🔩🔧🍺💃เส้นทางนี้โรยด้วยนัตและสกรู 9 ตอน ISO 💃🍺🔧🔩

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

☕🍽🍸

ประกาศการจะเริ่มเข้าระบบ ISO ก็มีมาให้ทุกแผนกเตรียมตัวรับ สิ่งแรกที่ต้องเตรียมคือ 5 ส ง่ายๆ สะสาง สะดวก สะอาด
สุขลักษณะ สร้างนิสัย ซึ่งแม่บทระบบมาจากญี่ปุ่น

เพราะว่าจะต้องมีบริษัทที่เราจะจ้างมาทำการประเมินและสอบผ่านให้ได้ คุณภาพและความเชื่อมั่นในการให้บริการ

สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ทำหน้าที่เป็นหน่วยรับรอง (Certification Body: CB)

เมื่อคิดได้ว่าภายในหน่วยงานของตนเองก็เข้าที่เข้าทางแล้ว จึงจำเป็นต้องไปหาแนวความคิดที่อาจช่วยให้เราคิดกว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงได้เอาเสื้อคลุมหรือเสื้อกาวน์สีกากีจากบริษัทเก่ามาสวม ที่มีเสื้อกาวน์เพราะเอ็มดีจะมาชวนเดินไปในโรงงานตอนเช้าบ่อยๆ เพื่อผ่านไปดูโรงหลอมอลูมิเนียมที่มีหม่องจีคุมอยู่ท้ายโรงงานที่สอง และระหว่างทางก็ดูสภาพทั่วๆไปในโรงงานด้วย

การบอกกล่าวภาษาไทยกับพนักงานจึงเป็นหน้าที่ของเรา เพราะผู้จัดการโรงงานเป็นเยอรมัน จึงได้เสื้อกาวน์มาสวมเพราะการนี้

การเข้าเดินดูไลน์การผลิตและรวมไปถึงการพริ้นท์บาร์โค้ด ไม่ได้พบอะไรผิดปกติแต่อย่างใด แต่เมื่อเห็นพนักงานก้มลงเก็บของที่หล่นบนพื้น แล้วจึงเห็นว่าพื้นโรงงานสกปรกมาก ทั้งฝุ่นทั้งคราบดำ เมื่อเดินจนพอใจแล้วก็ได้เดินไปหาคุณนพพรถามว่า

" พื้นโรงงานนี่ทำความสะอาดครั้งสุดท้ายเมื่อไร เคยกวาดไหมคะ" คุณนพพรยิ้มก่อนตอบว่า

" ไม่มีการล้างเลยตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานที่นี่" เมื่อฟังคำตอบแล้วก็ต้องยิ้มกับคำตอบจริงๆ

" ISO จะเข้าตรวจภาพโรงงานสะอาดก็น่าจะเป็นคะแนนได้นะคะ เดี๋ยวจะกลับไปดูที่ห้องบ้างเหมือนกัน จะดีเดย์วันไหนก็รีบๆเถอะ"

เมื่อได้บอกสิ่งที่อยากบอกแล้วก็เดินขึ้นกลับมายังแผนกตนเอง ส่วนพื้นโรงงานได้มีการทำความสอาดฉีดด้วยสายฉีดน้ำแรงสูงชำระคราบต่างๆที่พื้น คนงานกวาดไล่น้ำกันจ้าละหวั่น การเก็บสิ่งของให้พ้นน้ำเป็นไปอย่างโกลาหลในบ่ายอีกสองวันต่อมา ซึ่งคำชมเชยคุณนพพรได้รับจาก Mike ไปแล้ว แผนกอื่นก็รีบทำตาม โดยเฉพาะ Warehouse หรือ Inventory ของระบบ MRP ที่มีของวางกับพื้นมากที่สุด เราก็ไม่รู้ตัวว่าใช้มุมมองในฐานะผู้จัดการโรงงานไปแล้ว จะมองด้วย Scope ที่กว้างอยู่เสมอ

เมื่อถึงวันที่เจ้าหน้าที่บริษัทผู้ได้รับจ้างการประเมินมาถึงบริษัท หัวหน้าแผนกและผู้เกี่ยวข้องก็ได้ถูกเรียกไปฟังการPresent
พร้อมกับรับรู้วิธีการต่างๆ มีการบรรยายภาษาอังกฤษสลับไทยบ้าง เพราะฝรั่งเข้าฟังทุกคน คงจะเช็คความสามารถบริษัทที่ได้เลือกมาแล้วด้วย เราได้ไปกับคุณสถิตและคุณประดับ มีเอกสารแจกมากมาย เรารีบเขียนคำไทยลงกำกับในเอกสารตอนฟังเพราะคงไปแปลไม่ได้ง่ายหลังจากนี้

เมื่อจบขั้นตอนการอธิบายหลักเกณฑ์ของ ISO แล้วก็มาถึงกฎเกณฑ์ที่จะต้องทำและปฎิบัติในทุกๆหน่วยงานอย่างเป็นไปอย่างสอดคล้อง Synchronized กัน จำแนกเป็นข้อตามลำดับคือ

1. การตรวจประเมินระบบคุณภาพ (ก่อนดำเนินการให้คำปรึกษาแนะนำ (Initial System Survey)
2. การฝึกอบรม (Training)
3. การพัฒนาระบบเอกสาร (Document Preparation)
4. การนำระบบเอกสารไปปฏิบัติ (Implementation)
5. การตรวจประเมินระบบคุณภาพก่อนขอใบรับรอง (Pre-Assessment)

สิ่งที่จะเป็นตัวบอกถึงลำดับการปฎิบัติงานคือ Schematic Flow Chart ที่จะบอกทุกจุดให้ได้ Check point ความผิดพลาด
หรือเบี่ยงเบนออกนอกทางปฎิบัติงาน อย่างจุดรอเพื่อเข้าลำดับต่อข้างหน้า การรอจะมีผลเกิดความผิดพลาดไป จากการขนย้ายหรือหยิบฉวยขณะมีเวลาอยู่ตรงนั้น ถือเป็นจุดที่ต้องพึงระวัง

คนที่ไม่เคยเขียน Diagram or Chart มาก่อนย่อมมีปัญหา เพราะการอธิบายของเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นลักษณะการทำงานแบบผลิตภัณฑ์ของเรา ฝ่ายคงคลังหรือ Inventory ต้องขอมานั่งศึกษาการเขียน Chart จากแผนกเอ็นจิเนียร์ ซึ่งส่วนนี้ Mike ไม่ได้รับรู้ว่าฝ่ายเอ็นจิเนียร์ต้องเป็นพี่เลี้ยงให้หลายฝ่ายที่ลำดับงานของตนเองไม่ชัดแจ้งและถ่ายทอดลง Chart ได้อย่างเหมาะสม

เนื่องจากเราเคยเขียน Wiring Digram ให้แผนกไฟฟ้าในยามเร่งด่วนมาแล้ว และยังได้เขียน Schematic Flow Chart ให้นาย

ด้วยยังจำได้ว่าจุด Inspector ใช้รูปดวงตาเป็น Symbol จุดนั้น ด้วยไม่ได้คิดอะไรมาก หรือไม่รู้คิด เราใส่เส้นขนตาลงไปด้วย

นายร้องว่าไม่ใช่ Cartoon Catalog นี่เป็น Technical Schematic !

การเขียน Flow Chart เป็นการลำดับสายงาน Input Output ของวัตถุที่เคลื่อนตัวไปแต่ละขั้นตอนของงาน ตามตัวอย่าง

(credit:google)

การเขียน Flow Chart ต้องไปพร้อมกันการปฎิบัติจริง และการปฎิบัติจริงต้องมีเอกสารกำกับขั้นตอนว่าอยู่ในเอกสารแผ่นไหน

ฉะนั้นเอกสารจึงจำเป็นต้องใส่หมายเลข Running Number ของแต่ละขั้นตอน จึงทำให้มีเอกสารมากมาย ที่ต้องไม่ซ้ำกันทั้งบริษัท

เช่นแผนก เอ็นจิเนียร์ ใช้ ตัวอักษร E เพื่อสื่อรู้ทันทีว่าจากแผนกอินจิเนียร์ เอกสารจะเป็นเลขเดี่ยวเพื่อรอการแตกขยายเป็นส่วนเพิ่มเติม ทดแทน ด้วยการใช้เรื่องหมายจุด เป็น 1.1, 1.2 ไปเรื่อยๆ เพื่อสืบสาวประวัติก่อนหน้าได้

เมื่อต้องสอนหรือแนะนำแผนกอื่นในการใส่สัญลักษณ์ให้เป็นรูปเหลี่ยมหรือเหลี่ยมให้มากพอที่จะใช้มุมเหลี่ยมนั้นส่งเส้นไปยังขั้นตอนต่อไป Inventory หรือ Warehouse จึงมีทั้งเส้น Input มากมายด้วยการรับวัตถุจากการซื้อภายนอกโรงงานส่งมาจากแผนกจัดซื้อ

และจากการประกอบหรือทำเองจากในบริษัท กับมีเส้น Output ส่งออกไปยังแผนกต่างๆเพื่อประกอบการผลิต และการ Reject ชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน เส้นสายการเขียน ไดอะแกรมจึงเป็นงานที่ยากที่สุดที่กว่าจะส่งผ่านผู้ตรวจสอบว่า ถ้าอย่างนั้นแล้ว อย่างนี้จะไปไหน

ทำให้เราเหมือนต้องไปอยู่แผนก Inventory ก็ไม่ปาน ความเหนื่อยไม่รู้จะคุ้มกับการยอมรับของแผนก Inventory หรือเปล่า ที่สำคัญคือ Mike ไม่ได้รู้ในส่วนนี้ มีแต่คุณสถิตที่เข้าใจว่าทำงานเกินแผนกไปแล้ว ส่วนเอกสารของแผนกเอ็นจิเนียร์เองต้องให้คุณสถิตเช็คว่ามีการเดินทางครบทุกจุดที่หยุดพักเปลี่ยนสถานีไหม แล้วเราจะเขียน Chart Diagram เอง

หลังจากดูหน้าจอคอมพ์เช็คสูตรการผลิตที่เพิ่งปล่อยออกไปอยางฉุกละหุก ด้วยไม่มีเวลาให้เพ็ญประภาได้ปรึกษาเลย ยกน้ำชาขึ้นดื่มอึกหนึ่งแล้วก็เดินไปดูงานของคุณสถิตที่ห้อง เมื่อเปิดประตูกระจกที่กั้นทึบเฉพาะส่วนระดับโต๊ะ แปดสิบเซ็นติเมตรลงไป ก็เห็นคุณสถิตยืนอยู่ข้างโต๊ะตนเอง

" ว่าไง" เป็นคำทักของคุณสถิต

" เหมือนย้ายไปอยู่แผนกโน้นแล้วละค่ะ"

" พวกเขาไม่มี สกิลทางช่างนะ ต้องเข้าใจ"

" เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่น่าจะต้องมาเป็นภาระของหนูนะ"

"ก็เราเก่ง" พูดแล้วคุณสถิตก็ปลดเข็มขัด รูดซิปอย่างเร็วครึ่งหนึ่ง เอามือข้างหนึ่งควานชายเสื้อใส่ในกางเกง

เราตกใจทันทีร้องว่า

" โอ๊ะ ทำอะไร" แกหัวเราะร่า อย่างขำในท่าทางของเรา และก็รวบรวมเสื้อใส่ในกางเกงจนเสร็จ รูปซิปใส่เข็มขัดเข้าที่

" อย่าทำอย่างนี้อีกนะ หนูตกใจจริงๆ" พูดพลางหัวเราะว่าเป็นไปได้เนาะ ทำไมถึงไม่อายกัน หรือว่าแสดงความสนิทกัน

แต่ที่แน่ๆคุณสถิตหัวเราะอย่างมีความสุข เพราะก่อนหน้านั้นแกเลยเล่าตอนไปทานอาหารกลางวันกันว่า แกมีภรรยาสองคน คนแรกแกทำมือกว้าง ว่าตัวใหญ่เท่านี้

คุณสถิตบอกมาดูแล้วเอา Chart ที่แกทำไว้ให้เราถือกลับมาที่โต๊ะ นึกแปลกใจในพฤติกรรมคนไทยนิดๆ

ไม่รู้เป็นไงมักเจอคนที่มีลักษณะเจ้าชู้ถึงแม้จะไม่ได้แสดงกับเราก็ตาม อดนึกถึงดวงตาสีเทาอมฟ้าที่หัวเราะตาหวานให้บ่อยๆ
ที่บริษัทเก่า จนต้องบัญญัติคำว่า ' หลุด' ภาษาไทยให้ เพราะ Charles หลุดความในใจออกมาให้เห็นบ่อย

เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ทำงานหนักเกินตัวที่มีรูปร่างสมส่วน น่าทนุถนอมราวนางงามเดินในเวทีมากกว่าเดินในโรงงาน แต่คงเป็นเพราะพรหมลิขิตลืมย้ายถิ่นฐานให้เหมาะสมตอนเกิด แต่ผลดีก็มี สุภาพบุรุษทั้งหลายยินดีช่วยเหลือทุกครั้งเกินกว่าจะนับ และมักให้ความเอ็นดูแถมมาให้ด้วยเสมอ

ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว เราเดินไปห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามใกล้กับแผนกบัญชี พบ Daniel พอดีจึงทักทายกัน Daniel เป็นชาว
อังกฤษ แต่งงานแล้วมีลูกหนึ่งคน ท่าทางมีไมตรีดี เขาได้สอบถามถึงนมเด็กที่ไม่ได้ทำจากนมวัว เพราะลูกเขาแพ้นมวัว ก็แนะนำนมถั่วเหลืองของบริษัทเพื่อน เขาว่าคุณค่ามันน้อยไม่พอสำหรับเป็นอาหารของเด็กทารก มันแค่นมดื่มเล่นๆแก้กระหายเท่านั้น

ตอนนั้นไม่มีกูเกิ้ลให้เสาะหา จึงบอกไปว่าจะลองถามเพื่อนว่ามีขายที่ไหน วงการเขาย่อมรู้ Daniel กล่าวขอบคุณ และถามว่าเรา

ขับรถกลับบ้านเข้าเมืองไปถึงไหน เลยถามว่าเธอจะไปไหน เขาบอกว่าสุขุมวิท ก็เลยบอกว่าไปถึงบางจากเพื่อไปเล่นแบต มินตัน

เขาจึงขอไปด้วย เพราะวันนี้ไม่มีรถ ตอนยืนคุยกันก็มองขนสีทองที่แขนของ Daniel พร้อมกับบอกว่าที่บ้านฉันไม่มีหรอกDaniel จึงยกแขนขึ้นมาพร้อมทั้งหัวเราะ เราก็เอามือลูบขนที่แขนของเขาไปมา ทำไปโดยไม่รู้ตัว Daniel บอกว่าคนไทยชอบขนสีทองนะ

เดี๋ยวขึ้นรถไปกันแล้วไอจะให้ยูลูบให้พอเลย เราถามว่า Really? แล้วก็เดินยิ้มกลับมายังแผนก

เมื่อถึงที่จอดรถ Daniel ยืนหิ้วกระเป๋ารออยู่แล้ว ก็ได้ขับไปคุยกันไป เขาถามว่า unleaded gasolene ภาษาไทยเรียกว่า
อย่างไร คงเพื่อบอกตอนเติมน้ำมันว่า ไร้สาร เมื่อคุยกันเหมือนเพื่อนมาจนถึงบางจากก็จอดให้ Daniel ลงที่ป้ายรถเมล์ รอจับแท็กซี่ต่อไป Daniel นิสัยดีเหมาะอยู่เมืองไทย ในเวลาต่อมามีเลขามาสมัครใหม่ หุ่นดีทีเดียว และต่อมาอีกไม่นาน คนก็พบว่าทั้งสองไปเดินช็อปปิ้งด้วยกัน

โถ ..Daniel....ไปเร็วจัง !

🐘จบ 🐘
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่