ที่มา :
Wofbangtans
3 Album Solo Tracks by JUNG KOOK of BTS
ชีวิต เรื่องราว และย่างก้าวบนเส้นทางขวากหนามตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สู่ 3 บทเพลงแสนไพเราะ ตัวแทนแห่งตัวตนที่งดงามและแข็งแกร่งของ “ จองกุกแห่ง BTS ”
—
Begin
.
เด็กอายุ 15 ผู้ไร้เดียงสาที่ไม่มีอะไรเลย
“ โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ซะจนผมรู้สึกตัวเล็กลง
แต่ตอนนี้ผมได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว
รักนะครับ พี่ๆของผม ”
คุณทำให้ผมได้เริ่มต้น เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“ ถ้าหากจะยิ้ม เราจะยิ้มไปด้วยกัน ถ้าหากจะร้องไห้ เราก็จะร้องไห้ไปด้วยกัน
แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จักความเศร้าด้วยซ้ำ ไม่รู้จักความเศร้าในตัวเอง รู้เพียงว่าเมื่อเห็นพี่ๆร้องไห้ ผมก็รู้สึกจุกที่อกไปหมด
นั่นคือความเจ็บปวดเพียงหนึ่งเดียวของผม ”
Behind the song ‘Begin (2016)’
เรื่องราวความเจ็บปวดที่สวยงามและความรู้สึกขอบคุณจากจองกุกที่มีต่อเหล่าพี่ๆในวง ผนวกเข้ากับมุมมองของนัมจุนที่มีต่อ BTS ในช่วงเวลานั้น
‘Begin’ โซโล่แรกของจองกุก ความเศร้าและความเจ็บปวดในอดีต หลังจากสมาชิกทั้งเจ็ดคนได้พูดคุยและแบ่งปันเรื่องราวของกันและกัน
“ ความเจ็บปวดของพี่ๆ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า ”
เขาพูดว่าตัวเองเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่มีความเจ็บปวดอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อเห็นพี่ๆร้องไห้เขาก็เจ็บปวด
ในครั้งแรกจองกุกเขียนเพลงนี้ขึ้นด้วยตัวเอง แต่ด้วยความไม่มั่นใจจึงขอให้นัมจุนช่วย นัมจุนเขียนเพลง Begin ขึ้นมาโดยสวมบทบาทและใช้ความรู้สึกของจองกุกหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา
และเป็นครั้งแรกที่พี่ๆเห็นจองกุกร้องไห้หนักกว่าที่ผ่านมา
ความกังวล ความเจ็บปวด การเติบโต จุดเริ่มต้น ความมั่นใจ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กในวัยนี้จะพบเจอความเจ็บปวดหลาย ๆ รูปแบบ
หากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้พี่ๆเหนื่อยอีกแล้ว เขารู้สึกขอบคุณพี่ที่ทำงานหนัก คอยดูแลและช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่อง และได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองจากพี่ๆ
“ พวกเราเจ็ดคนกับโปรดิวเซอร์บังชีฮยอกเคยรวมตัวกันพูดคุยเรื่องสิ่งที่เคยเจ็บใจ ความเครียดสั่งสมมาตั้งแต่สมัยก่อน แล้วก็ร้องไห้ไปด้วยกันด้วยครับ ตอนนั้น RAP MONSTER ฮยองฟังเรื่องราวของผมแล้วเอาไปเขียนเป็นเนื้อเพลง ”
( สัมภาษณ์ WINGS Concept Book : JUNGKOOK
TH by @candyclover )
“สำหรับ Begin ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของบังทันในตอนนี้” — นัมจุน
(Vlive 20/10/2016: WINGS behind story by RM )
—
Euphoria
มีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่กับคุณ
ไม่อาจรู้ได้ว่ามันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่
ราวกับว่าเราอยู่ในยูโทเปียเลย
ถ้าหากว่านี่เป็นความฝัน ช่วยอยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม
แม้ทะเลทรายสีครามนั้นจะแตกสลาย
แม้โลกทั้งใบจะพังทลายลง
ได้โปรดอย่าปล่อยมือเลยนะ
Behind the song ‘Euphoria (2018)’
ความสุขที่ดูเหมือนภาพลวงตา ดั่งทะเลทรายในคราบทะเลสีคราม
หากทั้งหมดคือความฝัน ก็สุขมากเสียจนไม่อยากตื่นขึ้นมา

Euphoria ถูกปล่อยออกมาในปี 2018 เป็นเพลงโซโล่เพลงที่สองของจองกุกต่อจาก Begin ในปี 2015
หากเรียงตามเวลาและความเชื่อมโยง
Euphoria เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ช่วยเติมเต็ม Begin หลอมรวมกันเป็น จอนจองกุก ในช่วงเวลานั้น
นอกเหนือจากทฤษฎี BU หากเชื่อมโยง Euphoria เข้ากับ Begin อาจสื่อได้อีกว่า
Euphoria คือชีวิตที่มีแต่ความสงบสุข ความปรารถนาที่จะมีความสุขกับพี่ๆทั้งหกคน ครอบครัว เพื่อน รวมถึงแฟนคลับอย่างอาร์มี่
ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับความฝันที่ไม่มีอยู่จริง เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามันหายไปเลย
หรืออาจพูดถึงในแง่ของ “ความฝัน”
ที่อยากจะมีความสุขกับเส้นทางที่เลือก และมีพี่ๆอยู่ด้วยกัน
ถึงแม้ความฝันนี้จะถูกสั่นคลอน แต่ก็ยังปรารถนามัน
หาก Euphoria สื่อสารในแง่ของความสุขและความฝัน
สิ่งเหล่านี้ยังถูกถ่ายทอดออกมาในเพลง My You ด้วย
“ คุณทำให้ช่วงเวลาเหล่านี้มีความหมาย
นี่คือความฝันหรือเปล่า มันจะหายไปไหมนะ
ให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไปได้ไหม ”
“ …Euphoria เป็นเพลงที่ผสมผสานเสียงระหว่างช่วงวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ผมต้องดึงอารมณ์เหล่านั้นออกมาระหว่างการอัด และผมรู้สึกว่ามันออกมาดีครับ หลังจากได้ฟังเสียงที่อัดแบบเต็มแล้วก็แบบว่า ‘ว้าว เราทำได้ดีจริงๆ’ ”
( บทสัมภาษณ์ Rolling Stone 2021)
“ จองกุกเอาสิ่งที่รู้สึกเสียดายหลาย ๆ อย่างในเพลง Begin ไปเติมเต็มในเพลง Euphoria ” — นัมจุน
( Vlive 02/09/2018 : RM : LOVE YOURSELF 結 ‘Answer’ Behind )
“ …สิ่งที่เป็นพรที่แท้จริงสำหรับผมคือการได้พบกับเมมเบอร์ทั้งหกคนที่ทั้งยอดเยี่ยมและแสนดีครับ ผมคิดว่าผมเติบโตขึ้นเป็นคนที่ดีมากๆ ผมรู้สึกปลาบปลื้มและขอบคุณมากจริง ๆ ที่ได้พบพวกเขาครับ ” — จองกุก
—
My Time
อายุ 24 แต่กลับรู้สึกว่าโตเร็วกว่าคนอื่น
ราวกับว่าอยู่ในภาพยนตร์ตลอดเวลา
ทำไมโลกของผมถึงแตกต่างจากคนอื่นขนาดนี้
" เลือกเส้นทางของตัวเอง วิ่งต่อไปข้างหน้าในทุก ๆ วัน ทั้งโลกหันมายกย่องเชยชม ราวกับถูกล็อตเตอรี่เลยล่ะ
แต่เวลามันเดินเร็วเกินไปหรือเปล่า เหมือนพลาดอะไรไปมากมายเลย
ผมจะมีโอกาสค้นพบช่วงเวลาของตัวเองไหม
แต่นับจากนี้ผมจะตามหาและไขว่คว้ามันมาอย่างแน่นอน "
Behind the song ‘My Time (2020)
“ไอดอล” โลกคู่ขนานของคนธรรมดา
และ Spotlight ที่ต้องแลกมาด้วยเส้นเวลาที่ผิดเพี้ยน
อีกหนึ่งโซโล่ที่เล่าถึงชีวิตหลังจากมาเป็นจองกุกแห่ง BTS ภายใต้การตีกรอบ แรงกดดันมากมายจากสังคม และมีอิสระในการใช้ชีวิตเพียงเล็กน้อย

ถึงแม้ว่า BTS จะอยู่ภายใต้การดูแลของ Big Hit Music ที่มอบอิสระในการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวให้กับศิลปินค่อนข้างมาก แต่ในวงการบันเทิงและอุตสาหกรรมดนตรียังคงตีกรอบและตั้งกฎเกณฑ์มากมายให้กับไอดอลหรือศิลปินอย่างชัดเจน
My Time สามารถสะท้อนถึงชีวิตของเหล่าศิลปินและไอดอลได้เป็นอย่างดี
แต่ถึงจะมีกฎเกณฑ์อย่างไร ทั้งจองกุกและ BTS ก็ได้สื่อสารผ่านบทเพลงมาเสมอเกี่ยวกับทัศนคติในการทำงาน
BTS ทำเพลงด้วยจิตวิญญาณของศิลปินอย่างแท้จริง
การพยายามออกจากกรอบของระบบไอดอล กำหนดแนวทางในการทำงานด้วยตนเอง สื่อสารกับอาร์มี่เกี่ยวกับทิศทางของชีวิตอย่างตรงไปตรงมา ใช้เวลาส่วนตัวกับครอบครัว เพื่อน เมมเบอร์ รวมถึงการใช้เวลากับตัวเอง ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่สื่อว่า เขากำลังตามหาช่วงเวลาของตนเองและกำลังใช้ช่วงเวลานั้นอย่างเต็มที่
“ …ผมพยายามค้นหาสิ่งใหม่ๆ และใช้เวลาที่ค่อนข้างยุ่ง แต่ก็มีบ้างที่ได้เรียบเรียงอารมณ์ของตัวเองใหม่ และผมคิดว่าผมเติบโตขึ้นในฐานะคน ๆ หนึ่งได้อย่างดี ” — จองกุก
" ปัญหาของระบบ K-POP และระบบไอดอล คือเราไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาในการเติบโต ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่การทำเพลงหรือทำงานเท่านั้น เราไม่มีแม้แต่เวลาที่จะวางแผนเพื่อ Balance ชีวิตด้วยซ้ำ " — นัมจุน
( BANGTANTV [Live] 13/06/2022 : #2022BTSFESTA )


[BTS Thread] 3 บทเพลงตัวแทนแห่งตัวตนที่งดงามและแข็งแกร่งของ “ จองกุกแห่ง BTS ”
3 Album Solo Tracks by JUNG KOOK of BTS
ชีวิต เรื่องราว และย่างก้าวบนเส้นทางขวากหนามตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สู่ 3 บทเพลงแสนไพเราะ ตัวแทนแห่งตัวตนที่งดงามและแข็งแกร่งของ “ จองกุกแห่ง BTS ”
— Begin
.
เด็กอายุ 15 ผู้ไร้เดียงสาที่ไม่มีอะไรเลย
“ โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ซะจนผมรู้สึกตัวเล็กลง
แต่ตอนนี้ผมได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว
รักนะครับ พี่ๆของผม ”
คุณทำให้ผมได้เริ่มต้น เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“ ถ้าหากจะยิ้ม เราจะยิ้มไปด้วยกัน ถ้าหากจะร้องไห้ เราก็จะร้องไห้ไปด้วยกัน
แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จักความเศร้าด้วยซ้ำ ไม่รู้จักความเศร้าในตัวเอง รู้เพียงว่าเมื่อเห็นพี่ๆร้องไห้ ผมก็รู้สึกจุกที่อกไปหมด
นั่นคือความเจ็บปวดเพียงหนึ่งเดียวของผม ”
Behind the song ‘Begin (2016)’
เรื่องราวความเจ็บปวดที่สวยงามและความรู้สึกขอบคุณจากจองกุกที่มีต่อเหล่าพี่ๆในวง ผนวกเข้ากับมุมมองของนัมจุนที่มีต่อ BTS ในช่วงเวลานั้น
‘Begin’ โซโล่แรกของจองกุก ความเศร้าและความเจ็บปวดในอดีต หลังจากสมาชิกทั้งเจ็ดคนได้พูดคุยและแบ่งปันเรื่องราวของกันและกัน
“ ความเจ็บปวดของพี่ๆ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า ”
เขาพูดว่าตัวเองเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่มีความเจ็บปวดอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อเห็นพี่ๆร้องไห้เขาก็เจ็บปวด
ในครั้งแรกจองกุกเขียนเพลงนี้ขึ้นด้วยตัวเอง แต่ด้วยความไม่มั่นใจจึงขอให้นัมจุนช่วย นัมจุนเขียนเพลง Begin ขึ้นมาโดยสวมบทบาทและใช้ความรู้สึกของจองกุกหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา
และเป็นครั้งแรกที่พี่ๆเห็นจองกุกร้องไห้หนักกว่าที่ผ่านมา
ความกังวล ความเจ็บปวด การเติบโต จุดเริ่มต้น ความมั่นใจ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กในวัยนี้จะพบเจอความเจ็บปวดหลาย ๆ รูปแบบ
หากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้พี่ๆเหนื่อยอีกแล้ว เขารู้สึกขอบคุณพี่ที่ทำงานหนัก คอยดูแลและช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่อง และได้เรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองจากพี่ๆ
“ พวกเราเจ็ดคนกับโปรดิวเซอร์บังชีฮยอกเคยรวมตัวกันพูดคุยเรื่องสิ่งที่เคยเจ็บใจ ความเครียดสั่งสมมาตั้งแต่สมัยก่อน แล้วก็ร้องไห้ไปด้วยกันด้วยครับ ตอนนั้น RAP MONSTER ฮยองฟังเรื่องราวของผมแล้วเอาไปเขียนเป็นเนื้อเพลง ”
( สัมภาษณ์ WINGS Concept Book : JUNGKOOK
TH by @candyclover )
“สำหรับ Begin ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของบังทันในตอนนี้” — นัมจุน
(Vlive 20/10/2016: WINGS behind story by RM )
— Euphoria
มีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่กับคุณ
ไม่อาจรู้ได้ว่ามันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่
ราวกับว่าเราอยู่ในยูโทเปียเลย
ถ้าหากว่านี่เป็นความฝัน ช่วยอยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม
แม้ทะเลทรายสีครามนั้นจะแตกสลาย
แม้โลกทั้งใบจะพังทลายลง
ได้โปรดอย่าปล่อยมือเลยนะ
Behind the song ‘Euphoria (2018)’
ความสุขที่ดูเหมือนภาพลวงตา ดั่งทะเลทรายในคราบทะเลสีคราม
หากทั้งหมดคือความฝัน ก็สุขมากเสียจนไม่อยากตื่นขึ้นมา
Euphoria ถูกปล่อยออกมาในปี 2018 เป็นเพลงโซโล่เพลงที่สองของจองกุกต่อจาก Begin ในปี 2015
หากเรียงตามเวลาและความเชื่อมโยง
Euphoria เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ช่วยเติมเต็ม Begin หลอมรวมกันเป็น จอนจองกุก ในช่วงเวลานั้น
นอกเหนือจากทฤษฎี BU หากเชื่อมโยง Euphoria เข้ากับ Begin อาจสื่อได้อีกว่า
Euphoria คือชีวิตที่มีแต่ความสงบสุข ความปรารถนาที่จะมีความสุขกับพี่ๆทั้งหกคน ครอบครัว เพื่อน รวมถึงแฟนคลับอย่างอาร์มี่
ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับความฝันที่ไม่มีอยู่จริง เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามันหายไปเลย
หรืออาจพูดถึงในแง่ของ “ความฝัน”
ที่อยากจะมีความสุขกับเส้นทางที่เลือก และมีพี่ๆอยู่ด้วยกัน
ถึงแม้ความฝันนี้จะถูกสั่นคลอน แต่ก็ยังปรารถนามัน
หาก Euphoria สื่อสารในแง่ของความสุขและความฝัน
สิ่งเหล่านี้ยังถูกถ่ายทอดออกมาในเพลง My You ด้วย
“ คุณทำให้ช่วงเวลาเหล่านี้มีความหมาย
นี่คือความฝันหรือเปล่า มันจะหายไปไหมนะ
ให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไปได้ไหม ”
“ …Euphoria เป็นเพลงที่ผสมผสานเสียงระหว่างช่วงวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ผมต้องดึงอารมณ์เหล่านั้นออกมาระหว่างการอัด และผมรู้สึกว่ามันออกมาดีครับ หลังจากได้ฟังเสียงที่อัดแบบเต็มแล้วก็แบบว่า ‘ว้าว เราทำได้ดีจริงๆ’ ”
( บทสัมภาษณ์ Rolling Stone 2021)
“ จองกุกเอาสิ่งที่รู้สึกเสียดายหลาย ๆ อย่างในเพลง Begin ไปเติมเต็มในเพลง Euphoria ” — นัมจุน
( Vlive 02/09/2018 : RM : LOVE YOURSELF 結 ‘Answer’ Behind )
“ …สิ่งที่เป็นพรที่แท้จริงสำหรับผมคือการได้พบกับเมมเบอร์ทั้งหกคนที่ทั้งยอดเยี่ยมและแสนดีครับ ผมคิดว่าผมเติบโตขึ้นเป็นคนที่ดีมากๆ ผมรู้สึกปลาบปลื้มและขอบคุณมากจริง ๆ ที่ได้พบพวกเขาครับ ” — จองกุก
— My Time
อายุ 24 แต่กลับรู้สึกว่าโตเร็วกว่าคนอื่น
ราวกับว่าอยู่ในภาพยนตร์ตลอดเวลา
ทำไมโลกของผมถึงแตกต่างจากคนอื่นขนาดนี้
" เลือกเส้นทางของตัวเอง วิ่งต่อไปข้างหน้าในทุก ๆ วัน ทั้งโลกหันมายกย่องเชยชม ราวกับถูกล็อตเตอรี่เลยล่ะ
แต่เวลามันเดินเร็วเกินไปหรือเปล่า เหมือนพลาดอะไรไปมากมายเลย
ผมจะมีโอกาสค้นพบช่วงเวลาของตัวเองไหม
แต่นับจากนี้ผมจะตามหาและไขว่คว้ามันมาอย่างแน่นอน "
Behind the song ‘My Time (2020)
“ไอดอล” โลกคู่ขนานของคนธรรมดา
และ Spotlight ที่ต้องแลกมาด้วยเส้นเวลาที่ผิดเพี้ยน
อีกหนึ่งโซโล่ที่เล่าถึงชีวิตหลังจากมาเป็นจองกุกแห่ง BTS ภายใต้การตีกรอบ แรงกดดันมากมายจากสังคม และมีอิสระในการใช้ชีวิตเพียงเล็กน้อย
ถึงแม้ว่า BTS จะอยู่ภายใต้การดูแลของ Big Hit Music ที่มอบอิสระในการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวให้กับศิลปินค่อนข้างมาก แต่ในวงการบันเทิงและอุตสาหกรรมดนตรียังคงตีกรอบและตั้งกฎเกณฑ์มากมายให้กับไอดอลหรือศิลปินอย่างชัดเจน
My Time สามารถสะท้อนถึงชีวิตของเหล่าศิลปินและไอดอลได้เป็นอย่างดี
แต่ถึงจะมีกฎเกณฑ์อย่างไร ทั้งจองกุกและ BTS ก็ได้สื่อสารผ่านบทเพลงมาเสมอเกี่ยวกับทัศนคติในการทำงาน
BTS ทำเพลงด้วยจิตวิญญาณของศิลปินอย่างแท้จริง
การพยายามออกจากกรอบของระบบไอดอล กำหนดแนวทางในการทำงานด้วยตนเอง สื่อสารกับอาร์มี่เกี่ยวกับทิศทางของชีวิตอย่างตรงไปตรงมา ใช้เวลาส่วนตัวกับครอบครัว เพื่อน เมมเบอร์ รวมถึงการใช้เวลากับตัวเอง ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่สื่อว่า เขากำลังตามหาช่วงเวลาของตนเองและกำลังใช้ช่วงเวลานั้นอย่างเต็มที่
“ …ผมพยายามค้นหาสิ่งใหม่ๆ และใช้เวลาที่ค่อนข้างยุ่ง แต่ก็มีบ้างที่ได้เรียบเรียงอารมณ์ของตัวเองใหม่ และผมคิดว่าผมเติบโตขึ้นในฐานะคน ๆ หนึ่งได้อย่างดี ” — จองกุก
" ปัญหาของระบบ K-POP และระบบไอดอล คือเราไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาในการเติบโต ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่การทำเพลงหรือทำงานเท่านั้น เราไม่มีแม้แต่เวลาที่จะวางแผนเพื่อ Balance ชีวิตด้วยซ้ำ " — นัมจุน
( BANGTANTV [Live] 13/06/2022 : #2022BTSFESTA )