Ⓒ
Ⓒ
ⒸJames Antrobus/Flickr
การเดินทางข้ามแม่น้ำโขงทางตะวันออกของกัมพูชา
ใช้สะพานไม้ไผ่ที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะกลางแม่น้ำ Koh Pen
เก๊าะเปน เกาะเต็ม เช่น พนมเปน(เขาเต็ม) แม่น้ำปิง แม่น้ำเต็ม
ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแม่น้ำโขงกับกำปงจาม Kampong Cham
เมืองใหญ่อันดับที่ 6 ของกัมพูชาทางฝั่งตะวันตก
สะพานไม้ไผ่นี้สร้างเป็นฤดูกาล
โดยจะมีการสร้างขึ้นในทุกฤดูแล้ง
เมื่อลำน้ำในแม่น้ำโขงลดตัวลง
และกลายเป็นที่ตื้นเกินไปสำหรับเรือข้ามฟาก
แต่หลังจากนั้นในช่วงเริ่มต้นของฤดูฝนแต่ละครั้ง
ก่อนที่แม่น้ำโขงจะไหลเอ่อล้นขึ้นมาสูงกว่าเดิม
ชาวบ้านจะช่วยกันรื้อถอนสะพานไม้ไผ่ด้วยมือ
แล้วนำไปเก็บไว้ใช้ใหม่หรือนำไปใช้กับสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
เพราะในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำของแม่น้ำไหลเชี่ยวมากเกินไป
จนสะพานไม้ไผ่เหลือที่จะทนทานอยู่รอดได้
เรือข้ามฟากจึงทำหน้าที่ข้ามแม่น้ำโขงแทน
เมื่อน้ำในแม่น้ำเริ่มลดลงมีสภาพเริ่มตื้นเขินและกระแสน้ำไหลไม่เชี่ยวแล้ว
ชาวบ้านก็จะร่วมมือกันก่อสร้างสะพานไม้ไผ่ใหม่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
โดยการนำท่อนไม้ไผ่ขนาดยาวและหนากระแทกลงในแม่น้ำ
แล้วนำไม้ไผ่ที่ตอกออกมามัดเป็นซีก ๆ วางไว้ด้านบนเพื่อทำให้พื้นผิวถนน
กับใช้การประสานกันของไม้ไผ่พร้อมกับการขวั้นเชือกเพื่อโยงยึดเข้าด้วยกัน
ไม้ไผ่แต่ละท่อนมีส่วนในการโยงยึดและรั้งกับฐานรากของสะพานไม้ไผ่
สะพานไม้ไผ่แห่งนี้มีความแข็งแรงและกว้างพอ
ที่จะรองรับน้ำหนักของยานพาหนะที่มีน้ำหนักเบา
ถ้ามองดูจากระยะไกลดูเหมือนกับก้านไม้ขีดไฟสานกัน
เนื่องจากไม้ไผ่โค้งงอตัวได้มาก
ทำให้มีโอกาสหักได้น้อยมาก
ไม่ไผ่นำมารนไฟแบบพวกมืออาชีพที่ทำว่าวขาย
จะเหนียวหนึบ/เด้งตัว/กันมอดดีกว่าไม้ไผ่ที่ไม่ผ่านการรนไฟ
การขับขี่รถยนต์หรือรถเครื่อง(จักรยานยนต์) เหนือสะพานไม้ไผ่
เร้าใจเร้าอารมณ์มากเหมือนขับบนระนาด
เพราะการที่สะพานไม้ไผ่หดตัวและตีดกลับ
สร้างประสบการณ์ในการขับขี่ผ่านกองคลื่นไม้ไผ่
พร้อมกับเสียงกระเพื่อม/เสียงอึกทึกที่ส่งผ่านล้อยาง
" ยังไม่มีใครนับจำนวนไม้ไผ่ราวหลายพันลำ
ที่โยงยึดกันเป็นแนวยาวและแนวนอนขึ้นเป็นรูปสะพานได้
แต่มันค่อนข้างไหลลื่นและขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ
การเร่งเครื่องยนต์บนสะพานไม้ไผ่
จะส่งเสียงและแรงกระเพื่อนไปทั่วทั้งสะพาน
ทำให้คนเดินเท้าบนสะพานต้องหลีกทางก่อน
ไปยืนหลบตามแถวข้างทางสะพานไม้ไผ่
ที่ดูค่อนข้างน่ากลัวและแหลมคม "
Emily Lush เขียนใน Wander Lush
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
อย่างไรก็ตาม มีนักท่องเที่ยวหลายพันคน
ต่างเดินทางมาที่กำปงจามในแต่ละปี
เพื่อได้ความตื่นเต้นเร้าใจกับการขับขี่ข้ามสะพานไม้ไผ่
สำหรับชาวบ้านในท้องถิ่นต่างจ่ายเงิน 100 เรียล
2.5$ เซนต์(สามสลึง)ในการใช้สะพาน
แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะถูกเรียกเก็บเงิน
เป็น 40 เท่าของราคาชาวบ้าน(ราว 30.-บาท)
ซึ่งเป็นธรรมเนียมปรกติของพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว
สร้างรายได้คิดเป็นเงินที่เรียกเก็บเงินราว 1-2 ล้านเรียล/วัน
หรือประมาณ 250-500$(7,500-15,000.-บาท)
ประมาณปีละ 2.0 ล้านบาท
รายได้หลัก ๆ จึงมาจากชาวต่างชาติแบบเสือนอนกิน
โดยจะนำรายได้ที่เก็บรวบรวมไว้นี้
ไปทำการก่อสร้างและบำรุงรักษาสภาพสะพานไม้ไผ่
ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ 50,000-60,000$ในแต่ละปี(1.5-1.8 ล้านบาท)
สะพานไม้ไผ่กำปงจามมีการสร้างขึ้นใหม่ทุกปีมานานหลายสิบปีแล้ว
แต่ในปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่จะมีสะพานไม้ไผ่
เพราะห่างออกไปจากสะพานไม้ไผ่นี้
อีกประมาณ 2 กิโลเมตรทางตอนใต้
มีการสร้างสะพานคอนกรีตเส้นใหม่แล้ว
ที่ได้เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม ปีนี้
สะพานคอนกรีตมีความยาว 800 เมตร
สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุกได้ถึง 30 ตัน
ขณะที่สะพานไม้ไผ่รองรับได้เพียง 4 ตัน
และมีอายุการใช้งานนานกว่าสะพานไม่ไผ่ถึง 50 ปี
ชาวบ้านบางคนบน Kok Pen
ดูเหมือนว่ามีความสุขกับสะพานใหม่
เพราะมีความสะดวก ประหยัดเวลา รวมทั้งปลอดภัยยิ่งขึ้น
และยังไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเหมือนเดิมอีกด้วย
แต่การสูญเสียสะพานไม้ไผ่
อาจจะต้องสูญเสียนักท่องเที่ยว
ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างวิตกว่า
จะส่งผลกระทบ/ผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเกาะแห่งนี้
รวมทั้งภูมิปัญญา/การมีส่วนร่วมของชาวบ้าน
ในการสร้างสะพานไม้ไผ่ทุก ๆ ปี
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2AEKTYy
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Donald Macauley/Wikimedia
Ⓒ
Ⓒ
Longest bamboo bridge in the world
Ⓒ Dale Warren/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
Ⓒ
Ⓒ
View under the bamboo bridge in Kampong Cham
Ⓒ Vitalii Karas/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Vitalii Karas/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Kompasskind.de/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
เรื่องเล่าไร้สาระ
กำปง คือ ท่า (ทางขึ้นบก/ท่าเรือ/ท่าน้ำ)
จาม คือ ชาวจาม/จัมปา ที่หนีตายมาขึ้นบกทึ่นี่
อาณาจักรจัมปา ที่เคยรุ่งเรืองมากในอดีต
เดิมนับถือศาสนาฮินดู/พุทธก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนาอิสลาม
ต่อมาถูก
ไดเวียดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวจัมปา
มีในหนังสือของ ปแฏงมหา
บุญเรือง คัชมาย์
ท่านแปลและเรียบเรียงมาจากนักประวัติศาสตร์เขมร
ที่ประมาณการว่า ชาวจามตายราว 400,000 กว่าคน
ท่านได้ส่งต้นฉบับมาให้ผม แต่ผมยังไม่มีเวลาเรียบเรียง
เรื่องราวชาวจามยังมีในบทความของมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์
ผลการแพ้รบเลยทำให้ชาวจามกลายเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิม
อาศัยอยู่ในตะเข็บรอยต่อเวียตนามกับเขมร
เวียด คือ ชาวญวน/เวียตนาม
บางคนว่า เป็นพวกชนเผ่าเย่ว์ที่มักจะก่อการกบฎ
เย่ว์ จีนมักเรียกรวม ๆ ชนเผ่าพื้นเมือง/พวกร้อยเผ่าพันแม่
จนทางการจีนต้องปราบปรามหลายครั้งมาก
บางคนว่า เวียดน่าจะเป็นพวกทหารจีนที่พ่ายแพ้
ในศึกชิงบัลลังค์/พวกก่อการกบฎ
ในยุคแรกเวียดยังไม่มีแผ่นดินของชาติตนเอง
จึงรวมพลกับคนไดเข้ายึดครองอาณาจักรจัมปา
เพื่อยึดครองดินแดนกับทรัพยากรของพวกจาม
ได คือ คนไท ได กะได หรือคนจ้วง
ขัอมูลอื่น ๆ มีใน Facebook จำนงค์ ทองภิรมย์
บริเวณถิ่นฐานเมืองหลวงจัมปา
แถวรอบ ๆ เมืองเดียนเบียนฟู
มีคนไทอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง
ไทดำ ไทขาว ดูจากสีเสื้อผ้าที่นิยมสวมใส่
ไทดำชอบอยู่ตามพื้นที่ราบสูง
ไทขาวชอบอยู่ตามริมแม่น้ำ
คนไทดูเหมือนว่ารักสงบ
แต่ก็รบไปทั่วรอบรั้วบ้านตั้งแต่ยุคอดีต
เคยไปตีพม่า มอญ เขมร ลาว มาเลย์
เพิ่อกวาดต้อนไพร่พลมายังเมืองหลวง
ไทบางส่วนไปสร้างอาณาจักรอัสสัมที่อินเดีย รัฐฉานในพม่า
ก่อนที่ยะแยยะจะพ่ายในภายหลัง
ตอนสงครามครั้งสุดท้ายของเวียตนามกับฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู
กองทัพปลดแอกเวียตนามก็ต้องขอเดินทางผ่านชุมชนไท
จิรนันท์ พิตรปรีชา กับ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ก็เคยเดินผ่านหมู่บ้านไทดำแถวนี้
มีในหนังสือ
อีกหนึ่งฟางฝัน
เล่าว่า เสกสรรค์ยิงฟาน(เก้ง) ได้
เจอเด็กไทดำเดินสวนทางพูดไทยว่า
" ฟาน ดีกิน "
Ⓒ
Ⓒ
การล่มสลายของอาณาจักรจัมปา
ทำให้คนจามต้องอพยพมาเป็น กองอาสาจาม
ตามตำนานบอกว่า พวกนี้เป็นพวกเจ้าหนีตายจากไดเวียด
ที่ทำสงครามแบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาณาจักรจัมปา
จริง ๆ แล้ว กองอาสา ก็คือ ทหารรับจ้างในสมัยกรุงศรีอยูธยา
แต่ใช้วาทกรรมให้ดูดีมีสกุลกว่าคำว่า รับจ้าง
คนจามมีการอพยพอีกละลอกในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
ในช่วงที่ไทยรบกับญวน
เพราะกษัตริย์เขมรชอบเหยียบเรือสองแคม
ชอบทำตัวเป็นลูกเลี้ยงไม่ยอมโต
เพราะไทยเหมือนแม่ ญวนเหมือนพ่อ
พอถูกใครตีดุด่าก็วิ่งไปหาอีกคน
จนทำให้พ่อแม่ต้องทะเลาะกันเรื่องลูก
ตามข้อเขียน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
คนจามส่วนมากมักจะมากระจุกตัวอยู่ที่บ้านครัว
ซึ่งเป็นแหล่งทอผ้าไหมด้วยมือในสมัยอดีต
ที่
Jim Thomson ราชาผ้าไหมไทย
นำไปเผยแพร่และสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับไทย
เพราะจากการเดินเข้าไปสำรวจชุมชนที่อยู่ตรงข้ามกับบ้าน
มีเพียงคลองแสนแสนคั่นกลางเท่านั้น
โรงงานแถวบ้านก็มักจะชอบ
Import คนจัมปามุสลิมในเขมรมาทำงาน
เพราะส่วนมากมักจะพูดภาษามลายูได้
ค่อนข้างขยัน อดทน และรักความสะอาด
ข้อสำคัญคือ ไม่ดื่มเหล้าแบบแรงงานชาวพุทธ
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
แถวบ้านมีสะพานข้ามทะเลน้อย
เดิมเป็นถนนชั่วคราวในหน้าแล้ง
ที่พระกับชาวบ้านช่วยกันสร้างถนนให้เดินเป็นทางลัด
จากระโนฏไปยังพัทลุง เรียกชื่อว่า ถนนพระสร้างประชาทำ
โดยต้องสร้างกันใหม่ทุก ๆ ปีในตอนหน้าแล้ง
ต่อมา ชาวบ้านทั้งสองฝั่งทะเลร่วมหุ้น(ลงขัน)
สร้างเป็นสะพานไม้ชั่วคราวให้รถพอวิ่งได้
มีการนำเอาเสาไฟฟ้าและแท่งคอนกรีตที่ขอ/ซื้อมาราคาถูก
มาสร้างเป็นสะพานไม้ให้พอข้ามทางได้ในช่วงหน้าฝน
โดย
เอกชัย ศรีวิชัย ที่ดังเพลงหมากัด ในปี 2538-2539
ก็มาช่วยจัด Concert เพื่อหาทุนสร้างสะพานนี้ด้วย
Ⓒ
Ⓒ
หมากัด - เอกชัย ศรีวิชัย
Ⓒ
กรมทางหลวงได้สร้างสะพานคอนกรีตถาวรคร่อมทางเดิมภายหลัง
ชื่อ
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (เส้นทาง พท. 3070)
แต่ชาวบ้านยังเรียกกันว่า สะพานเอกชัย หรือ สะพานไประโนฎ(ตาลโตนด)
ชื่อเดิมคือ ถนนสายบ้านไสกลิ้ง-บ้านหัวป่า
สะพานเริ่มจากทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
ไปสู่ อ.ระโนด จ.สงขลา รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร
เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เส้นทางข้ามทะเลน้อย จะเห็นทะเลน้อย
นกนานาชนิดและ
ควายน้ำ อาศัยอยู่
ไม้ไผ่เป็นพืชวงศ์หญ้าที่โตเร็วมาก
สามารถปลูกทดแทนได้ในรอบ 1-3 ปี
หน่อไม้ปี๊บที่ขายกันมากทุกปี
เป็นผลผลิตมาจากปราจีณบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี
ราวแขวนยางพาราในโรงงานรมควันยางพารา
ราวตากยางแผ่นให้แห้งมักจะใช้ไม่ไผ่เป็นหลัก
ถ้าใช้วัสดุอื่นจะแพงกว่า/แผ่นยางจะมีโอกาสเสียหาย
สวนปาล์มภาคใต้ที่ติดกับชายแดนมาเลย์
จะมียาฆ่ากอไผ่ขาย มีคนลักลอบนำเข้ามา
ยานี้ตัวเดียวกับยาเร่งดอกลำไย
ที่ฉีดใบ/ราดโคนต้นให้ออกดอกนอกฤดู
แต่ต้องบำรุงต้นลำไยให้สมบูรณ์ก่อน ควรทำปีเว้นปี
ข้อมูลจากเกษตรกรที่ทำลำไยนอกฤดูแถวบ้าน
การที่ต้องกำจัดไม้ไผ่เพราะเติบโตเร็วเกินไป
จนไปแย่งปุ๋ย บังแดด กับกีดขวางทางเดิน
ในการเข้าไปแทงทะลายปาล์มน้ำมัน
สะพานไม้ไผ่กำปงจามที่สร้างขึ้นใหม่ทุกปีกำลังจะสูญหายไป
Ⓒ
ⒸJames Antrobus/Flickr
การเดินทางข้ามแม่น้ำโขงทางตะวันออกของกัมพูชา
ใช้สะพานไม้ไผ่ที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะกลางแม่น้ำ Koh Pen
เก๊าะเปน เกาะเต็ม เช่น พนมเปน(เขาเต็ม) แม่น้ำปิง แม่น้ำเต็ม
ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแม่น้ำโขงกับกำปงจาม Kampong Cham
เมืองใหญ่อันดับที่ 6 ของกัมพูชาทางฝั่งตะวันตก
สะพานไม้ไผ่นี้สร้างเป็นฤดูกาล
โดยจะมีการสร้างขึ้นในทุกฤดูแล้ง
เมื่อลำน้ำในแม่น้ำโขงลดตัวลง
และกลายเป็นที่ตื้นเกินไปสำหรับเรือข้ามฟาก
แต่หลังจากนั้นในช่วงเริ่มต้นของฤดูฝนแต่ละครั้ง
ก่อนที่แม่น้ำโขงจะไหลเอ่อล้นขึ้นมาสูงกว่าเดิม
ชาวบ้านจะช่วยกันรื้อถอนสะพานไม้ไผ่ด้วยมือ
แล้วนำไปเก็บไว้ใช้ใหม่หรือนำไปใช้กับสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
เพราะในช่วงฤดูฝน กระแสน้ำของแม่น้ำไหลเชี่ยวมากเกินไป
จนสะพานไม้ไผ่เหลือที่จะทนทานอยู่รอดได้
เรือข้ามฟากจึงทำหน้าที่ข้ามแม่น้ำโขงแทน
เมื่อน้ำในแม่น้ำเริ่มลดลงมีสภาพเริ่มตื้นเขินและกระแสน้ำไหลไม่เชี่ยวแล้ว
ชาวบ้านก็จะร่วมมือกันก่อสร้างสะพานไม้ไผ่ใหม่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
โดยการนำท่อนไม้ไผ่ขนาดยาวและหนากระแทกลงในแม่น้ำ
แล้วนำไม้ไผ่ที่ตอกออกมามัดเป็นซีก ๆ วางไว้ด้านบนเพื่อทำให้พื้นผิวถนน
กับใช้การประสานกันของไม้ไผ่พร้อมกับการขวั้นเชือกเพื่อโยงยึดเข้าด้วยกัน
ไม้ไผ่แต่ละท่อนมีส่วนในการโยงยึดและรั้งกับฐานรากของสะพานไม้ไผ่
สะพานไม้ไผ่แห่งนี้มีความแข็งแรงและกว้างพอ
ที่จะรองรับน้ำหนักของยานพาหนะที่มีน้ำหนักเบา
ถ้ามองดูจากระยะไกลดูเหมือนกับก้านไม้ขีดไฟสานกัน
เนื่องจากไม้ไผ่โค้งงอตัวได้มาก
ทำให้มีโอกาสหักได้น้อยมาก
ไม่ไผ่นำมารนไฟแบบพวกมืออาชีพที่ทำว่าวขาย
จะเหนียวหนึบ/เด้งตัว/กันมอดดีกว่าไม้ไผ่ที่ไม่ผ่านการรนไฟ
การขับขี่รถยนต์หรือรถเครื่อง(จักรยานยนต์) เหนือสะพานไม้ไผ่
เร้าใจเร้าอารมณ์มากเหมือนขับบนระนาด
เพราะการที่สะพานไม้ไผ่หดตัวและตีดกลับ
สร้างประสบการณ์ในการขับขี่ผ่านกองคลื่นไม้ไผ่
พร้อมกับเสียงกระเพื่อม/เสียงอึกทึกที่ส่งผ่านล้อยาง
" ยังไม่มีใครนับจำนวนไม้ไผ่ราวหลายพันลำ
ที่โยงยึดกันเป็นแนวยาวและแนวนอนขึ้นเป็นรูปสะพานได้
แต่มันค่อนข้างไหลลื่นและขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ
การเร่งเครื่องยนต์บนสะพานไม้ไผ่
จะส่งเสียงและแรงกระเพื่อนไปทั่วทั้งสะพาน
ทำให้คนเดินเท้าบนสะพานต้องหลีกทางก่อน
ไปยืนหลบตามแถวข้างทางสะพานไม้ไผ่
ที่ดูค่อนข้างน่ากลัวและแหลมคม "
Emily Lush เขียนใน Wander Lush
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
อย่างไรก็ตาม มีนักท่องเที่ยวหลายพันคน
ต่างเดินทางมาที่กำปงจามในแต่ละปี
เพื่อได้ความตื่นเต้นเร้าใจกับการขับขี่ข้ามสะพานไม้ไผ่
สำหรับชาวบ้านในท้องถิ่นต่างจ่ายเงิน 100 เรียล
2.5$ เซนต์(สามสลึง)ในการใช้สะพาน
แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะถูกเรียกเก็บเงิน
เป็น 40 เท่าของราคาชาวบ้าน(ราว 30.-บาท)
ซึ่งเป็นธรรมเนียมปรกติของพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว
สร้างรายได้คิดเป็นเงินที่เรียกเก็บเงินราว 1-2 ล้านเรียล/วัน
หรือประมาณ 250-500$(7,500-15,000.-บาท)
ประมาณปีละ 2.0 ล้านบาท
รายได้หลัก ๆ จึงมาจากชาวต่างชาติแบบเสือนอนกิน
โดยจะนำรายได้ที่เก็บรวบรวมไว้นี้
ไปทำการก่อสร้างและบำรุงรักษาสภาพสะพานไม้ไผ่
ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ 50,000-60,000$ในแต่ละปี(1.5-1.8 ล้านบาท)
สะพานไม้ไผ่กำปงจามมีการสร้างขึ้นใหม่ทุกปีมานานหลายสิบปีแล้ว
แต่ในปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่จะมีสะพานไม้ไผ่
เพราะห่างออกไปจากสะพานไม้ไผ่นี้
อีกประมาณ 2 กิโลเมตรทางตอนใต้
มีการสร้างสะพานคอนกรีตเส้นใหม่แล้ว
ที่ได้เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม ปีนี้
สะพานคอนกรีตมีความยาว 800 เมตร
สามารถรองรับน้ำหนักรถบรรทุกได้ถึง 30 ตัน
ขณะที่สะพานไม้ไผ่รองรับได้เพียง 4 ตัน
และมีอายุการใช้งานนานกว่าสะพานไม่ไผ่ถึง 50 ปี
ชาวบ้านบางคนบน Kok Pen
ดูเหมือนว่ามีความสุขกับสะพานใหม่
เพราะมีความสะดวก ประหยัดเวลา รวมทั้งปลอดภัยยิ่งขึ้น
และยังไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเหมือนเดิมอีกด้วย
แต่การสูญเสียสะพานไม้ไผ่
อาจจะต้องสูญเสียนักท่องเที่ยว
ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างวิตกว่า
จะส่งผลกระทบ/ผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเกาะแห่งนี้
รวมทั้งภูมิปัญญา/การมีส่วนร่วมของชาวบ้าน
ในการสร้างสะพานไม้ไผ่ทุก ๆ ปี
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2AEKTYy
Ⓒ
Ⓒ Donald Macauley/Wikimedia
Ⓒ
Ⓒ
Longest bamboo bridge in the world
Ⓒ Dale Warren/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Stephen Bugno/Flickr
Ⓒ
Ⓒ
View under the bamboo bridge in Kampong Cham
Ⓒ Vitalii Karas/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Vitalii Karas/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ Kompasskind.de/Shutterstock.com
Ⓒ
Ⓒ
เรื่องเล่าไร้สาระ
กำปง คือ ท่า (ทางขึ้นบก/ท่าเรือ/ท่าน้ำ)
จาม คือ ชาวจาม/จัมปา ที่หนีตายมาขึ้นบกทึ่นี่
อาณาจักรจัมปา ที่เคยรุ่งเรืองมากในอดีต
เดิมนับถือศาสนาฮินดู/พุทธก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนาอิสลาม
ต่อมาถูก ไดเวียดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวจัมปา
มีในหนังสือของ ปแฏงมหาบุญเรือง คัชมาย์
ท่านแปลและเรียบเรียงมาจากนักประวัติศาสตร์เขมร
ที่ประมาณการว่า ชาวจามตายราว 400,000 กว่าคน
ท่านได้ส่งต้นฉบับมาให้ผม แต่ผมยังไม่มีเวลาเรียบเรียง
เรื่องราวชาวจามยังมีในบทความของมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์
ผลการแพ้รบเลยทำให้ชาวจามกลายเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิม
อาศัยอยู่ในตะเข็บรอยต่อเวียตนามกับเขมร
เวียด คือ ชาวญวน/เวียตนาม
บางคนว่า เป็นพวกชนเผ่าเย่ว์ที่มักจะก่อการกบฎ
เย่ว์ จีนมักเรียกรวม ๆ ชนเผ่าพื้นเมือง/พวกร้อยเผ่าพันแม่
จนทางการจีนต้องปราบปรามหลายครั้งมาก
บางคนว่า เวียดน่าจะเป็นพวกทหารจีนที่พ่ายแพ้
ในศึกชิงบัลลังค์/พวกก่อการกบฎ
ในยุคแรกเวียดยังไม่มีแผ่นดินของชาติตนเอง
จึงรวมพลกับคนไดเข้ายึดครองอาณาจักรจัมปา
เพื่อยึดครองดินแดนกับทรัพยากรของพวกจาม
ได คือ คนไท ได กะได หรือคนจ้วง
ขัอมูลอื่น ๆ มีใน Facebook จำนงค์ ทองภิรมย์
บริเวณถิ่นฐานเมืองหลวงจัมปา
แถวรอบ ๆ เมืองเดียนเบียนฟู
มีคนไทอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง
ไทดำ ไทขาว ดูจากสีเสื้อผ้าที่นิยมสวมใส่
ไทดำชอบอยู่ตามพื้นที่ราบสูง
ไทขาวชอบอยู่ตามริมแม่น้ำ
คนไทดูเหมือนว่ารักสงบ
แต่ก็รบไปทั่วรอบรั้วบ้านตั้งแต่ยุคอดีต
เคยไปตีพม่า มอญ เขมร ลาว มาเลย์
เพิ่อกวาดต้อนไพร่พลมายังเมืองหลวง
ไทบางส่วนไปสร้างอาณาจักรอัสสัมที่อินเดีย รัฐฉานในพม่า
ก่อนที่ยะแยยะจะพ่ายในภายหลัง
ตอนสงครามครั้งสุดท้ายของเวียตนามกับฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู
กองทัพปลดแอกเวียตนามก็ต้องขอเดินทางผ่านชุมชนไท
จิรนันท์ พิตรปรีชา กับ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ก็เคยเดินผ่านหมู่บ้านไทดำแถวนี้
มีในหนังสือ อีกหนึ่งฟางฝัน
เล่าว่า เสกสรรค์ยิงฟาน(เก้ง) ได้
เจอเด็กไทดำเดินสวนทางพูดไทยว่า " ฟาน ดีกิน "
Ⓒ
การล่มสลายของอาณาจักรจัมปา
ทำให้คนจามต้องอพยพมาเป็น กองอาสาจาม
ตามตำนานบอกว่า พวกนี้เป็นพวกเจ้าหนีตายจากไดเวียด
ที่ทำสงครามแบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาณาจักรจัมปา
จริง ๆ แล้ว กองอาสา ก็คือ ทหารรับจ้างในสมัยกรุงศรีอยูธยา
แต่ใช้วาทกรรมให้ดูดีมีสกุลกว่าคำว่า รับจ้าง
คนจามมีการอพยพอีกละลอกในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
ในช่วงที่ไทยรบกับญวน
เพราะกษัตริย์เขมรชอบเหยียบเรือสองแคม
ชอบทำตัวเป็นลูกเลี้ยงไม่ยอมโต
เพราะไทยเหมือนแม่ ญวนเหมือนพ่อ
พอถูกใครตีดุด่าก็วิ่งไปหาอีกคน
จนทำให้พ่อแม่ต้องทะเลาะกันเรื่องลูก
ตามข้อเขียน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
คนจามส่วนมากมักจะมากระจุกตัวอยู่ที่บ้านครัว
ซึ่งเป็นแหล่งทอผ้าไหมด้วยมือในสมัยอดีต
ที่ Jim Thomson ราชาผ้าไหมไทย
นำไปเผยแพร่และสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับไทย
เพราะจากการเดินเข้าไปสำรวจชุมชนที่อยู่ตรงข้ามกับบ้าน
มีเพียงคลองแสนแสนคั่นกลางเท่านั้น
โรงงานแถวบ้านก็มักจะชอบ
Import คนจัมปามุสลิมในเขมรมาทำงาน
เพราะส่วนมากมักจะพูดภาษามลายูได้
ค่อนข้างขยัน อดทน และรักความสะอาด
ข้อสำคัญคือ ไม่ดื่มเหล้าแบบแรงงานชาวพุทธ
Ⓒ
Ⓒ
แถวบ้านมีสะพานข้ามทะเลน้อย
เดิมเป็นถนนชั่วคราวในหน้าแล้ง
ที่พระกับชาวบ้านช่วยกันสร้างถนนให้เดินเป็นทางลัด
จากระโนฏไปยังพัทลุง เรียกชื่อว่า ถนนพระสร้างประชาทำ
โดยต้องสร้างกันใหม่ทุก ๆ ปีในตอนหน้าแล้ง
ต่อมา ชาวบ้านทั้งสองฝั่งทะเลร่วมหุ้น(ลงขัน)
สร้างเป็นสะพานไม้ชั่วคราวให้รถพอวิ่งได้
มีการนำเอาเสาไฟฟ้าและแท่งคอนกรีตที่ขอ/ซื้อมาราคาถูก
มาสร้างเป็นสะพานไม้ให้พอข้ามทางได้ในช่วงหน้าฝน
โดย เอกชัย ศรีวิชัย ที่ดังเพลงหมากัด ในปี 2538-2539
ก็มาช่วยจัด Concert เพื่อหาทุนสร้างสะพานนี้ด้วย
Ⓒ
หมากัด - เอกชัย ศรีวิชัย
Ⓒ
กรมทางหลวงได้สร้างสะพานคอนกรีตถาวรคร่อมทางเดิมภายหลัง
ชื่อ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (เส้นทาง พท. 3070)
แต่ชาวบ้านยังเรียกกันว่า สะพานเอกชัย หรือ สะพานไประโนฎ(ตาลโตนด)
ชื่อเดิมคือ ถนนสายบ้านไสกลิ้ง-บ้านหัวป่า
สะพานเริ่มจากทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
ไปสู่ อ.ระโนด จ.สงขลา รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร
เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เส้นทางข้ามทะเลน้อย จะเห็นทะเลน้อย
นกนานาชนิดและ ควายน้ำ อาศัยอยู่
Ⓒ
Ⓒ
ไม้ไผ่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
Ⓒ
Ⓒ
ไม้ไผ่เป็นพืชวงศ์หญ้าที่โตเร็วมาก
สามารถปลูกทดแทนได้ในรอบ 1-3 ปี
หน่อไม้ปี๊บที่ขายกันมากทุกปี
เป็นผลผลิตมาจากปราจีณบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี
ราวแขวนยางพาราในโรงงานรมควันยางพารา
ราวตากยางแผ่นให้แห้งมักจะใช้ไม่ไผ่เป็นหลัก
ถ้าใช้วัสดุอื่นจะแพงกว่า/แผ่นยางจะมีโอกาสเสียหาย
สวนปาล์มภาคใต้ที่ติดกับชายแดนมาเลย์
จะมียาฆ่ากอไผ่ขาย มีคนลักลอบนำเข้ามา
ยานี้ตัวเดียวกับยาเร่งดอกลำไย
ที่ฉีดใบ/ราดโคนต้นให้ออกดอกนอกฤดู
แต่ต้องบำรุงต้นลำไยให้สมบูรณ์ก่อน ควรทำปีเว้นปี
ข้อมูลจากเกษตรกรที่ทำลำไยนอกฤดูแถวบ้าน
การที่ต้องกำจัดไม้ไผ่เพราะเติบโตเร็วเกินไป
จนไปแย่งปุ๋ย บังแดด กับกีดขวางทางเดิน
ในการเข้าไปแทงทะลายปาล์มน้ำมัน
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ
Ⓒ https://bit.ly/2Knam8s
Ⓒ