[CR] Spring Time in Russia : Day 7 ไปเยือนมหาวิหารมรดกโลกที่ Sergiev Posad


การเดินทางบนแผ่นดินรัสเซียของเรามาได้ครึ่งทางแล้วค่ะ ถ้ายังไม่เคยติดตามการเดินทางของพวกเรา ลองย้อนอ่านได้นะ
อัศวินขี่ม้าขาว
Spring Time in Russia : Day 1 กว่าจะได้พานพบ
https://ppantip.com/topic/37803666
Spring Time in Russia : Day 2 สัมผัสเพียงผันผ่าน
https://ppantip.com/topic/37808700
Spring Time in Russia : Day 3 สักครั้ง...เพื่อความทรงจำที่งดงาม
https://ppantip.com/topic/37820312
Spring Time in Russia : Day 4 จำใจลา..เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
https://ppantip.com/topic/37837923
Spring Time in Russia : Day 5 พรีเวียต มอสควา (Привет Москва)
https://ppantip.com/topic/37851876
Spring Time in Russia : Day 6 เรื่อยไปใน Red Square
https://ppantip.com/topic/37859178
ได้เวลาไปกับพวกเรากันต่อแล้ว ไปค่ะ อัศวินเดินทาง
หลังจากใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทั้งสองเมืองมาหลายวัน วันนี้พวกเราขอออกไปนอกเมือง เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง เราจะเดินทางไปยังเมือง Sergiev Posad (Сергиев Посад) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร Trinity Lavra of St. Sergius (Тро́ице-Се́ргиева Ла́вра) ที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก (Unesco World Heritage) ซึ่งโดยปกตินักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับจากมอสโคว์ เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลมาก แถมการเดินทางสะดวก เนื่องจากมีรถไฟออกจากมอสโคว์ทุกๆ 30 นาที ดังนั้น เราก็เลยขอไปเที่ยวแบบที่คนอื่นเขาแนะนำเอาไว้บ้างค่ะ เพราะเขาว่าสถานที่ไม่ควรพลาด
เราออกเดินทางจากบ้านโดยไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 5 จากสถานี Belorusskaya (Белору́сская) เพื่อไปลงยังสถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская) เนื่องจากเราจะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Yaroslavsky (Ярославский вокзал) ซึ่งจะเป็นชุมทางของรถไฟที่จะวิ่งออกจากมอสโคว์ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือของเมือง
สถานี Belorusskaya (Белору́сская)
บรรยากาศภายในรถไฟใต้ดิน
ภายในสถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская)
ขึ้นสู่ด้านบนกันค่ะ
เดินไปยังสถานีรถไฟ Yaroslavsky (Ярославский вокзал)

สังเกตง่ายๆ ค่ะ คือสถานีที่หลังคาสีเขียวๆ มีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วมากมายหลายช่องเลย ปัญหาคือเมื่อไปถึงไม่รู้ว่าจะซื้อที่ช่องไหน แต่ก็ไม่ยากสำหรับเราผู้ไม่รู้ภาษารัสเซีย ยื่นหน้าเข้าไปสักช่องหนึ่งแล้วก็ส่งภาษาไปหรือจะจดใส่กระดาษเป็นภาษารัสเซียแล้วยื่นไปให้เขาอ่านก็ได้ เพียงเท่านี้เขาก็จะบอกราคามา เราก็ชำระเงินไป พวกเราซื้อแค่ขาเดียวค่ะ ใครจะซื้อตั๋วไป-กลับเลยก็ได้ค่ะ
เลือกเข้าไปติดต่อซื้อตั๋วสักช่องหนึ่งค่ะ

สำหรับเราจ่ายเงินเรียบร้อย เขาออกตั๋วมาให้ หน้าตาตั๋วเหมือนใบเสร็จอะไรสักอย่าง เล็กๆ ชวนให้หายเสียจริงๆ ข้อความจะเป็นภาษารัสเซียทั้งหมดและมีบาร์โค้ดบนตั๋วสำหรับการสแกนเข้าสู่ชานชาลาค่ะ เอาละทีนี้ เราจะต้องไปชานชาลาไหนกันล่ะ ไม่ใช่ปัญหาอีกนั่นล่ะ สแกนบาร์โค้ดเพื่อผ่านเข้าไปในชานชาลาก่อน
หน้าตาของตั๋วที่เราจะได้มา ส่วนล่างเอาไว้สแกนเพื่อผ่านเข้าชานชาลาค่ะ

จากนั้นก็เอาตั๋วไปยื่นถามเจ้าหน้าที่ข้างในว่าเราจะต้องไปกับขบวนไหน เจ้าหน้าที่เขาก็ดีค่ะตอบมาทันที แต่เราฟังไม่ออกเลย เพราะเขาตอบมาเป็นภาษารัสเซียพร้อมชี้ไม้ชี้มือไป เหมือนเธอคงจะพอเดาได้ว่าเราไม่เข้าใจ จึงทำมือเหมือนจะบอกว่า ชานชาลาที่ 8 ถ้าเราเดามือเธอไม่ผิด

พวกเรามองหน้ากัน เพราะจับความได้ว่า ชานชาลาที่ 8 ดังนั้น จึงพากันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังชานชาลาที่ 8 เพราะไม่แน่ใจว่าจะออกในอีกกี่นาทีและใช่ขบวนที่เจ้าหน้าที่บอกมาหรือเปล่า จึงเอาตั๋วไปยื่นถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในขบวนอีก เขาพยักหน้าว่าใช่ ดังนั้น ก็โล่งใจว่าไม่ผิดขบวนแน่แล้ว
หน้าตารถไฟชั้นสามค่ะ คล้ายบ้านเราเลย

แต่จริงๆ ก็คือ สถานีที่เราจะลงเป็นสถานีกลางทาง รถไฟชานเมืองหรือรถไฟชั้นสามแบบนี้ทุกขบวนที่ผ่านสถานีนี้เราขึ้นได้หมดค่ะ แล้วแต่ว่าขบวนไหนออกก่อน ที่เขาให้เราขึ้นขบวนนี้ก็เพราะขบวนนี้ออกเร็วที่สุดก็เท่านั้นเอง ดังนั้น หน้าที่เรานับจากนี้คือต้องฟังสถานีที่จะลงให้ดีๆ เพราะไม่ใช่สถานีปลายทาง แต่อุปสรรคยังไม่หมดไป เมื่อขึ้นมาแล้ว ปรากฏว่า ไม่มีที่นั่งว่างเอาเลย เราต้องเดินสำรวจไปทีละโบกี้ระหว่างรถเริ่มเคลื่อนตัวออก และสุดท้ายก็ต้องไปเบียดนั่งกับคนอื่นๆ เพราะแน่นเกือบทุกโบกี้เลย
บางเก้าอี้ต้องนั่งเบียดสามคนค่ะ

หลังจากที่นั่งได้ และรถไฟก็เริ่มออกเดินทางแล้วประมาณ 10 นาที หรือเริ่มออกนอกเขตเมือง วิวข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป บ้านข้างทางเริ่มไม่เป็นตึก เริ่มเป็นหลังๆ มีทุ่งหญ้าโล่งๆ กว้างๆ ให้ได้เห็นมากขึ้น แต่ระหว่างที่หนูเล็กกำลังสดชื่นรื่นรมย์กับวิถีชาวชนบทข้างทางที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น อารมณ์แบบรถไฟชั้นสามก็ถูกกระชากกลับมาด้วยเสียงของคนที่มายืนบริเวณประตูระหว่างโบกี้ที่มาขายสินค้าต่างๆ คนเหล่านี้ไม่ใช่พนักงานรถไฟที่มาเดินขายอาหารเครื่องดื่ม แต่เป็นชาวบ้านที่นำข้างของสารพัดชนิดมาเสนอขายบนรถไฟ ไม่ใช่แค่อาหาร แบบข้างเหนียวเนื้อ ไก่ย่าง มะม่วง ถั่วต้มแบบบ้านเรา แต่มีหมดทุกประเภทค่ะ ตั้งแต่เสื้อผ้า ผ้าพันคอ ปลั๊กไฟ แผ่นปิดแก้หม้อรั่ว เสื้อผ้าเด็ก อุปรณ์ทำสวน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ของตกแต่งบ้าน ฝอยขัดหม้อ เป้ใส่คอมพิวเตอร์ ฯลฯ มีทั้งตะโกนขายธรรมดาๆ และมีทั้งแบบมาสาธิตวิธีการใช้ให้เห็นชัดเจน พูดโฆษณาเป็นภาษารัสเซียเสียงดังฟังชัด บางรายติดไมค์มาด้วยเพื่อให้ได้ยินทั่วถึง
จุดที่มาขายของคือบริเวณหน้าประตู ไม่กล้าเก็บภาพขณะกำลังเสนอขาย กลัวเขาว่าเอา​

นั่งดูไปแล้วก็เพลินดี ทำให้ไม่ง่วงนอนดีเหมือนกัน สักพักใหญ่ๆ มีพนักงานมาเดินตรวจตั๋วโดยใช้การสแกนบาร์โค้ดบนตั๋ว ซึ่งถ้าใครไม่มีตั๋วก็สามารถจ่ายเงินตรงนั้นได้เลย แค่บอกว่าจะไปลงที่ไหน แสดงว่าจริงๆ แล้วอาจจะไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ ขึ้นรถแล้วมาจ่ายบนรถก็ได้ แต่เราเอาชัวร์ดีกว่า ดังนั้น ข้อควรจำคือ เก็บตั๋วไว้ให้พนักงานรถไฟตรวจด้วยค่ะ ไม่ใช่ขึ้นมาแล้วก็ทิ้งขว้าง ไม่เช่นนั้นอาจต้องซื้อตั๋วใหม่

Sergiev Posad เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองมอสโคว์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง มีความหมายที่แปลได้ว่า เป็นสถานที่ตั้งถิ่นฐานของท่าน Sergius (Sergius’ Settlement) และความเป็นมาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมืองนี้พัฒนาขึ้นมาจากความมุ่งมั่นและอุตสาหะของนักบุญท่านนี้ เมืองนี้เปรียบเสมือนเมืองโบราณ เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด ในคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 เป็นที่แสวงบุญที่ศักดิ์สิทธ์ของประเทศ เป็นวิทยาลัยสอนศิลปะ สอนการร้องเพลงทางศาสนา สอนการวาดภาพไอคอน เป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่มีบาทหลวง 400 รูป และนักศึกษา 100 คน ในช่วงปี ค.ศ. 1930-1991 ช่วงที่เปลี่ยนการปกครองเป็นสหภาพโซเวียตใช้ชื่อเมืองนี้ว่า Zagorsk

ประวัติแรกเริ่ม คือ ในปี ค.ศ. 1354 นักบุญ Sergiev Posad หรือ Sergius แห่ง Radonezh เดินทางมาแสวงบุญจนถึงเมืองนี้ และเลือกสถานที่นี้เพราะว่าสงบ นักบุญ Sergiev ได้บำเพ็ญเพียรจนบรรลุสามารถรักษาคนไข้ให้หายได้ด้วยญาณสมาธิ อีกทั้งในยามทหารจะออกศึก ถ้ามาขอพรก็จะชนะศึก ทำให้เป็นที่ศรัทธาอย่างมาก

หลังจากจับเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เดาๆ ว่าเวลาประมาณนี้คือราว 1.30 ชั่วโมง ดังนั้น น่าจะใกล้ถึงแล้ว และเท่าที่ลองนับจำนวนสถานีที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นสถานีถัดไป แต่จะว่าไปสถานีนี้มีคนลงค่อนข้างเยอะค่ะ นักท่องเที่ยวก็ค่อนข้างมากคาดว่าน่าจะมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ดังนั้น เมื่อรถไฟจอดเทียบชานชาลา เราก็ลงที่สถานีเป้าหมายนี้กัน
ถึงสถานี Sergiev Posad แล้วก็ออกจากสถานีกัน

จากตัวสถานี เราใช้วิธีทำแผนที่นำทางไปสู่มหาวิหาร Trinity Lavra of St. Sergius ซึ่งก็ไม่ยากอะไรค่ะ เดินตรงออกไปก่อน เมื่อเจอแยกก็เลี้ยวขวา
เลี้ยวขวาจากถนนหน้าสถานีมาแล้ว จะเป็นถนนเส้นนี้ค่ะ เดินตรงอย่างเดียวเลย

จากนั้นก็เดินตรงอย่างเดียวไปเรื่อยๆ จะเห็นห้างใหญ่ๆ ทางซ้ายมือและท่ารถบัสทางขวามือ ถ้าเห็นอย่างนี้แสดงว่ามาถูกทางแล้ว ก็เดินต่อไปอีก จะผ่านบ้านเรือนผู้คน
ผ่านห้างทางซ้ายมือ และท่ารถบัสทางขวามือ ก็ยังตรงต่อไปอีก

สักประเดี๋ยวเดียวก็จะเห็นกลุ่มมหาวิหาร Trinity Lavra of St. Sergius อยู่ทางซ้ายมือซึ่งเราจะต้องลงเนินไปกันค่ะ
เป้าหมายของเราอยู่ในสายตาแล้ว

เมื่อเดินลงเนินไปเราจะพบกับตลาดขายของที่ระลึกตลอดแนวหลังคาคลุมทางเดินที่จะเดินสู่มหาวิหาร มีของขายมากมาย ใครสนใจจะซื้อก็ได้ค่ะ แต่แนะนำว่าเป็นขากลับน่าจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องหอบหิ้วระหว่างไปชมมหาวิหาร
ตลาดสินค้าของที่ระลึกระหว่างทางเดินสู่มหาวิหาร
มีขายตลอดแนวทางเดิน

เมื่อผ่านจุดนี้ไปก็จะไปถึงบริเวณลานกว้างด้านบนซึ่งเป็นลานด้านหน้ามหาวิหารก่อนการเข้าชม เป็นจุดจอดรถของนักท่องเที่ยวและรถทัวร์ซึ่งวันนี้มีคนมาเข้าชมไม่น้อยเลย

ก่อนจะเข้าไปทุกคนจะต้องไปซื้อบัตรก่อน โดยบัตรจะจำหน่ายที่ Tourist Information หรือที่ตัว I นั่นเอง เดินเข้าไปด้านในที่เคาน์เตอร์ค่ะ เมื่อชำระเงินแล้วเขาจะให้ใบเสร็จรับเงิน จากนั้นนำใบเสร็จรับเงินไปแลกบัตรเข้าชมกับอีกเคาน์เตอร์หนึ่งที่อยู่เยื้องๆ กัน (ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก ไม่เข้าใจ) ด้านในนี้นอกจากจะจำหน่ายบัตรแล้ว ยังมีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และของที่ระลึกต่างๆ จำหน่ายด้วย ส่วนห้องน้ำภายในอาคารนี้จะเสียค่าเข้า ถ้าต้องการเข้าให้ไปเข้าอาคารห้องน้ำสาธารณะด้านนอกดีกว่าค่ะ ไม่เสียค่าเข้า แต่เขาก็ขอรับบริจาคตามแต่ศรัทธา
ซื้อตั๋วที่อาคารนี้ค่ะ
ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ
อัศวินเดินทาง
ชื่อสินค้า:   ประเทศรัสเซีย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่