สิ่งที่เรียนรู้จากนัมจุน

กระทู้คำถาม
เราตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายให้นัมจุนดู ก็เลยว่าจะเอามาเขียนนี้ด้วยแล้วกันนะคะ
1.เรื่องตัวตนและความฝัน
  ในวงการไอดอลจริงๆแล้ว ตอนแรกที่เดนัมจุนค่อนข้างรู้ดีว่าต้องเจอกับอะไรบ้างเพราะถ้าพูดตามจริงก็ทั้งรูปร่างและหน้าตาเป็นสิ่งสำคัญในวงการนี้จริงๆ ซึ่งหลังจากเดมาแล้วเราก็ลองไปอ่านฟีดแบคดูว่าเป็นยังไงบ้างและก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ สิ่งที่เราคิดก็คงไม่พ้นว่านัมจุนจะรับมือกับเรื่องที่ยากขนาดนี้ยังไง แต่ก่อนนัมจุนก็ได้แสดงตัวตนผ่านเพลงที่พยายามแรงๆ ต่อสู้กับแอนตี้ แต่นั่นแหละคอมเมนต์ที่คนพิมพ์ไม่กี่วิแต่คนที่อ่านมันจะต้องเจอมันไม่ง่ายเลย เพลงAlwaysหรือแม้แต่Mixtabeที่นัมจุนได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านเพลง ยิ่งทำให้เราคิดว่าถ้าคนเราตัดสินกันแบบนี้ก็คงไม่ได้เห็นว่านัมจุนเองก็เป็นคนที่เก่งในด้านดนตรีขนาดไหน จริงๆแล้วไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่ควรได้รับความเกลียดชังจากเรื่องเหล่านี้เพราะมันคือรสนิยม ที่ไม่ควรเอามากลบตัวตนอันลิมิเตดอิดิชั่นว่าเราสามารถทำอะไรได้อีกมากขนาดไหน
2.Passionในการทำงาน
  จริงๆแล้วทั้งนัมจุนและบังทันเองก็ยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำมีทั้ง "สิ่งที่ต้องทำและสิ่งที่อยากทำ" ทุกครั้งที่เราได้เห็นนัมจุนมาเล่าถึงการทำงานเพลงทั้งเสียงเจื้อยแจ้ว แววตาเป็นประกายทุกครั้งที่ได้พูดเรื่องงานก็รับรู้ได้ว่าทำด้วยความจริงใจขนาดไหน ยิ่งทำให้เราคิดและหันมาบอกตัวเองด้วยความรู้สึกแบบนั้นบ้างก็คงจะดี ทั้งเบื้องหลังใน Burn The Stageที่นัมจุนเจ็บแต่พอออกมาหน้าเวทีก็มอบความเต็มที่ให้กับแฟนๆ หรือแม้แต่ตอนที่พี่จินกับแทฮยองคุยกันไม่ลงตัวก่อนจะเริ่มคอนนั้น สิ่งที่นัมจุนพูดคือให้นึกถึงแฟนๆที่เขาตั้งใจซื้อบัตรและรอชมงานแสดงของเราให้ทำงานแบบProfessionalด้วย เรามองว่านัมจุนทุ่มเทให้กับสิ่งที่ทำมากๆจนเราเองก็อยากเตือนตัวเองในเวลาหมดไฟเหมือนกัน ว่าเราควรจัดการตัวเองยังไงให้ดี
3.การให้เกียรติผู้อื่นและเรื่องเพศ
  มีครั้งนึงที่นัมจุนพูดเรื่องการให้เกียรติผู้หญิงขึ้นมา(เป็นเรื่องของรุ่นพี่ในวงการที่มาเล่าเรื่องนัมจุนอีกที) ว่าเขาค่อนข้างไม่สบายใจที่จะแต่งเพลงดูถูกผู้หญิง ซึ่งในตอนนั้นเอ็มวีส่วนมากก็ชอบแสดงความRichและเสน่ห์ของตัวเองเพื่อให้ตัวเองดูเหนือ ดูเท่ก็ตาม ซึ่งจริงๆเราก็ไม่ชอบในฐานะผู้หญิงคนนึงแม้สังคมจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาบ้างก็ตาม อีกทั้งนัมจุนให้ความสนับสนุนเรื่องLGBTทั้งการสัมภาษณ์ หนังสือ ซัพพอร์ทงานหรือเรื่องอื่นๆด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์จำกัดความขึ้นมา ไม่ใช่ความแตกต่างเลยในฐานะของมนุษย์คนนึง ทุกๆคนแค่อยากเป็นในแบบตัวเองอยากเป็นแค่นั้นเอง
4.Love Yourself
  คอนเซ็ปที่บังทันทำนั้นมองถึงโลกของความเป็นจริงที่เรานั้นพบเจอจริงๆ ทั้งการฆ่าตัวตายหรือโรคซึมเศร้า ซึ่งเดี๋ยวนี้มีข่าวมาให้เห็นบ่อยมากขึ้น จริงๆสัมคมเราซ่อนเรื่องแบบนี้ไว้ใต้พรมของการใช้ชีวิต เลือกโฟกัสการมองไปข้างหน้าโดยไม่สนคนที่ก้าวช้ากว่าคนอื่น ทำให้โดนทอดทิ้งอย่างโดดเดี่ยว หรือแม้แต่บางทีการแย่งชิงอันดับหนึ่งและการได้รับการยอมรับจากสังคมมันดียังไง เรายังหาจุดที่มีแต่ความสุขที่คนพูดถึงกันไม่เจอ ความสับสนในการใช้ชีวิตที่ไม่เคยมีใครบอกหรือสอนแต่ต้องเผชิญด้วยตัวเอง ในเพลง Reflectionของนัมจุน "I wish I could love myself"เป็นประโยคที่บางทีเราลืมนึกไปแล้วจากการตีค่าของสังคมที่ถูกประเมินด้วยสิ่งต่างๆ ต่อให้เราต่อสู้กับสิ่งต่างๆมากมายแต่คู่ต่อสู้ของเราจริงๆคือคนที่สะท้อนอยู่ในกระจกที่เรามองอยู่ทุกวัน เราคาดหวังให้ใครมาพูดคำว่ารักให้เราได้ถ้าเราไม่มอบให้ตัวเองก่อน บางทีนั้นเราก็อย่าใจร้ายกับตัวเองมากไป และคุณก็เป็นคนนึงที่ควรค่าต่อการได้สิ่งที่ดีเช่นกัน ไม่เป็นไรหรอกช่างมันบ้างคุณก็เป็นมนุษย์คนนึงนี่นา

เราว่าเราโชคดีมากที่ได้มาเจอบังทัน ซึ่งก็หวังว่าทุกคนที่มาเป็นอาร์มี่ในตอนนี้ขอให้ได้แง่คิดดีๆจากบังทันไม่มากก็น้อย เราก็มองว่าบังทันประสบความสำเร็จในเส้นทางของเขาที่ตั้งใจทำเพลงมามอบให้ทุกคน เราก็จะตั้งใจรอคัมแบคครั้งใหม่อย่างดีเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่