ติดตามเรื่องท่องเที่ยว ชิวๆ แบบเพื่อนพาไปเที่ยว
Never Ending Wanderlust
Facebook :
https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram :
https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/
Youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
บึงกาฬ ในวันชุ่มฉ่ำ(แฉะ) ตอน 1
https://ppantip.com/topic/37915272
29 กรกฎาคม 2016 / 29 July 2016
การเดินทางวันสุดท้ายก็มาถึง เร็วจริงๆ วันนี้เรายังใช้บริการรถสามล้อเจ้าเดิมเพื่อไปที่หินสามวาฬ ในราคา700 บาท หลังจากที่ผิดหวังไปเมื่อวานที่เขาปิดไม่ให้เข้าชมเนื่องจากฝนตก เกรงจะเป็นอันตราย วันนี้ฝนยังตกเหมือนเคยแต่เราแวะซื้อเสื้อกันฝนก่อนออกจากตัวเมืองทันที หลังจากได้รับบทเรียนอันแสนฉ่ำแฉะเมื่อวาน ฮาๆๆ
หินสามวาฬห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 27 ก.ม. อยู่ในเขตภูสิงห์ ซึ่งในภูสิงห์มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่ในนั้น รวมถึงหินสามวาฬด้วย ป้ายบอกทางยังไม่ค่อยชัดเจนเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ เมื่อไปถึงทางเข้า เราจะต้องๆไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ก่อน เราสามารถเดินขึ้นไปชมจุดต่างๆได้ แต่วันนั้นฝนตก ถนนเละ แถมเวลาไม่พอเพราะเราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯเย็นวันนั้น จึงใช้บริการรถนำเที่ยวจากทางเจ้าหน้าที่ วันนั้นเขาเปิดให้เยี่ยมชมได้แค่บางจุดเท่านั้น เพราะบางจุดเป็นทางชัน ถนนลื่น ไม่ปลอดภัย เราได้ไปแค่ 3 จุดเท่านั้น ได้แก่ เขาหัวช้าง หินสามวาฬ และกำแพงภูสิงห์
เราไปเจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึงจำนวน 4 คน เขาเลยชวนให้เราแชร์รถกันเพราะเขาคิดเป็นคัน คันละ 500 บาท บวกกลุ่มเราอีก 3 คน เป็นทั้งหมด 7 คน
รถที่เราได้เป็นรถกระบะแบบเปิดโล่ง ไม่มีหลังคา รถไต่ไปตามทางถนนที่ค่อนข้างจะเละเพราะฝนตก มีหลุมบ่อพอให้เราหัวคลอนได้บางช่วง ระหว่างทางเราเจอกับชาวบ้านจำนวนมากมายที่เข้ามาหาหน่อไม้เพื่อเอาไปขาย
จุดแรกที่เราแวะคือเขาหัวช้าง เขาลูกเล็กๆที่มีลักษณะเหมือนหัวของช้าง ซึ่งผมกับเพื่อนๆก็พยายามจินตนาการให้เป็นหัวของช้าง แต่ก็มองไม่ค่อยจะออก ฮาๆๆ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ บางคนอาจจะบอกว่าเหมือนก็ได้
เราเดินทางต่อ ไต่เขาขึ้นไปยังจุดต่อไป ไฮไลท์ของภูสิงห์ นั่นคือหินสามวาฬ หินยักษ์สามแท่งที่มีลักษณะเหมือนวาฬที่นอนพาดไปกับหน้าผา เหมือนครอบครัววาฬ 3 ตัว พ่อแม่ลูก บนนั้นสามารถมองเห็นวิวสุดลูกหูลูกตาของบึงกาฬ แต่วันที่เราไปฝนตก ก็ชมหมอกไปจ้า ฮาๆๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ
เราถ่ายรูปกันได้ไม่เยอะมาก เพราะกล้องใหญ่ที่ผมเอาไปเอาออกมาถ่ายไม่ได้เลย ฝนตกตลอด เลยได้ภาพจากกล้อง Action Camera เท่านั้นที่กันน้ำได้ ถ้าทริปนี้ไม่ได้เอากล้องตัวนี้มา คงแทบจะไม่มีรูปเลยแน่ๆ
เสร็จจากนั้นเราก็กลับมาที่รถและไปยังจุดสุดท้าย นั่นคือกำแพงภูสิงห์ กำแพงหินที่มีลวดลายสวยงามเหมือนก้อนหินที่เอามาวางซ้อนกันเป็นกำแพง รอบนี้เราได้เจอกับพี่ๆอีกสองกลุ่มที่มาเที่ยว และได้พูดคุยกันถูกคอ ถ่ายภาพร่วมกัน ได้มิตรภาพฟรีๆมาอีกเพียบเลยทริปนี้
พอเสร็จเราก็นั่งรถกลับไปยังจุดลงทะเบียนที่เดิม และนั่งรถสามล้อเข้าเมืองเพื่อหาข้าวกลางวันกินกัน และไปท่ารถเพื่อขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ รถรอบเวลา 15.30 การจราจรขากลับไปยังกรุงเทพฯลื่นไหลดี เพราะคนส่วนใหญ่จะกลับวันที่ 30 กัน เราถึงหมอชิตในตอนเช้า เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ทริปวันหยุดยาวอันแสนสั้นที่แสนประทับใจ ถึงฝนจะตกทุกวัน ทั้งวัน แต่สิ่งที่ได้มันมากกว่านั้น มิตรภาพ รสชาติการเดินทาง มันหาซื้อไม่ได้ถ้าคุณไม่ออกไปทำอะไรเลย
ออกไปค้นหารสชาติแห่งการเดินทางเถอะ แล้วคุณจะหลงรักมัน
ขอบคุณครับ
บึงกาฬ ในวันที่ชุ่ม(แฉะ) ตอน 2 หินสามวาฬ
Never Ending Wanderlust
Facebook : https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram : https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
บึงกาฬ ในวันชุ่มฉ่ำ(แฉะ) ตอน 1 https://ppantip.com/topic/37915272
29 กรกฎาคม 2016 / 29 July 2016
การเดินทางวันสุดท้ายก็มาถึง เร็วจริงๆ วันนี้เรายังใช้บริการรถสามล้อเจ้าเดิมเพื่อไปที่หินสามวาฬ ในราคา700 บาท หลังจากที่ผิดหวังไปเมื่อวานที่เขาปิดไม่ให้เข้าชมเนื่องจากฝนตก เกรงจะเป็นอันตราย วันนี้ฝนยังตกเหมือนเคยแต่เราแวะซื้อเสื้อกันฝนก่อนออกจากตัวเมืองทันที หลังจากได้รับบทเรียนอันแสนฉ่ำแฉะเมื่อวาน ฮาๆๆ
หินสามวาฬห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 27 ก.ม. อยู่ในเขตภูสิงห์ ซึ่งในภูสิงห์มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่ในนั้น รวมถึงหินสามวาฬด้วย ป้ายบอกทางยังไม่ค่อยชัดเจนเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ เมื่อไปถึงทางเข้า เราจะต้องๆไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ก่อน เราสามารถเดินขึ้นไปชมจุดต่างๆได้ แต่วันนั้นฝนตก ถนนเละ แถมเวลาไม่พอเพราะเราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯเย็นวันนั้น จึงใช้บริการรถนำเที่ยวจากทางเจ้าหน้าที่ วันนั้นเขาเปิดให้เยี่ยมชมได้แค่บางจุดเท่านั้น เพราะบางจุดเป็นทางชัน ถนนลื่น ไม่ปลอดภัย เราได้ไปแค่ 3 จุดเท่านั้น ได้แก่ เขาหัวช้าง หินสามวาฬ และกำแพงภูสิงห์
เราไปเจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึงจำนวน 4 คน เขาเลยชวนให้เราแชร์รถกันเพราะเขาคิดเป็นคัน คันละ 500 บาท บวกกลุ่มเราอีก 3 คน เป็นทั้งหมด 7 คน
รถที่เราได้เป็นรถกระบะแบบเปิดโล่ง ไม่มีหลังคา รถไต่ไปตามทางถนนที่ค่อนข้างจะเละเพราะฝนตก มีหลุมบ่อพอให้เราหัวคลอนได้บางช่วง ระหว่างทางเราเจอกับชาวบ้านจำนวนมากมายที่เข้ามาหาหน่อไม้เพื่อเอาไปขาย
จุดแรกที่เราแวะคือเขาหัวช้าง เขาลูกเล็กๆที่มีลักษณะเหมือนหัวของช้าง ซึ่งผมกับเพื่อนๆก็พยายามจินตนาการให้เป็นหัวของช้าง แต่ก็มองไม่ค่อยจะออก ฮาๆๆ อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ บางคนอาจจะบอกว่าเหมือนก็ได้
เราเดินทางต่อ ไต่เขาขึ้นไปยังจุดต่อไป ไฮไลท์ของภูสิงห์ นั่นคือหินสามวาฬ หินยักษ์สามแท่งที่มีลักษณะเหมือนวาฬที่นอนพาดไปกับหน้าผา เหมือนครอบครัววาฬ 3 ตัว พ่อแม่ลูก บนนั้นสามารถมองเห็นวิวสุดลูกหูลูกตาของบึงกาฬ แต่วันที่เราไปฝนตก ก็ชมหมอกไปจ้า ฮาๆๆ แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ
เราถ่ายรูปกันได้ไม่เยอะมาก เพราะกล้องใหญ่ที่ผมเอาไปเอาออกมาถ่ายไม่ได้เลย ฝนตกตลอด เลยได้ภาพจากกล้อง Action Camera เท่านั้นที่กันน้ำได้ ถ้าทริปนี้ไม่ได้เอากล้องตัวนี้มา คงแทบจะไม่มีรูปเลยแน่ๆ
เสร็จจากนั้นเราก็กลับมาที่รถและไปยังจุดสุดท้าย นั่นคือกำแพงภูสิงห์ กำแพงหินที่มีลวดลายสวยงามเหมือนก้อนหินที่เอามาวางซ้อนกันเป็นกำแพง รอบนี้เราได้เจอกับพี่ๆอีกสองกลุ่มที่มาเที่ยว และได้พูดคุยกันถูกคอ ถ่ายภาพร่วมกัน ได้มิตรภาพฟรีๆมาอีกเพียบเลยทริปนี้
พอเสร็จเราก็นั่งรถกลับไปยังจุดลงทะเบียนที่เดิม และนั่งรถสามล้อเข้าเมืองเพื่อหาข้าวกลางวันกินกัน และไปท่ารถเพื่อขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ รถรอบเวลา 15.30 การจราจรขากลับไปยังกรุงเทพฯลื่นไหลดี เพราะคนส่วนใหญ่จะกลับวันที่ 30 กัน เราถึงหมอชิตในตอนเช้า เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ทริปวันหยุดยาวอันแสนสั้นที่แสนประทับใจ ถึงฝนจะตกทุกวัน ทั้งวัน แต่สิ่งที่ได้มันมากกว่านั้น มิตรภาพ รสชาติการเดินทาง มันหาซื้อไม่ได้ถ้าคุณไม่ออกไปทำอะไรเลย
ออกไปค้นหารสชาติแห่งการเดินทางเถอะ แล้วคุณจะหลงรักมัน
ขอบคุณครับ