นิยายแฟนตาซีแนวซีเรียส TOO MUCH PASSION ความอยากที่มากเกินไป [บทนำ]

ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

นี่เป็นเรื่องราวแบบเกินพอดีที่นำโดยมอเร่ ชาม ฮาล์ฟเอลฟ์ซึ่งเป็นนักเขียนที่เคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน
เขาดังพอตัวเลยแหละ สำหรับการเปิดตัวนิยายเรื่องแรก แต่เรื่องที่สองกลับแป้กซะงั้น จนสัญญาที่ทำกับสำนักพิมพ์ใกล้จะหมดแล้ว
อ้าว แล้วเขาจะทำอย่างไรละ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้าง เอ๊ะ เรื่องมันจะเกินไปแล้ว

เชิญคุณติดตามได้เลย
* คำเตือน นี่เป็นผลงานสำหรับผู้อ่านที่มีอายุอย่างน้อย 15 ปี อย่าหาว่าผู้เขียนไม่เตือน

จากนรินฺโท (ผู้เขียน)

บทนำ

              ตูม เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดกินบริเวณเป็นวงกว้าง รถคันที่เป็นเป้าหมายของการระเบิดถึงกับกระเด็นกระดอนไปหลายตลบ มันครูดกับพื้นถนนจนเห็นได้เป็นทางยาวและไปกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างทางอย่างรุนแรง สะเก็ดไฟกระจายไปทั่วภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน ทำให้เห็นซากรถที่พลิกคว่ำได้อย่างชัดเจน
              ตึง ๆ โครม ประตูรถถูกกระแทกออก มีเงาคนซึ่งพยายามตะเกียดตะกายออกจากซากรถอย่างอ่อนล้า ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด ปาฏิหาริย์มากที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่คลานออกมา เขาก็พยายามดึงเอาบางสิ่งออกจากซากรถมาด้วย เท่าที่มีแรงจะทำได้ มือขวาของเขาลากเอากระเป๋าโลหะโดยไม่ยอมปล่อย
              พอออกจากซากรถได้ เขาก็พยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ล้มลง ลองอยู่อีกสองสามทีแต่ก็ล้มลงอีกครั้งอย่างหมดท่า มันแสดงให้เห็นถึงความหนักหนาสาหัสของอาการบาดเจ็บที่ได้รับ เขาถอนใจและได้แต่นั่งพิงซากรถอยู่อย่างนั้น  ถึงแม้ความร้อนจากเปลวไฟจะร้อนจนแทบทนไม่ไหว แต่เขาก็ต้องทน
              “แค่ก ๆ” สำลักควันออกมาอย่างทนไม่ไหว
              เครื่องแบบที่เป็นสีขาวทั้งเสื้อและกางเกงเปรอะเปี้อนไปด้วยคราบเลือด เขม่าและเศษดิน เขาหอบหายใจช้า ๆ แล้วหันไปมองสภาพรอบตัว ทัศนะวิสัยของเขายังคงพร่ามัวไม่ชัดเจน แต่ก็พอรู้ว่ามีชายอีกคนกำลังเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ เมื่อการมองเห็นเริ่มฟื้นคืน ม่านตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น อึ้งอยู่พักหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนล้าว่า
              “เป็นแกเอง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นแก”
              เขาหัวเราะอย่างน่าสมเพศในความโง่เขลาของตัวเอง ชายอีกคนที่เดินเข้ามาได้หยุดลง เขาเป็นชายผิวสองสีซึ่งหาได้ยากในเมืองนี้ รอยยิ้มที่แสดงออกมาโชว์ให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเอง จากนั้นใช้มือซึ่งสวมถุงมือชักปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทและใส่ที่เก็บเสียงอย่างไม่รีบร้อน เขายิ้มแล้วพูดออกมาว่า
              “เป็นฉันเอง โทมัส เพื่อนยาก แกคงนึกไม่ถึงซินะ ฉันแปลกใจนะ ที่แกยังไม่ตาย ดูซิ ฉันเตรียมระเบิดมาแรงซะขนาดนี้ แกก็ยังไม่ตายอีก นับถือเลยวะ แกมันดวงแข็งจริง ๆ”
              “ดูทำหน้าเข้าซิ เพื่อนเอย อยากให้แกมองเห็นใบหน้าของแกเองจริง ๆ ฮา ๆ ดูไม่ได้เลย ... บ่อยครั้งที่ฉันสงสัยว่าแกทำมันได้ยังไง นี่คิดว่าจะถูกยกโทษให้หรือ ฝันไปเถอะ”
              “แกมันไม่ใช่คน แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง แกมัน” โทมัสด่าอย่างโมโห แต่กลับถูกขัดจังหวะซะก่อน
              “พอเถอะ เพื่อน มันจบไปแล้ว” ชายอีกคนพูดแทรกขึ้น
              “จริง ๆ แล้ว แกน่าจะตายไปกับแรงระเบิดนะ ฉันคิดว่าแกคงมีความสุขมากกว่า บางครั้งความจริงมันก็เจ็บปวด ไม่รู้ซะเลย ยังจะดีกว่า รู้ไหม ตั้งแต่ต้นจนจบฉันไม่เคยแสดงตัวเลยว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อให้แกเชื่ออย่างนั้น จริง ๆ นะ ฉันว่าฉันทำได้ดีทีเดียวเลยล่ะ หึ ๆ ฉันถึงกับต้องเดินทางไปถึงที่นั่น เพื่อทำให้แกคิดว่าฉันมีวัตถุประสงค์อื่น ฮา ๆ มันเป็นสิ่งที่แกคิดไปเองทั้งนั้น”
              เขาหันไปมองดูกระเป๋าโลหะอย่างพินิจพิจารณา แล้วทำหน้ารับไม่ได้และบ่นพึมพำว่า
              “มันยังอยู่ ชิ ของแบบนี้ น่าจะถูกทำลายไปซะ”
              ดูซิ เขาอุตสาห์ขัดคำสั่งขององค์กรเพื่อที่จะทำลายมัน ถึงกับออกเงินส่วนตัวไปจัดเตรียมระเบิดรุ่นพิเศษแบบลับ ๆ โดยไม่ให้องค์กรรู้ แต่ทำไปถึงขนาดนั้น มันก็ยังอยู่ดีอยู่เลย บัดซบ เขาปรับอารมณ์แล้วหันกลับไปคุยกับโทมัสต่อ
              “เอาละ มาทำให้เรื่องนี้จบกันเถอะ โทมัส พูดจริง ๆ นะ ฉันไม่ได้เกลียดแกหรอก แต่ก็ไม่ได้ชอบแกเหมือนกัน โชคดีนะ เพื่อนเอ๋ย”
              เขาเล็งปืนไปที่หน้าผากของโทมัส ขณะที่กำลังจะเหนี่ยวไก ฝนก็เริ่มตก เม็ดฝนตกลงมาโดนใบหน้าของเขาซึ่งทำให้เขาชะงักแล้วยิ้มอย่างร่าเริงและพูดว่า
              “ดูเหมือนว่าฟ้าจะเสียใจกับแกนะ เอาเถอะ อย่างน้อย ฝนก็ช่วยลบร่องรอยของฉันได้”
              เขาเหนี่ยวไกสองนัดไปที่หน้าผากของโทมัส มันส่งผลให้ร่างของโทมัสล้มลงทันทีเหมือนหุ่นกระบอกที่สายเชิดขาด เขามองร่างที่ทรุดตัวลงแล้วบ่นพึมพำว่า
              “อา เสร็จเสียที เรื่องแบบนี้ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว”
              เขาเก็บปลอกกระสุนใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ จากนั้นก็เดินไปที่ศพของโทมัสซึ่งล้มคว้าอยู่เพื่อหยิบกระเป๋าโลหะ เขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก สำรวจสภาพของมันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อเช็คดูจนมั่นใจแล้วว่ามันปลอดภัย เขาก็คุกเข่าลงและเปิดกระเป๋าดูเพื่อให้แน่ใจ
              (ไม่อยากให้มันผิดพลาด ถึงจะกลัวตายก็เถอะ) เขาคิดในใจ
              ได้แล้ว เฮ้อ เขาถอนใจอย่างโล่งอก ฝนเริ่มตกหนักแล้ว เม็ดฝนที่ตกลงมาเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น ดูท่าจะเป็นฝนห่าใหญ่ รีบไปดีกว่า แต่ในขณะที่เขากำลังกลับตัวเพื่อเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ใกล้ ๆ เขาก็ถูกหยุดลงอย่างกะทันหันซะก่อน เพราะมีมือข้างหนึ่งมาจับแขนขวาของเขาไว้จากด้านหลังและรั้งอย่างแรง เอ๊ะ เขาถึงกับโดนดึงถอยไปข้างหลัง
              “อะไรวะ” เขาตกใจและเมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่า ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่