ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 6
สมัยโบราณไม่เคยมีบรรทัดฐานในเรื่องการใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จ" ที่ชัดเจนครับ หากพิจารณาตามหลักฐานจริงๆ หลายพระองค์ที่ราชาภิเษกแล้วไม่ใช้ "พระบาทสมเด็จ" ก็มีจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้ราชาภิเษกแต่ใช้ "พระบาทสมเด็จ" ก็มี การขานพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” จะต้องรอให้พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้นทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามราชประเพณีก่อนอย่างในปัจจุบัน เพิ่งมาปรากฏชัดเจนในสมัยรัชกาลที่ ๖ ครับ
ในพระราชพงศาวดารอยุทธยา กรุงธนบุรี หรือรัตนโกสินทร์ส่วนมากแล้วก็นิยมเรียกพระเจ้าแผ่นดินว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” สลับไปกับการเรียก “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
ในเอกสารทางราชการอย่างกฎหมายตรา ๓ ดวง หลายมาตราที่ตราขึ้นหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ทรงปราบดาภิเษกแล้ว ก็ยังคงเรียกพระองค์ว่า “สมเดจบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว” “สมเดจบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว” บางครั้งก็เรียก “พระบาทสมเดจ์บรมนาถบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว” “พระบาทสมเดจบรมนาถบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว” สลับกันไปมา ซึ่งก็ยังพบได้ในกฎหมายที่ตราสมัยรัชกาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓
หลายครั้งในหนังสือกฎหมายก็เรียกพระนามรัชกาลที่ ๑ ว่า “สมเดจบรมธรรมิกมหาราชาธิราช” ใกล้เคียงกับที่พระราชพงศาวดารเรียกว่า “สมเดจ์บรมธรรมมฤกมหาราชาธิราชเจ้าอยู่หัว” ไม่มีคำว่าพระบาทนำหน้า
ในจดหมายเหตุเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ส่วนพระราชปรารภเรื่องการปกครองแผ่นดิน ก็ยังปรากฏเรียกรัชกาลที่ ๓ ว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เรียกรัชกาลที่ ๑ กับรัชกาลที่ ๒ รวมกันว่า “สมเด็จพระพุทธิเจ้าอยู่หัวทั้ง ๒ พระองค์” ในบันทึกเรื่องพระอาการประชวรที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวงศาสนิทที่ประชุมก็ยังเรียกรัชกาลที่ ๓ ว่า “สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว”
จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงปรากฏการใช้คำว่า “พระบาท” ในเอกสารราชการเป็นหลัก ดังที่ปรากฏเรียกว่า “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” หรืออาจจะใช้พระนามอย่างยาวคือ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏ สมมุติเทพยพงศ์ วงศาดิศวรกระษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ ราชาธิราชบรมนาถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
อย่างไรก็ตามก็ยังพบว่ามีการไม่ใช้คำว่า “พระบาท” ในบางครั้ง เช่นในพระราชนิพนธ์เรื่อง ทรงมอบพระราชอำนาจในการรักษาพระนคร แด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงออกพระนามว่า “สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม”
และในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ที่ชำระโดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ก็ออกพระนามหลังจากราชาภิเษกแล้วว่า “สมเด็จพระบรมนารถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” แต่ตอนที่จะมีการเชิญให้เสด็จขึ้นครองราชย์หลังรัชกาลที่ ๓ สวรรคตกลับเรียกว่า “พระบาทสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงศ์ พงศ์อิศรกษัตริย์” (ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังไม่ได้ราชาภิเษก)
จึงเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยอยุทธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น การใช้คำว่า “พระบาท” ไม่ได้มีข้อบังคับว่าต้องใช้หลังประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างในปัจจุบัน หลายครั้งที่ทรงผ่านพิธีราชาภิเษกแล้วก็ไม่เรียก หรือเรียกตั้งแต่ยังไม่ได้ราชสมบัติก็มี
รายละเอียดอ่านเพิ่งเติมที่ https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/1251397944923673:0
ส่วนคำถามที่ถามมา
1. เหตุที่ไม่เรียกกษัตริย์อยุทธยาด้วยคำว่า "พระบาทสมเด็จ" เพราะการเรียกขานส่วนใหญ่นิยมเรียกขานตามพระนามในพระราชพงศาวดารเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีคำว่า "พระบาท" นำหน้าครับ
ทั้งนี้พระนามของพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณมีหลายรูปแบบมาก ทั้งพระนามเต็มอย่างเป็นทางการที่จารึกในสุพรรณบัตร (หาหลักฐานแทบไม่พบ และไม่ค่อยมีคนเรียก) พระนามทางการใช้ในทางราชการต่างๆเช่น พระราชกำหนดกฎหมายต่างๆ พระนามที่สมมติเรียกอย่างปากตลาดบ้าง หรือพระนามเดิมบ้าง ส่วนใหญ่ที่เรียกขานในพงศาวดารมักไม่ใช้พระนามที่ใช้อย่างเป็นทางการในพระสุพรรณบัตร แต่เป็นพระนามเดิม หรือพระนามสมมติมากกว่า ซึ่งไม่ใช่พระนามทุกประเภทที่จะใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จ"
ส่วนมากแล้วคำว่า "พระบาทสมเด็จ" ใช้เฉพาะกับพระนามที่เป็นทางการเท่านั้น ไม่พบใช้กับพระนามแบบอื่น แต่หลายครั้งก็เรียกเฉพาะ "สมเด็จ" แม้แต่พระนามพระเจ้าแผ่นดินอยุทธยาอย่างยาวซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นพระนามในสุพรรณบัตร หลายพระนามก็ไม่มีคำว่า "พระบาท" นำหน้าครับ เช่น
พระนามสมเด็จพระเอกาทศรถในพงศาวดาร "พระศรีสรรเพ็ชญ สมเดจ์พระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรพรรดิ สวรรคราชาธิบดินทร ธรนินทราธิราช รัตนากาศภาษกรวงษ์ องคบรมาธิเบศตรีภูวเนศวรนารถนายก ดิหลกรัตนราช ชาติอาชญาวไศรย สมุทยตโรมนต์ สากลจักระวาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร หริหรินทราธาฎาธิบดี ศรีวิบูลย์คุณรุจิตรฤทธิ ราเมศวรธรรมมิกราชเดโช ไชยพรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวะนาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ มกุฎประเทศคะตา มหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัวกรุงพระมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยา มหาดิหลก ภานพรัตนราชธาณีบูรีรมย์"
อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/พระสรรเพชญ์-๙-องค์-มีหลักฐานเพียง-๓-องค์ผมมีความเห็นว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ที่ด/1110226359040833/
พระเจ้าแผ่นดินสามารถมีพระนามหลากหลาย ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงธรรม ความจริงเป็นพระนามที่สมมติเรียกขึ้น นอกจากพระเจ้าทรงธรรมก็มีกษัตริย์ใช้หลายพระองค์ใช้พระนามนี้ทั้ง พระเพทราชา พระเจ้าเอกทัศ
กษัตริย์ที่เรารู้จักกันว่า "พระเจ้าทรงธรรม" นั้น ในหลักฐานร่วมสมัยระบุว่าเดิมทรงมีพระนามว่า "พระอินทราชา" เมื่อครองราชย์แล้วพงศาวดารระบุพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงธรรม์อันมหาประเสริฐ" ส่วนพระราชสาส์นที่ส่งไปโปรตุเกสระบุพระนามที่เป็นทางการว่า "พระบาทสํเดจเอกทศรุทธอีศวรบรมนารถบรมบ่พีตรพระพุทเจ้าอยูหวั"
ซึ่งรูปแบบของบางพระนามที่เป็นพระนามเดิม หรือพระนามอย่างปากตลาด (พระเพทราชา พระเจ้าเสือ พระเจ้าท้ายสระ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศพระเจ้าอุทุมพร พระเจ้าเอกทัศ) จะมาเรียก "พระบาทสมเด็จ" นำหน้าก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมครับ โดยเฉพาะพระนามเดิมจริงๆ ในสมัยโบราณไม่เรียกกันด้วยซ้ำ เพราะถือว่าไม่สุภาพครับ ถ้าจะเรียกก๋ใช้เฉพาะพระนามทางการ
2. ด้วยเหตุที่สมัยโบราณ โดยเฉพาะก่อนยุครัตนโกสินทร์ไม่มีบรรทัดฐานการเรียกที่ชัดเจนอย่างที่กล่าวไปแล้ว ก็ควรพิจารณาเรียกไปตามหลักฐานที่ปรากฏครับ ถ้าเรียกพระนามพระเจ้าแผ่นดินที่มีหลักฐานการใช้คำว่า "พระบาท" นำหน้าพระนามจริงก็สมควรเรียกได้ แต่ไม่ใช่ว่าพระนามบางพระองค์ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้คำว่า "พระบาท" แล้วไปเรียกเพิ่มเติมเอาเอง หรือไปใช้กับพระนามที่ไม่ถูกรูปแบบเช่นพระนามเดิมหรือพระนามสมมติ อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากบริบทของสมัยโบราณได้มากกว่าครับ
เช่น พระเพทราชา จริงๆ เป็นบรรดาศักดิ์ตั้งแต่ทรงเป็นขุนนาง เมื่อครองราชแล้วปรากฏพระนามในพงศาวดารว่า "สมเด็จพระมหาบุรุษวิสุทธิเดชอุดม" ส่วนในพระตำราบรมราชูทิศเพื่อกัลปนาเรียกพระนามว่า "พระศรีสรรเพชญสํมเดจพระรามาธิบดีศรีสีนทรบรํมมหาจักรพรรดิษรวรราชาธิราชราเมศวรธรรมิกราชเดโชไชยพรรมเทพาดิเทพตรีภูวนาธิเบศรโลกเชษฐ วิสุทธมกุฎพุทธางกุรบรมจุลจักรพรรดิษรธรธรรมิกราชาธิราช" ยังไม่พบหลักฐานพระนามที่ใช้คำว่า "พระบาท" (ในทางปฏิบัติคงมี แต่ยังหาไม่พบ) แม้ว่าพงศาวดารจะเรียกขานพระองค์ว่า "พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว" ก็ตาม ก็ไม่ใช่เหตุผลเราจะไปต่อเติมคำว่า "พระบาท" หน้าพระนามต่างๆ ของพระองค์เอาเองครับ
พระนามทางการอาจพอเป็นไปได้ในความเป็นจริง แต่การไปเติมหน้าพระนามอย่างปากตลาดเช่น "พระบาทสมเด็จพระเพทราชา" เป็นการผิดแผกจากบริบทสมัยโบราณอย่างมากครับ
3. ตามที่ตอบในข้อ 2 ครับ
ในพระราชพงศาวดารอยุทธยา กรุงธนบุรี หรือรัตนโกสินทร์ส่วนมากแล้วก็นิยมเรียกพระเจ้าแผ่นดินว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” สลับไปกับการเรียก “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
ในเอกสารทางราชการอย่างกฎหมายตรา ๓ ดวง หลายมาตราที่ตราขึ้นหลังพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ทรงปราบดาภิเษกแล้ว ก็ยังคงเรียกพระองค์ว่า “สมเดจบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว” “สมเดจบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว” บางครั้งก็เรียก “พระบาทสมเดจ์บรมนาถบรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว” “พระบาทสมเดจบรมนาถบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว” สลับกันไปมา ซึ่งก็ยังพบได้ในกฎหมายที่ตราสมัยรัชกาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓
หลายครั้งในหนังสือกฎหมายก็เรียกพระนามรัชกาลที่ ๑ ว่า “สมเดจบรมธรรมิกมหาราชาธิราช” ใกล้เคียงกับที่พระราชพงศาวดารเรียกว่า “สมเดจ์บรมธรรมมฤกมหาราชาธิราชเจ้าอยู่หัว” ไม่มีคำว่าพระบาทนำหน้า
ในจดหมายเหตุเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ส่วนพระราชปรารภเรื่องการปกครองแผ่นดิน ก็ยังปรากฏเรียกรัชกาลที่ ๓ ว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เรียกรัชกาลที่ ๑ กับรัชกาลที่ ๒ รวมกันว่า “สมเด็จพระพุทธิเจ้าอยู่หัวทั้ง ๒ พระองค์” ในบันทึกเรื่องพระอาการประชวรที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวงศาสนิทที่ประชุมก็ยังเรียกรัชกาลที่ ๓ ว่า “สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว”
จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงปรากฏการใช้คำว่า “พระบาท” ในเอกสารราชการเป็นหลัก ดังที่ปรากฏเรียกว่า “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” หรืออาจจะใช้พระนามอย่างยาวคือ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏ สมมุติเทพยพงศ์ วงศาดิศวรกระษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ ราชาธิราชบรมนาถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
อย่างไรก็ตามก็ยังพบว่ามีการไม่ใช้คำว่า “พระบาท” ในบางครั้ง เช่นในพระราชนิพนธ์เรื่อง ทรงมอบพระราชอำนาจในการรักษาพระนคร แด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงออกพระนามว่า “สมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม”
และในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ที่ชำระโดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ก็ออกพระนามหลังจากราชาภิเษกแล้วว่า “สมเด็จพระบรมนารถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” แต่ตอนที่จะมีการเชิญให้เสด็จขึ้นครองราชย์หลังรัชกาลที่ ๓ สวรรคตกลับเรียกว่า “พระบาทสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงศ์ พงศ์อิศรกษัตริย์” (ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังไม่ได้ราชาภิเษก)
จึงเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยอยุทธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น การใช้คำว่า “พระบาท” ไม่ได้มีข้อบังคับว่าต้องใช้หลังประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างในปัจจุบัน หลายครั้งที่ทรงผ่านพิธีราชาภิเษกแล้วก็ไม่เรียก หรือเรียกตั้งแต่ยังไม่ได้ราชสมบัติก็มี
รายละเอียดอ่านเพิ่งเติมที่ https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/1251397944923673:0
ส่วนคำถามที่ถามมา
1. เหตุที่ไม่เรียกกษัตริย์อยุทธยาด้วยคำว่า "พระบาทสมเด็จ" เพราะการเรียกขานส่วนใหญ่นิยมเรียกขานตามพระนามในพระราชพงศาวดารเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีคำว่า "พระบาท" นำหน้าครับ
ทั้งนี้พระนามของพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณมีหลายรูปแบบมาก ทั้งพระนามเต็มอย่างเป็นทางการที่จารึกในสุพรรณบัตร (หาหลักฐานแทบไม่พบ และไม่ค่อยมีคนเรียก) พระนามทางการใช้ในทางราชการต่างๆเช่น พระราชกำหนดกฎหมายต่างๆ พระนามที่สมมติเรียกอย่างปากตลาดบ้าง หรือพระนามเดิมบ้าง ส่วนใหญ่ที่เรียกขานในพงศาวดารมักไม่ใช้พระนามที่ใช้อย่างเป็นทางการในพระสุพรรณบัตร แต่เป็นพระนามเดิม หรือพระนามสมมติมากกว่า ซึ่งไม่ใช่พระนามทุกประเภทที่จะใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จ"
ส่วนมากแล้วคำว่า "พระบาทสมเด็จ" ใช้เฉพาะกับพระนามที่เป็นทางการเท่านั้น ไม่พบใช้กับพระนามแบบอื่น แต่หลายครั้งก็เรียกเฉพาะ "สมเด็จ" แม้แต่พระนามพระเจ้าแผ่นดินอยุทธยาอย่างยาวซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นพระนามในสุพรรณบัตร หลายพระนามก็ไม่มีคำว่า "พระบาท" นำหน้าครับ เช่น
พระนามสมเด็จพระเอกาทศรถในพงศาวดาร "พระศรีสรรเพ็ชญ สมเดจ์พระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรพรรดิ สวรรคราชาธิบดินทร ธรนินทราธิราช รัตนากาศภาษกรวงษ์ องคบรมาธิเบศตรีภูวเนศวรนารถนายก ดิหลกรัตนราช ชาติอาชญาวไศรย สมุทยตโรมนต์ สากลจักระวาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร หริหรินทราธาฎาธิบดี ศรีวิบูลย์คุณรุจิตรฤทธิ ราเมศวรธรรมมิกราชเดโช ไชยพรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวะนาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ มกุฎประเทศคะตา มหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัวกรุงพระมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุทธยา มหาดิหลก ภานพรัตนราชธาณีบูรีรมย์"
อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/พระสรรเพชญ์-๙-องค์-มีหลักฐานเพียง-๓-องค์ผมมีความเห็นว่าการศึกษาประวัติศาสตร์ที่ด/1110226359040833/
พระเจ้าแผ่นดินสามารถมีพระนามหลากหลาย ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงธรรม ความจริงเป็นพระนามที่สมมติเรียกขึ้น นอกจากพระเจ้าทรงธรรมก็มีกษัตริย์ใช้หลายพระองค์ใช้พระนามนี้ทั้ง พระเพทราชา พระเจ้าเอกทัศ
กษัตริย์ที่เรารู้จักกันว่า "พระเจ้าทรงธรรม" นั้น ในหลักฐานร่วมสมัยระบุว่าเดิมทรงมีพระนามว่า "พระอินทราชา" เมื่อครองราชย์แล้วพงศาวดารระบุพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงธรรม์อันมหาประเสริฐ" ส่วนพระราชสาส์นที่ส่งไปโปรตุเกสระบุพระนามที่เป็นทางการว่า "พระบาทสํเดจเอกทศรุทธอีศวรบรมนารถบรมบ่พีตรพระพุทเจ้าอยูหวั"
ซึ่งรูปแบบของบางพระนามที่เป็นพระนามเดิม หรือพระนามอย่างปากตลาด (พระเพทราชา พระเจ้าเสือ พระเจ้าท้ายสระ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศพระเจ้าอุทุมพร พระเจ้าเอกทัศ) จะมาเรียก "พระบาทสมเด็จ" นำหน้าก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมครับ โดยเฉพาะพระนามเดิมจริงๆ ในสมัยโบราณไม่เรียกกันด้วยซ้ำ เพราะถือว่าไม่สุภาพครับ ถ้าจะเรียกก๋ใช้เฉพาะพระนามทางการ
2. ด้วยเหตุที่สมัยโบราณ โดยเฉพาะก่อนยุครัตนโกสินทร์ไม่มีบรรทัดฐานการเรียกที่ชัดเจนอย่างที่กล่าวไปแล้ว ก็ควรพิจารณาเรียกไปตามหลักฐานที่ปรากฏครับ ถ้าเรียกพระนามพระเจ้าแผ่นดินที่มีหลักฐานการใช้คำว่า "พระบาท" นำหน้าพระนามจริงก็สมควรเรียกได้ แต่ไม่ใช่ว่าพระนามบางพระองค์ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้คำว่า "พระบาท" แล้วไปเรียกเพิ่มเติมเอาเอง หรือไปใช้กับพระนามที่ไม่ถูกรูปแบบเช่นพระนามเดิมหรือพระนามสมมติ อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากบริบทของสมัยโบราณได้มากกว่าครับ
เช่น พระเพทราชา จริงๆ เป็นบรรดาศักดิ์ตั้งแต่ทรงเป็นขุนนาง เมื่อครองราชแล้วปรากฏพระนามในพงศาวดารว่า "สมเด็จพระมหาบุรุษวิสุทธิเดชอุดม" ส่วนในพระตำราบรมราชูทิศเพื่อกัลปนาเรียกพระนามว่า "พระศรีสรรเพชญสํมเดจพระรามาธิบดีศรีสีนทรบรํมมหาจักรพรรดิษรวรราชาธิราชราเมศวรธรรมิกราชเดโชไชยพรรมเทพาดิเทพตรีภูวนาธิเบศรโลกเชษฐ วิสุทธมกุฎพุทธางกุรบรมจุลจักรพรรดิษรธรธรรมิกราชาธิราช" ยังไม่พบหลักฐานพระนามที่ใช้คำว่า "พระบาท" (ในทางปฏิบัติคงมี แต่ยังหาไม่พบ) แม้ว่าพงศาวดารจะเรียกขานพระองค์ว่า "พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว" ก็ตาม ก็ไม่ใช่เหตุผลเราจะไปต่อเติมคำว่า "พระบาท" หน้าพระนามต่างๆ ของพระองค์เอาเองครับ
พระนามทางการอาจพอเป็นไปได้ในความเป็นจริง แต่การไปเติมหน้าพระนามอย่างปากตลาดเช่น "พระบาทสมเด็จพระเพทราชา" เป็นการผิดแผกจากบริบทสมัยโบราณอย่างมากครับ
3. ตามที่ตอบในข้อ 2 ครับ
แสดงความคิดเห็น
คิดอย่างไรครับ ถ้าจะสนับสนุนให้ออกพระนามบูรพกษัตริยาธิราช (ก่อนกรุงรัตนโกสินทร์) ที่ทรงราชาภิเษกแล้ว ว่า “พระบาทสมเด็จ”
ในฐานะที่ทำงานด้านกฎหมายตามรอยบรรพกุลมาได้สามปี (account ของ ppantip.com นี้ มีเล่นกัน 3 คนนะครับ คือผม ที่เป็นผู้ใช้หลักและเป็นคนสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการด้วยบัตรประชาชน กับคุณลุงที่เป็นอัยการศาลทหาร และน้องชายที่ทำงานเป็นนักประพันธ์ตำราต่างๆ)
คือว่า ตามหลักสูตรการศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์บัณฑิต ย่อมต้องเรียนวิชาด้านประวัติศาสตร์เป็นวิชาเลือกหลักอยู่แล้ว และผมก็สนใจทางด้านวิชาทางสังคมศาสตร์นี้เป็นอย่างสูง และยังรักในวิชาชีพที่ต้องทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนเป็นอย่างมาก จึงทำให้ผมชอบศึกษาพงศาวดารฉบับเก่าๆ
แต่แล้วแล้วเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นมาว่า เหตุใด ในพงศาวดาร ถึงได้มีการออกพระนามพ่ออยู่หัวในสมัยก่อนกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีว่า “พระบาทสมเด็จ”
ซึ่งผิดจากตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการรวมถึงภาษาปากชาวบ้านที่ไม่เคยเห็นมีใครออกพระนามตามนั้น มีให้เห็นก็แต่ขึ้นคำว่าสมเด็จเพียวเพียว
ผมจึงสอบถามครูบาอาจารย์ที่รู้จักกันมาก่อน ถึงสาเหตุความสงสัยนี้จนได้คำตอบมาว่า จริง ๆ แล้วตามพงศาวดารก็ออกพระนามว่าพระบาทกันเกือบทุกพระองค์ ไม่จำเป็นว่าจะต้องออกพระนามว่าพระบาทเฉพาะกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เท่านั้น...
แต่ก็มีเงื่อนไขสำคัญที่สุดก็คือ จะออกพระนามว่าพระบาทได้ก็ต่อเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นทรงพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกแล้วเท่านั้น
ด้วยความรู้ที่ได้รับมา กอปรกับความศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่งยวด ทำให้ผมเกิดความสงสัยสามประการ ดังนี้ครับ
1. ทำไมตำราเรียนทุกหลักสูตร ถึงไม่ออกพนะนามพระมหากษัตริย์ก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ว่า “พระบาทสมเด็จ” (เฉพาะที่พงศาวดารระบุว่า ทรงราชาภิเษกแล้ว) และเพราะอะไรถึงออกพระนามขึ้นต้นเพียงคำว่า สมเด็จ อย่างเดียวในทุกพระองค์
2. ถ้าจะมีการสนับสนุนให้หลักสูตรการศึกษา, สื่อมวลชน, ข้าราชการ และประชาชนทุกคน ร่วมกันออกพระนามบูรพกษัตริยาธิราช ที่ทรงราชาภิเษกแล้ว ว่า “พระบาทสมเด็จ” จะเหมาะสมและถูกควรหรือไม่
3. คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ ที่จะมีการสนับสนุนให้มีการออกพระนามตามที่กล่าวมา
ขอบคุณที่มาเสวนาครับ และขอบอกก่อนว่า ผมไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ครับ แต่เพราะความรัก เทิดทูน และศรัทธาต่อพระบารมีในพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ ผมเลยประสงค์ดังกระทู้นี้ครับ
วอนแอดมินเข้าใจด้วยนะครับ