
ความเจ็บไข้มี (ซ่อน) อยู่ในความไม่มีโรค,
ความตายมี (ซ่อน) อยู่ในชีวิต
พุทธวจน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
เหตุแห่งทุกข์ คือตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน(นันทิ) มีปกติเพลิดเพลิน(นันทิ)ในอารมณ์นั้นๆ
คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา.