สติปัฎฐานในหมวดกายาฯหรือในอานาปานสติก็ตาม
ไม่มีการเพ่งลมเพื่อทำสมถะครับ
หรือยิ่งหายใจให้เข้าฌาน1-4ยิ่งไปกันใหญ่
ท่านลองดูสิมีที่ไหนกล่าวถึงฌาน
ไม่ว่าจะในอานาปานสติสูตรหรือมหาสติปัฎฐานสูตร
ตืความผิดๆกันเอาเองทั้งนั้นครับ
นี่เป็นสมาธิของพระพุทธองค์
เน้นไปทางสติที่กำหนดรู้เท่านั้น
เมื่อสติปีฎฐานเกิดสติเข้มแข็งแล้ว
ฌานจิตจะเกิดเอง
ไม่ว่าจะรูปฌาน1-4
หรืออรูปฌานทั้ง4
จะเกิดดับวนเวียนกันไปในการทำแล้วแต่สภาวะ
ท่านสังเกตุดูในบางช่วงขณะของการเดินสติปัฎฐาน
จะเกิดปีติและความสุขขึ้นในหท้ยวัตถุ
นั่นจิตเข้าสู่ฌานจิต1-3เป็นต้น
แต่นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการทำ
จุดประสงค์ของการทำคือให้เกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์
การจะเห็นลักษณะการแปรปรวนทั้ง3ประการนี้ได้
ก็ต้องทำสมาธิแบบดูลักษณะ
ที่เรียกว่า "ลักขณูปนิชฌาน"
หรือเป็นแบบวิปัสสนานั่นเอง
การที่จะเอาสมถะหรือฌานนำแล้ววิปัสสนาหรือเอาสติปัฎฐานตามนั้น
นั่นสำหรับผู้ที่เคยทำฌานมาแล้วก่อนเข้ามาบวช
พระองค์ทรงต่อยอดให้กับแนวทางที่ท่านเหล่านั้นชำนาญแล้ว
สรุปแล้วคือถ้าเดินสติปัฎฐานอยู่ไม่จำเป็นต้องแยกไปฝึกสมถะอีกครับ
★★★ถ้าปฎิบัติ "สติปัฎฐาน4" อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทำสมถะ★★★
ไม่มีการเพ่งลมเพื่อทำสมถะครับ
หรือยิ่งหายใจให้เข้าฌาน1-4ยิ่งไปกันใหญ่
ท่านลองดูสิมีที่ไหนกล่าวถึงฌาน
ไม่ว่าจะในอานาปานสติสูตรหรือมหาสติปัฎฐานสูตร
ตืความผิดๆกันเอาเองทั้งนั้นครับ
นี่เป็นสมาธิของพระพุทธองค์
เน้นไปทางสติที่กำหนดรู้เท่านั้น
เมื่อสติปีฎฐานเกิดสติเข้มแข็งแล้ว
ฌานจิตจะเกิดเอง
ไม่ว่าจะรูปฌาน1-4
หรืออรูปฌานทั้ง4
จะเกิดดับวนเวียนกันไปในการทำแล้วแต่สภาวะ
ท่านสังเกตุดูในบางช่วงขณะของการเดินสติปัฎฐาน
จะเกิดปีติและความสุขขึ้นในหท้ยวัตถุ
นั่นจิตเข้าสู่ฌานจิต1-3เป็นต้น
แต่นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการทำ
จุดประสงค์ของการทำคือให้เกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์
การจะเห็นลักษณะการแปรปรวนทั้ง3ประการนี้ได้
ก็ต้องทำสมาธิแบบดูลักษณะ
ที่เรียกว่า "ลักขณูปนิชฌาน"
หรือเป็นแบบวิปัสสนานั่นเอง
การที่จะเอาสมถะหรือฌานนำแล้ววิปัสสนาหรือเอาสติปัฎฐานตามนั้น
นั่นสำหรับผู้ที่เคยทำฌานมาแล้วก่อนเข้ามาบวช
พระองค์ทรงต่อยอดให้กับแนวทางที่ท่านเหล่านั้นชำนาญแล้ว
สรุปแล้วคือถ้าเดินสติปัฎฐานอยู่ไม่จำเป็นต้องแยกไปฝึกสมถะอีกครับ