หายหน้าไปออกทริปมาค่ะ กลับมารายงานตัว ขอรีวิวทริปรัสเซียต่อให้จบ
ย้อนความเดิมกันสักนิด เผื่อใครลืมๆ หรือยังไม่ได้อ่านทริปรัสเซียของเรา ลองย้อนอ่านได้ค่ะ
Spring Time in Russia : Day 1 กว่าจะได้พานพบ
https://ppantip.com/topic/37803666
Spring Time in Russia : Day 2 สัมผัสเพียงผันผ่าน
https://ppantip.com/topic/37808700
Spring Time in Russia : Day 3 สักครั้ง...เพื่อความทรงจำที่งดงาม
https://ppantip.com/topic/37820312
Spring Time in Russia : Day 4 จำใจลา..เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
https://ppantip.com/topic/37837923
Spring Time in Russia : Day 5 พรีเวียต มอสควา (Привет Москва)
https://ppantip.com/topic/37851876
Spring Time in Russia : Day 6 เรื่อยไปใน Red Square
https://ppantip.com/topic/3785917
Spring Time in Russia : Day 7 ไปเยือนมหาวิหารมรดกโลกที่ Sergiev Posad
https://ppantip.com/topic/37870907
ได้เวลาไปต่อกันล่ะ
วันนี้เป็นวันที่พวกเราเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าวังค่ะ ใช่แล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวพระราชวังเครมลิน (Moscow Kremlin : Моско́вский Кремль ) กัน เนื่องจากเรายังไม่มีตั๋วก็ต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้จุดจำหน่ายตั๋ว (Ticket Office) ที่บริเวณ Alexander Garden ที่สุดก็คือ Alexandrovsky Sad (Алекса́ндровский сад ) จุดนี้จะเป็นทั้งสถานที่ที่รับจองตั๋วล่วงหน้า แลกตั๋ว และ ขายตั๋วในวันที่จะชม สามารถซื้อตั๋วได้ทุกประเภทไม่ว่าอยากจะชมอะไรรวมทั้ง Diamond Fund (Алмазный фонд) ด้วย ในช่วงที่เรามาถือเป็นช่วงฤดูร้อน เขาจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น. เราเดินทางมาถึงในเวลา 09.30 น. ค่ะ
จุดจำหน่ายตั๋วบริเวณ Alexander Garden ที่เรามาสำรวจเอาไว้แล้วกันพลาด
เมื่อมาถึงเราก็กระจายกำลังกันในการไปจองตั๋วโดยแถวที่ยาวที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากThe Armoury Chamber (Оружейная палата) เพราะระบุรอบเข้าชม มีทั้งหมด 4 รอบต่อวัน (10.00 am, 12.00 pm, 2.30 pm, 4.30 pm) จำกัดรอบละ 100 คนเท่านั้นอีกต่างหาก หน้าเคาน์เตอร์ระหว่างรอซื้อตั๋วจะมีตัวเลขให้เห็นเลยว่ารอบนั้นๆ เหลืออีกกี่คน คือยืนต่อแถวไปก็ลุ้นไปว่าจะถึงเราหรือไม่ เพราะบางทียืนต่ออยู่คนเดียวแต่ซื้อทีเป็นสิบใบเลยทีเดียว The Armoury Chamber ค่าเข้าชมคนละ 700 RUB ตอนที่เราไปถึงนั่นเป็นรอบบ่ายสองโมงครึ่งแล้วค่ะ
ช่องที่ 9 และ 10 คือช่องที่เราต้องลุ้นมากที่สุดค่ะ
อีกแถวหนึ่งสำหรับการซื้อตั๋วเข้าชม Architectural complex of the cathedral square ซึ่งจะสามารถเข้าชมโบสถ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในพระราชวังเครมลิน ได้แก่ The Assumption Cathedral (Успенский Собор) The Archangel Cathedral (Архангельский собор) The AnnuciationCathedral (Благовещенский собор) The Church of Laying our Lady’s Holy Robe (Церковь Ризоположения) The Patriarch’s Palace with the twelve Apostles’ Church (церковь Двенадцати Апостолов) ซึ่งกลุ่มโบสถ์เหล่านี้ไม่ระบุรอบเข้าชม จะเข้าชมโบสถ์ใดก็แค่แสดงตั๋วเท่านั้น แถวตรงจุดนี้จึงสั้นค่ะ ค่าตั๋วคนละ 500 RUB แต่การเข้าชมห้ามถ่ายภาพด้านในโดยเด็ดขาด
ส่วนอีกแถวถัดไปก็คือตั๋วสำหรับการเข้าชม Diamond Fund หรือพิพิธภัณฑ์เครื่องเพชร สิ่งของมีค่าต่างๆ ราคาคนละ 500 RUB ซึ่งก็มีเป็นรอบๆ เหมือนกัน ซึ่งเราสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ค่ะว่าจะเอารอบไหนเพื่อไม่ให้ชนกับรอบของ The Armoury Chamber ซึ่งจริงๆ แล้วทางเข้าเดียวกัน แต่ด้านในไปคนละทางเท่านั้นเองค่ะ สำหรับตั๋วเข้าชม Ivan the Great Bell- tower (Колокольня Ивана Великого) และ Museum of history of Kremlin Architecture ที่อยู่ภายใน tower นั้นก็มีรอบเข้าชมเหมือนกัน แต่พวกเราไม่สนใจจะชมก็เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดอันนี้มาเลยค่ะ
หลังจากกระจายกำลังกันไปทำหน้าที่ สุดท้ายที่ต้องไปช่วยลุ้นกันสุดๆ ก็คือ The Armoury Chamber เพราะรอบบ่ายสองโมงครึ่งที่เรายืนต่อแถวอยู่และอีกประมาณสี่คิวก็จะถึง หมดลงต่อหน้าต่อตา นั่นหมายความว่า รอบต่อไปที่เราจะดูได้นั่นคือ 16.30 น. OMG !!! นั่นแปลว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันทั้งวันเลย ถ้าคิดจะไปไหนก็ต้องวนกลับมาอีก แต่ทำไงได้ มารัสเซียไม่ได้มาได้บ่อยๆ บินมาแล้วก็ต้องเที่ยวไป
ได้ตั๋วเข้าชมรอบสุดท้าบของวันเลยทีเดียว OMG!!!
หลังจากมีบัตรเข้าสถานที่ต่างๆ ครบตามต้องการพวกเราก็เดินออกไปที่ด้านนอกเพื่อไปต่อแถวเข้าชมพระราชวังกัน ทางเข้าชมจะอยู่ตรง Troitskaya Tower (Троицкая башня) แถวค่อนข้างยาวพอควร แต่จริงๆ แล้วที่ยาวๆ นั้นเป็นพวกกรุ๊ปทัวร์ค่ะ เรามากันเองเดินชิดซ้ายไปเลยไปจะเป็นพวกมากันเอง พวกเราก็เลยเดินดิ่งกันไปเลย พอไปถึงก็ยื่นตั๋วส่งให้คุณลุงเจ้าหน้าที่ที่ประตูทางขึ้นบันได แต่โดนเบรกเสียก่อน โดยมีเสียงว่า “Big Bag, Big Bag!!” ใช่เลย รีบกันจนลืมสนิทว่าต้องฝากสัมภาระ คุณลุงพูดเสียงดังไม่พอ มือก็ชี้ไปด้านหลังที่ใต้บันได ตรงนั้นเป็นห้องฝากสัมภาระค่ะ เราจะต้องเอากระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ไปฝากไว้ ส่วนกล้องและเสื้อหนาวสามารถนำเข้าไปได้ ไม่เสียค่าบริการอะไรทั้งสิ้นค่ะ จากนั้นเราก็เอาตั๋วมายื่นใหม่ ก็จะได้ขึ้นไปยังด้านบนซึ่งจุดนี้จะมีเครื่องสแกนกระเป๋า สัมภาระและอาวุธหลายช่อง ถือว่าค่อนข้างเร็วพอสมควร เพราะจากที่อ่านมา หากเข้าอีกทางเข้าหนึ่งคือ Borovitskaya Tower (Боровицкая башня) จะมีจุดสแกนน้อยกว่า แถวจะยาวกว่า เพียงประเดี๋ยวเดียวเราก็เข้ามาด้านในพร้อมที่จะเดินเข้าสู่เขต Moscow Kremlin กันแล้ว
เมื่อมีตั๋วแล้วเดินมาขึ้นมาที่จุดตรวจตั๋วแล้วเดินขึ้นบันไดไปสแกนที่จุดนี้ ส่วนกระเป๋าฝากห้องใต้บันไดนี้
จริงๆ แล้ว Kremlin (Кремль) ไม่ใช่พระราชวังค่ะ ในภาษารัสเซียแปลว่า ป้อมปราการ ภายในป้อมปราการประกอบไปด้วยพระราชวัง ศาสนสถาน และที่ทำการของรัฐบาล ดังนั้น Moscow Kremlin ก็เป็นป้อมปราการของเมืองมอสโคว์นั่นเอง ซึ่งก่อนการย้ายเมืองหลวงจากที่นี่ไปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช Moscow Kremlin เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์มานานกว่า 300 ปี แต่ภายหลังเมื่อมีการปฏิวัติรัสเซียก็ได้ย้ายเมืองหลวงจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กกลับมาที่มอสโคว์อีกครั้ง ปัจจุบัน Moscow Kremlin ใช้เป็นที่ทำการของประธานาธิบดี ที่รับรองแขกระดับประมุขของประเทศ มีพื้นที่ทั้งหมด 28 เฮกตาร์ มีหอคอย 19 แห่ง แนวกำแพงยาว 2,235 เมตร สถานที่แห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดย UNESCO เพราะเป็นสถานที่ที่รวมศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของรัสเซียไว้มากมายหลายอย่างที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปี Moscow Kremlin ตั้งอยู่บนเนินเขา Borovitskaya ซึ่งมีตลิ่งติดอยู่กับลำน้ำ Moskva กับลำน้ำ Neglinnaya ที่เชื่อมติดกัน เนินเขานี้ปัจจุบันเรียกกันสั้นๆ ว่า เนินเขา Kremlin
ทางเข้าหลักของ Moscow Kremlin คือทางเข้าที่ Troitskaya Tower ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงที่สุดของที่นี่ และถือเป็นป้อมปราการหลักของวัง แต่ก่อนจะมีนาฬิกาอยู่บนยอดของหอคอย แต่เมื่อเกิดการรุกรานของชาวสวีเดน จึงได้เอาออกและเปลี่ยนเป็นติดตั้งปืนใหญ่ทดแทน เมื่อยกข้อมือดูนาฬิกาทำให้เห็นว่าอีกเพียงสิบนาทีจะถึงรอบเข้าชม Diamond Fund ของพวกเราแล้ว ว่าแต่จะเดินไปทางไหนกันล่ะ ตอนทำการบ้านมาก็เหมือนจะไม่งง แต่พอเข้ามาในสถานที่จริง ทำไมมันงงแบบนี้
Troitskaya Tower
จริงๆ แล้วเมื่อเราดูจากแผนที่มีถนนเส้นหนึ่งที่สามารถเดินทะลุไปยัง The Armoury Chamber และ Diamond Fund ได้เลย แต่เมื่อเราเริ่มก้าวเดินเจอพี่ทหารของท่านปูตินเป่านกหวีดปรี๊ดๆ ใส่ทันที แล้วทำมือไม้บอกให้เราเดินอ้อมไป สรุปว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางต้องห้าม ผ่านไม่ได้ นั่นหมายความว่า เราจะต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางจัตุรัสวิหารเพื่อไปออกยังถนนอีกฝั่งหนึ่งที่เข้ามาจากทางประตูฝั่ง Borovitskaya Tower ย้อนกลับมาจนถึงถนนเส้นที่ห้ามผ่าน จะมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่คนหนึ่ง รอตรวจบัตรคนผ่านเข้า-ออก ซึ่งทางเข้าสู่ห้องชม Diamond Fund และ Armoury Chamber โดยไม่ผ่านจุดจำหน่ายตั๋วสามารถเข้าทางนี้ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตรงจุดนี้มีคนยืนต่อแถวอยู่สามสี่คน และที่มือของพวกเขาเป็นรอบเข้าชมเวลา 10.30 น. หมายความว่าคนที่ชมรอบเดียวกับเราเขาเข้ากันไปหมดแล้ว เราทำได้แค่รอรอบต่อไปค่ะ
ประตูฝั่ง Borovitskaya Tower
เมื่อยื่นรอไปได้สักพักเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้พวกเราเข้าไป เมื่อเข้าไปด้านในเขาจะให้เราไปฝากเสื้อหนาวตัวใหญ่ที่ห้องรับฝากสัมภาระด้านล่างกันก่อน ส่วนกล้องถือเข้าไปได้แต่ห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด เมื่อฝากสัมภาระเรียบร้อยเขาจะขอตรวจบัตร สแกนอาวุธ จากนั้นก็จะให้เราไปยืนหน้าประตูห้องที่ปิดทึบห้องหนึ่งแล้วจึงเปิดให้เราเข้าไป โดยมีเจ้าหน้าที่เดินตามดูเราห่างๆ ตลอดการเดินชม ที่นี่เป็นที่รวบรวมเพชรและอัญมณีล้ำค่าต่างๆ ห้องแรกเป็นห้องที่รวบรวมเพชรและอัญมณีต่างๆ ที่รัสเซียรวบรวมอยู่ ส่วนอีกห้องเป็นเครื่องประดับเพชรต่างๆ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีมูลค่ามหาศาล จนดูเหมือนว่าไม่น่าจะประเมินค่าได้เอาเลย อลังวังเวอร์สุดๆ เดินดูไปตาค้างไป แสบตาไป ที่เด่นสุดน่าจะเป็นเพชรตัด 3 ด้าน Shah Diamond ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Legendary Diamond และมงกุฎเพชรของราชวงศ์ Romanov ที่ประดับด้วยมุก ทับทิม และเพชรนับพันๆ เม็ด ซึ่งตลอดการเดินชมเจ้าหน้าที่จะเดินประกบเราตลอดค่ะ ทำยังกับว่าเราจะขโมยออกมาได้ง่ายๆ อย่างนั้นล่ะ และคุยกันเสียงดังก็ไม่ได้นะคะ เพราะเห็นอีกกลุ่มหนึ่งชื่นชมเพชรเสียงดังไปหน่อยเจ้าหน้าที่เข้ามาเตือนค่ะ
หลังจากเดินกันอย่างอึดอัดภายใต้สายตาที่ถูกจับจ้องกันจนรู้สึกว่าไม่ไหวล่ะ ก็พากันออก เจ้าหน้าที่ก็ดูเหมือนจะโล่งใจเวลาที่แต่ละกลุ่มที่เข้าไปชมกันเสร็จๆ ไปเสียที เพราะคุณพี่แกต้องคอยเดินตามหลายกลุ่มทุกฝีก้าว ถ้ามากกลุ่มนักแกเดินตามดูไม่ไหว เจ้าหน้าที่จะเปิดให้เราออกมาอีกประตูหนึ่งค่ะ อีกทางหนึ่งเป็นทางเดินไปสู่การเข้าชม The Armoury Chamber แต่เรายังต้องรอถึงเวลา 16.30 น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของวัน ในขณะที่ตอนนี้เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงกว่าๆ พวกเราก็เลยเดินลงไปที่ห้องด้านล่างที่รับฝากของ ตั้งใจว่าไปเอาข้าวของแล้วเดินไปชมกลุ่มวิหารกันก่อนก็แล้วกัน จากนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงกันต่อไป
เมื่อเดินลงไปด้านล่าง ไปเจอเจ้าหน้าที่กำลังตรวจตั๋วกลุ่มทัวร์คนไทยที่กำลังจะเข้าชม The Armoury Chamberพอดิบพอดี ด้วยมาเป็นกลุ่มเธอจึงไม่ให้ใช้เครื่องสแกนบัตร ดังนั้น พอเราไปยืนมองๆ อยู่เธอจึงเรียกพวกเราเข้าไปด้วยเพราะเข้าใจว่าอยู่ในกลุ่มทัวร์เดียวกันนี้ พวกเราต่างก็งง เพราะจู่ๆ เธอก็เรียกหาตั๋วแล้วก็เอาไปฉีก แล้วก็ไล่เราให้เดินตามๆ พวกข้างหน้าไป ดังนั้น กลับกลายเป็นว่าจากเดิมที่จะต้องเข้าชมในเวลา 16.30 น. ก็เลยได้ชมในทันทีโดยไม่ได้เจตนา OMG !!! บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกกับเราแบบไม่ทันตั้งตัวเอาจริงๆ
[CR] Spring Time in Russia : Day 8 Moscow..แล้วเราก็รู้จักกัน
ย้อนความเดิมกันสักนิด เผื่อใครลืมๆ หรือยังไม่ได้อ่านทริปรัสเซียของเรา ลองย้อนอ่านได้ค่ะ
Spring Time in Russia : Day 1 กว่าจะได้พานพบ
https://ppantip.com/topic/37803666
Spring Time in Russia : Day 2 สัมผัสเพียงผันผ่าน
https://ppantip.com/topic/37808700
Spring Time in Russia : Day 3 สักครั้ง...เพื่อความทรงจำที่งดงาม
https://ppantip.com/topic/37820312
Spring Time in Russia : Day 4 จำใจลา..เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
https://ppantip.com/topic/37837923
Spring Time in Russia : Day 5 พรีเวียต มอสควา (Привет Москва)
https://ppantip.com/topic/37851876
Spring Time in Russia : Day 6 เรื่อยไปใน Red Square
https://ppantip.com/topic/3785917
Spring Time in Russia : Day 7 ไปเยือนมหาวิหารมรดกโลกที่ Sergiev Posad
https://ppantip.com/topic/37870907
ได้เวลาไปต่อกันล่ะ
วันนี้เป็นวันที่พวกเราเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าวังค่ะ ใช่แล้วค่ะ เราจะไปเที่ยวพระราชวังเครมลิน (Moscow Kremlin : Моско́вский Кремль ) กัน เนื่องจากเรายังไม่มีตั๋วก็ต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้จุดจำหน่ายตั๋ว (Ticket Office) ที่บริเวณ Alexander Garden ที่สุดก็คือ Alexandrovsky Sad (Алекса́ндровский сад ) จุดนี้จะเป็นทั้งสถานที่ที่รับจองตั๋วล่วงหน้า แลกตั๋ว และ ขายตั๋วในวันที่จะชม สามารถซื้อตั๋วได้ทุกประเภทไม่ว่าอยากจะชมอะไรรวมทั้ง Diamond Fund (Алмазный фонд) ด้วย ในช่วงที่เรามาถือเป็นช่วงฤดูร้อน เขาจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.30 น. เราเดินทางมาถึงในเวลา 09.30 น. ค่ะ
เมื่อมาถึงเราก็กระจายกำลังกันในการไปจองตั๋วโดยแถวที่ยาวที่สุดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากThe Armoury Chamber (Оружейная палата) เพราะระบุรอบเข้าชม มีทั้งหมด 4 รอบต่อวัน (10.00 am, 12.00 pm, 2.30 pm, 4.30 pm) จำกัดรอบละ 100 คนเท่านั้นอีกต่างหาก หน้าเคาน์เตอร์ระหว่างรอซื้อตั๋วจะมีตัวเลขให้เห็นเลยว่ารอบนั้นๆ เหลืออีกกี่คน คือยืนต่อแถวไปก็ลุ้นไปว่าจะถึงเราหรือไม่ เพราะบางทียืนต่ออยู่คนเดียวแต่ซื้อทีเป็นสิบใบเลยทีเดียว The Armoury Chamber ค่าเข้าชมคนละ 700 RUB ตอนที่เราไปถึงนั่นเป็นรอบบ่ายสองโมงครึ่งแล้วค่ะ
อีกแถวหนึ่งสำหรับการซื้อตั๋วเข้าชม Architectural complex of the cathedral square ซึ่งจะสามารถเข้าชมโบสถ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในพระราชวังเครมลิน ได้แก่ The Assumption Cathedral (Успенский Собор) The Archangel Cathedral (Архангельский собор) The AnnuciationCathedral (Благовещенский собор) The Church of Laying our Lady’s Holy Robe (Церковь Ризоположения) The Patriarch’s Palace with the twelve Apostles’ Church (церковь Двенадцати Апостолов) ซึ่งกลุ่มโบสถ์เหล่านี้ไม่ระบุรอบเข้าชม จะเข้าชมโบสถ์ใดก็แค่แสดงตั๋วเท่านั้น แถวตรงจุดนี้จึงสั้นค่ะ ค่าตั๋วคนละ 500 RUB แต่การเข้าชมห้ามถ่ายภาพด้านในโดยเด็ดขาด
ส่วนอีกแถวถัดไปก็คือตั๋วสำหรับการเข้าชม Diamond Fund หรือพิพิธภัณฑ์เครื่องเพชร สิ่งของมีค่าต่างๆ ราคาคนละ 500 RUB ซึ่งก็มีเป็นรอบๆ เหมือนกัน ซึ่งเราสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ค่ะว่าจะเอารอบไหนเพื่อไม่ให้ชนกับรอบของ The Armoury Chamber ซึ่งจริงๆ แล้วทางเข้าเดียวกัน แต่ด้านในไปคนละทางเท่านั้นเองค่ะ สำหรับตั๋วเข้าชม Ivan the Great Bell- tower (Колокольня Ивана Великого) และ Museum of history of Kremlin Architecture ที่อยู่ภายใน tower นั้นก็มีรอบเข้าชมเหมือนกัน แต่พวกเราไม่สนใจจะชมก็เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดอันนี้มาเลยค่ะ
หลังจากกระจายกำลังกันไปทำหน้าที่ สุดท้ายที่ต้องไปช่วยลุ้นกันสุดๆ ก็คือ The Armoury Chamber เพราะรอบบ่ายสองโมงครึ่งที่เรายืนต่อแถวอยู่และอีกประมาณสี่คิวก็จะถึง หมดลงต่อหน้าต่อตา นั่นหมายความว่า รอบต่อไปที่เราจะดูได้นั่นคือ 16.30 น. OMG !!! นั่นแปลว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันทั้งวันเลย ถ้าคิดจะไปไหนก็ต้องวนกลับมาอีก แต่ทำไงได้ มารัสเซียไม่ได้มาได้บ่อยๆ บินมาแล้วก็ต้องเที่ยวไป
หลังจากมีบัตรเข้าสถานที่ต่างๆ ครบตามต้องการพวกเราก็เดินออกไปที่ด้านนอกเพื่อไปต่อแถวเข้าชมพระราชวังกัน ทางเข้าชมจะอยู่ตรง Troitskaya Tower (Троицкая башня) แถวค่อนข้างยาวพอควร แต่จริงๆ แล้วที่ยาวๆ นั้นเป็นพวกกรุ๊ปทัวร์ค่ะ เรามากันเองเดินชิดซ้ายไปเลยไปจะเป็นพวกมากันเอง พวกเราก็เลยเดินดิ่งกันไปเลย พอไปถึงก็ยื่นตั๋วส่งให้คุณลุงเจ้าหน้าที่ที่ประตูทางขึ้นบันได แต่โดนเบรกเสียก่อน โดยมีเสียงว่า “Big Bag, Big Bag!!” ใช่เลย รีบกันจนลืมสนิทว่าต้องฝากสัมภาระ คุณลุงพูดเสียงดังไม่พอ มือก็ชี้ไปด้านหลังที่ใต้บันได ตรงนั้นเป็นห้องฝากสัมภาระค่ะ เราจะต้องเอากระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ไปฝากไว้ ส่วนกล้องและเสื้อหนาวสามารถนำเข้าไปได้ ไม่เสียค่าบริการอะไรทั้งสิ้นค่ะ จากนั้นเราก็เอาตั๋วมายื่นใหม่ ก็จะได้ขึ้นไปยังด้านบนซึ่งจุดนี้จะมีเครื่องสแกนกระเป๋า สัมภาระและอาวุธหลายช่อง ถือว่าค่อนข้างเร็วพอสมควร เพราะจากที่อ่านมา หากเข้าอีกทางเข้าหนึ่งคือ Borovitskaya Tower (Боровицкая башня) จะมีจุดสแกนน้อยกว่า แถวจะยาวกว่า เพียงประเดี๋ยวเดียวเราก็เข้ามาด้านในพร้อมที่จะเดินเข้าสู่เขต Moscow Kremlin กันแล้ว
จริงๆ แล้ว Kremlin (Кремль) ไม่ใช่พระราชวังค่ะ ในภาษารัสเซียแปลว่า ป้อมปราการ ภายในป้อมปราการประกอบไปด้วยพระราชวัง ศาสนสถาน และที่ทำการของรัฐบาล ดังนั้น Moscow Kremlin ก็เป็นป้อมปราการของเมืองมอสโคว์นั่นเอง ซึ่งก่อนการย้ายเมืองหลวงจากที่นี่ไปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช Moscow Kremlin เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์มานานกว่า 300 ปี แต่ภายหลังเมื่อมีการปฏิวัติรัสเซียก็ได้ย้ายเมืองหลวงจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กกลับมาที่มอสโคว์อีกครั้ง ปัจจุบัน Moscow Kremlin ใช้เป็นที่ทำการของประธานาธิบดี ที่รับรองแขกระดับประมุขของประเทศ มีพื้นที่ทั้งหมด 28 เฮกตาร์ มีหอคอย 19 แห่ง แนวกำแพงยาว 2,235 เมตร สถานที่แห่งนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดย UNESCO เพราะเป็นสถานที่ที่รวมศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของรัสเซียไว้มากมายหลายอย่างที่มีอายุยาวนานหลายร้อยปี Moscow Kremlin ตั้งอยู่บนเนินเขา Borovitskaya ซึ่งมีตลิ่งติดอยู่กับลำน้ำ Moskva กับลำน้ำ Neglinnaya ที่เชื่อมติดกัน เนินเขานี้ปัจจุบันเรียกกันสั้นๆ ว่า เนินเขา Kremlin
ทางเข้าหลักของ Moscow Kremlin คือทางเข้าที่ Troitskaya Tower ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงที่สุดของที่นี่ และถือเป็นป้อมปราการหลักของวัง แต่ก่อนจะมีนาฬิกาอยู่บนยอดของหอคอย แต่เมื่อเกิดการรุกรานของชาวสวีเดน จึงได้เอาออกและเปลี่ยนเป็นติดตั้งปืนใหญ่ทดแทน เมื่อยกข้อมือดูนาฬิกาทำให้เห็นว่าอีกเพียงสิบนาทีจะถึงรอบเข้าชม Diamond Fund ของพวกเราแล้ว ว่าแต่จะเดินไปทางไหนกันล่ะ ตอนทำการบ้านมาก็เหมือนจะไม่งง แต่พอเข้ามาในสถานที่จริง ทำไมมันงงแบบนี้
จริงๆ แล้วเมื่อเราดูจากแผนที่มีถนนเส้นหนึ่งที่สามารถเดินทะลุไปยัง The Armoury Chamber และ Diamond Fund ได้เลย แต่เมื่อเราเริ่มก้าวเดินเจอพี่ทหารของท่านปูตินเป่านกหวีดปรี๊ดๆ ใส่ทันที แล้วทำมือไม้บอกให้เราเดินอ้อมไป สรุปว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางต้องห้าม ผ่านไม่ได้ นั่นหมายความว่า เราจะต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางจัตุรัสวิหารเพื่อไปออกยังถนนอีกฝั่งหนึ่งที่เข้ามาจากทางประตูฝั่ง Borovitskaya Tower ย้อนกลับมาจนถึงถนนเส้นที่ห้ามผ่าน จะมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่คนหนึ่ง รอตรวจบัตรคนผ่านเข้า-ออก ซึ่งทางเข้าสู่ห้องชม Diamond Fund และ Armoury Chamber โดยไม่ผ่านจุดจำหน่ายตั๋วสามารถเข้าทางนี้ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งตรงจุดนี้มีคนยืนต่อแถวอยู่สามสี่คน และที่มือของพวกเขาเป็นรอบเข้าชมเวลา 10.30 น. หมายความว่าคนที่ชมรอบเดียวกับเราเขาเข้ากันไปหมดแล้ว เราทำได้แค่รอรอบต่อไปค่ะ
เมื่อยื่นรอไปได้สักพักเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยให้พวกเราเข้าไป เมื่อเข้าไปด้านในเขาจะให้เราไปฝากเสื้อหนาวตัวใหญ่ที่ห้องรับฝากสัมภาระด้านล่างกันก่อน ส่วนกล้องถือเข้าไปได้แต่ห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด เมื่อฝากสัมภาระเรียบร้อยเขาจะขอตรวจบัตร สแกนอาวุธ จากนั้นก็จะให้เราไปยืนหน้าประตูห้องที่ปิดทึบห้องหนึ่งแล้วจึงเปิดให้เราเข้าไป โดยมีเจ้าหน้าที่เดินตามดูเราห่างๆ ตลอดการเดินชม ที่นี่เป็นที่รวบรวมเพชรและอัญมณีล้ำค่าต่างๆ ห้องแรกเป็นห้องที่รวบรวมเพชรและอัญมณีต่างๆ ที่รัสเซียรวบรวมอยู่ ส่วนอีกห้องเป็นเครื่องประดับเพชรต่างๆ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีมูลค่ามหาศาล จนดูเหมือนว่าไม่น่าจะประเมินค่าได้เอาเลย อลังวังเวอร์สุดๆ เดินดูไปตาค้างไป แสบตาไป ที่เด่นสุดน่าจะเป็นเพชรตัด 3 ด้าน Shah Diamond ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Legendary Diamond และมงกุฎเพชรของราชวงศ์ Romanov ที่ประดับด้วยมุก ทับทิม และเพชรนับพันๆ เม็ด ซึ่งตลอดการเดินชมเจ้าหน้าที่จะเดินประกบเราตลอดค่ะ ทำยังกับว่าเราจะขโมยออกมาได้ง่ายๆ อย่างนั้นล่ะ และคุยกันเสียงดังก็ไม่ได้นะคะ เพราะเห็นอีกกลุ่มหนึ่งชื่นชมเพชรเสียงดังไปหน่อยเจ้าหน้าที่เข้ามาเตือนค่ะ
หลังจากเดินกันอย่างอึดอัดภายใต้สายตาที่ถูกจับจ้องกันจนรู้สึกว่าไม่ไหวล่ะ ก็พากันออก เจ้าหน้าที่ก็ดูเหมือนจะโล่งใจเวลาที่แต่ละกลุ่มที่เข้าไปชมกันเสร็จๆ ไปเสียที เพราะคุณพี่แกต้องคอยเดินตามหลายกลุ่มทุกฝีก้าว ถ้ามากกลุ่มนักแกเดินตามดูไม่ไหว เจ้าหน้าที่จะเปิดให้เราออกมาอีกประตูหนึ่งค่ะ อีกทางหนึ่งเป็นทางเดินไปสู่การเข้าชม The Armoury Chamber แต่เรายังต้องรอถึงเวลา 16.30 น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของวัน ในขณะที่ตอนนี้เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงกว่าๆ พวกเราก็เลยเดินลงไปที่ห้องด้านล่างที่รับฝากของ ตั้งใจว่าไปเอาข้าวของแล้วเดินไปชมกลุ่มวิหารกันก่อนก็แล้วกัน จากนั้นค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงกันต่อไป
เมื่อเดินลงไปด้านล่าง ไปเจอเจ้าหน้าที่กำลังตรวจตั๋วกลุ่มทัวร์คนไทยที่กำลังจะเข้าชม The Armoury Chamberพอดิบพอดี ด้วยมาเป็นกลุ่มเธอจึงไม่ให้ใช้เครื่องสแกนบัตร ดังนั้น พอเราไปยืนมองๆ อยู่เธอจึงเรียกพวกเราเข้าไปด้วยเพราะเข้าใจว่าอยู่ในกลุ่มทัวร์เดียวกันนี้ พวกเราต่างก็งง เพราะจู่ๆ เธอก็เรียกหาตั๋วแล้วก็เอาไปฉีก แล้วก็ไล่เราให้เดินตามๆ พวกข้างหน้าไป ดังนั้น กลับกลายเป็นว่าจากเดิมที่จะต้องเข้าชมในเวลา 16.30 น. ก็เลยได้ชมในทันทีโดยไม่ได้เจตนา OMG !!! บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกกับเราแบบไม่ทันตั้งตัวเอาจริงๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้