โดนจับลิขสิทธิ์ เพราะโดนหลอกให้ลงโปรแกรมคาราโอเกะ

สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ชาวพันทิป วันนี้มีเรื่องเล่าครับ
แนะนำตัวก่อนครับ ผมทำงานเป็นวิศวกรอยู่โรงงานแถว ๆ ชลบุรีครับ เงินเดือนก็พออยู่ได้ 2 หมื่นเศษ ๆ ทำงานที่นี้ได้ ครึ่งปีแล้วครับ มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เลยคิดหางานอดิเรกทำ โดยงานที่ว่าคืองานประกอบโน้ตบุ๊คขายครับ ผมไม่มีหน้าร้าน เช่าห้องอยู่ เน้นขายออนไลน์ และรับกับมือสำหรับคนในพื้นที่ มีความรู้ทางช่าง การแกะ การถอดประกอบ แต่ไม่ถึงกับซ่อมเหมือนช่างอิเล็กทรอนิกส์ แต่ผมหาของเก่งครับ เคยทำขายสมัยตอนเรียนมหาลัย ซื้อเครื่องเสีย ๆ มายำรวมกัน โดยต้องมีสักเครื่องที่เปิดติด แต่อาจจะด้วยสภาพที่ไม่ดี เช่น จอแตก แป้นพิมพ์เสีย แบตเสื่อม บอดี้ไม่สวย หรือ สเปคมันต่ำ ผมก็ซื้อเครื่องพวกนี้มาถูก ๆ ถอดอะไหล่เครื่องเสียมาใส่เครื่องดีให้มันสมบูรณ์แล้วขาย เพราะอะไหล่โน้ตบุ๊คจำพวก จอ ฮาร์ดดิส แรม ซีพียู มันสามารถใส่ข้ามยี่ห้อกันได้อยู่แล้ว ส่วนพวกแป้นพิมพ์ แบตเตอรี่ และบอดี้ ก็หารุ่นใกล้เคียงในยี่ห้อนั้น ๆ มาเปลี่ยนเอา

ผมก็เริ่มทำได้ 2 สัปดาห์ ดูท่าจะรุ่งอยู่ เพราะลงไป 3 วันก็ขายเครื่องแรกได้แล้ว อาจเป็นเพราะเราขายถูก เน้นออกไว กำไรต่อเครื่องหลังจากหักต้นทุนตกเครื่องละ 1000-2000 บาท ก็ลงขายในเฟสบุ๊ค ในขายดี ในเว็บดัง ๆ อย่าง OCZ ขายไปได้เครื่องเดียว เครื่องที่ 2 ก็เจอแจ๊กพล็อต คืนหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งแชทเข้ามาผ่าน Marketplace ว่าสนใจเครื่อง เราก็คุย ถามนั่นนี้ เขาก็ตกลงจะเอา แต่เขาอยากให้เราลงโปรแกรมเพิ่มให้ เป็นโปรแกรมคาราโอเกะ ต้องโทษตัวเองจริง ๆ ที่ไปใส่ในคำอธิบายสินค้าว่า “โปรแกรมที่ลงไป ลงให้น้อย ลงเท่าที่จำเป็น จะได้ไม่หนักเครื่อง ถ้าต้องการโปรแกรมเพิ่มเติม สามารถบอกได้” ข้อความนี้คงไปเตะตาพวกล่อจับลิขสิทธิ์หรือยังไงไม่ทราบ เขามาหลอกเราครับ หลอกเราให้ลงโปรแกรม ผู้หญิงคนที่แชทมาก็วานให้เราลง แล้วให้เอาเครื่องไปส่งให้ ค่าน้ำมันเธอบอกจะออกให้เอง เราก็ว่าไม่เป็นไร ส่งให้ฟรีเลย แค่ไม่ต่อราคาผมก็ดีใจแล้ว ตอนคุยกันเรายังไม่รับปาก เพราะติดลูกค้าท่านหนึ่ง เลยให้เขาเป็นคิวที่ 2 พอวันต่อมาลูกค้าคิวแรกมาซื้อเครื่องครับ มารับที่ทำงานตอนเที่ยง ซื้อเสร็จ เราก็ทำเครื่องหมายว่าสินค้าขายไปแล้ว ทำให้แชทที่คุยกับผู้หญิงคนนี้หายไปด้วย เราก็หา หายังไงก็ไม่เจอ คิดดูแล้วกันเราเกือบจะไม่ต้องเจอผู้หญิงคนนี้แท้ ๆ ที่นี้เราเลยไปดูประวัติสินค้าที่เราขาย ซึ่งก็พบว่า ถ้าเราทำเครื่องหมายสินค้าว่าขายไปแล้ว พวกข้อความที่คุยกันระหว่างเรากับผู้ที่สนใจสินค้าจะหายไป ที่นี้เราเลยเปิดสินค้าขึ้นมาใหม่ให้พร้อมขาย เพื่อที่จะเข้าไปโปรไฟล์ผู้หญิงคนนี้แล้วแชทคุยกันไม่ต้องผ่าน marketplace เราจึงแชทบอกผู้หญิงไปว่า เครื่องที่คุณสนใจขายไปแล้วนะ แต่เรายังมีอีกเครื่องนะ สนใจไหม เธอก็ว่าสนใจ ต้องบอกว่าเครื่องนี้สภาพภายนอกมันไม่ดีเท่าไหร่ แทบจะไม่มีคนติดต่อหรือมาสนใจเครื่องนี้เลย มันมีตำหนิตรงบอดี้ไม่แนบสนิท ผู้หญิงคนนี้ก็ยังจะซื้อ ผมเห็นโอกาสจะขายได้ เลยต้องรีบขาย เครื่องนี้ผมก็ลงรายละเอียดเหมือนเครื่องที่ผ่านมา แต่ผมตัดคำว่า “ถ้าต้องการโปรแกรมเพิ่มเติม สามารถบอกได้” ผมเอาออกเพราะบรรยายตำหนิมันมากแล้ว เลยไม่ใส่ มันเยอะเกิน ที่นี้ ผู้หญิงคนนั้นเธอก็ยังจะซื้อเครื่องจากผมให้ได้ ผมบอกตำหนิเครื่อง เธอก็ว่ารับได้ ไม่มีปัญหา เอาเครื่องนี้แทน เดี๋ยวเช็คดูว่าเย็นนี้ว่างไหม อาจมีโอที เธอว่าอย่างนั้น ต่อมาเธอบอกว่ามีโอที ไม่สามารถออกไปรับเครื่องได้ เลยให้จะให้เรามาส่งในวันถัดไป เย็นวันนั้นเธอโทรมา ทวงเรื่องโปรแกรมคาราโอเกะที่ต้องลงให้เธอ ผมก็ว่าได้ ๆ ตัวผมเองแทบจะไม่เคยใช้โปรแกรมนี้ด้วยซ้ำ ไม่มีอยู่ในเครื่องตัวเองเลย ตอนถามชื่อโปรแกรมเธอก็บอกไม่รู้ชื่อ บอกแค่ว่าเคยเห็นที่ห้องของเพื่อนเปิดกัน เลยอยากได้ ผมเลยต้องไปค้นในกูเกิ้ลเอาเอง วันต่อมาผมก็มาทำงานปกติ พักเที่ยงก็มาโหลดโปรแกรมคาราโอเกะที่ว่า แล้วกลับมาติดตั้งอีกทีก่อนเลิกงาน เพราะเน็ตที่หอไม่มี ใช้เวลาติดตั้งนานอยู่จนเลยเวลาเลิกงานไป 15 นาที พอเสร็จแล้วก็รีบขับรถเอาเครื่องไปส่ง ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปทั้งชุดทำงานเลย จุดที่นัดกันอยู่ห่างจากที่ทำงานไป 20 กิโล เราก็จอดรถไว้ข้างทาง แล้วเดินเข้าไป เห็นผู้หญิงยืนอยู่คนเดียว เราก็เข้าไปถาม ซื้อโน้ตบุ๊คใช่ไหมครับ เธอก็บอกว่าใช่ แล้วเราก็นั่งลงเอาเครื่องออกมาให้เช็ค เปิดเครื่องให้ดู ดูนั่นนี่ ผู้หญิงคนนี้ทำทีว่าใช้ไม่เป็น ไม่เคยใช้ จะซื้อไปหัดใช้ เลยบอกให้เราเปิดให้ดูหน่อย เปิดโปรแกรมคาราโอเกะ ไอ้เราก็ได้ คลิกเปิดให้ พิมพ์ชื่อเพลงไป มีเสียงดนตรีขึ้นมา เธอก็โอเค จ่ายเงิน หลังจากที่เรารับเงินมา เราก็ก้มหน้าก้มตาปิดโปรแกรม ปิดเครื่อง พร้อมจะส่งมอบ ไม่ทันได้เหลียวซ้ายแลขวา ก็มีผู้ชายคนหนึ่งยื่นหน้าเขามาหาเรา ถามเรา ทำอะไร เราก็งง อะไรว่ะ นึกในใจ เพื่อนผู้หญิงรึเปล่า มาอำกันขำ ๆ รึเปล่า ไม่ทันได้ลุก ก็มีผู้ชายอีก 3 คนในชุดคล้าย ๆ ชุดกันกระสุน เป็นเสื้อกั๊กสีดำ บอกมาจับลิขสิทธิ์ มีตำรวจในเครื่องแบบคุมเชิงอีก 1 คนห่างออกไป 3-4 เมตร ตอนนั้นเรายังไม่เชื่อ นึกว่าเล่นตลกกัน ผู้ชายพวกนั้นกรูเข้ามาถ่ายรูป สั่งให้เราเอาเงินที่รับออกมา เสียงชัตเตร์รัว ๆ พูดอะไรหลายอย่างเราจำไม่ได้ ตอนนั้นตกอยู่ในสภาพช็อค สติไม่อยู่กับตัวแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ เขาก็บอกให้ลุกเดี๋ยวไปคุยกันที่โรงพัก เราก็ไปแบบงง ๆ ไปถามชื่อ ไม่ถามบัตร ไม่ถามอะไรกับเจ้าหน้าที่เลย เราเองก็เคยเห็นการจับลิขสิทธิ์แบบนี้ตามคลิปต่าง ๆ แต่ก็เห็นแบบไปที่ร้านมากกว่า แต่นี้ล่อจับเรา แล้วเอาตำรวจมา คุมไปโรงพักอีก เราก็เลยต้องไป เจ้าหน้าที่อีกคนก็เอากุญแจมอเตอร์ไซต์เราแล้วขับตามไป ส่วนผู้หญิงคนที่ล่อซื้อก็หายไปซะแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าโรงพักกับจุดที่ล่อซื้อห่างกันเพียง 100 เมตรเท่านั้น ถึงไปนัดซื้อขายกันในโรงพักเราก็คงไป เพราะเราหัวอ่อนเชื่อคนง่ายมาก ๆ ไม่ทันคิดเลย ที่นี้ก็เดินไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ไปคุยกันที่ซุ้มไม้ ก็พบเจ้าหน้าที่แต่ไม่ใช่ตำรวจ นั่งอยู่ 4 คน มีโน้ตบุ๊คกับเครื่องพิมพ์ตั้งอยู่ คนหนึ่งท้วม ๆ เขามาเจรจากับเราว่าเราโดนจับข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เพลง โดยติดตั้งโปรแกรมคาราโอเกะ เราก็แก้ต่างว่าผมไม่ได้ตั้งใจลง ผู้หญิงคนนั้นวานให้ทำ เขาก็ว่าไม่ได้ คุณเป็นคนทำ คุณผิด ถ้าคุณไม่ลงให้เขา คุณก็ไม่ผิด จำได้แม่นเลย เราไม่แก้ต่างให้ตัวเองเลย คิดแต่ว่าตัวเองผิด แต่ผิดมากผิดน้อยไม่ทันคิด มีแต่ถามเขาว่าผมต้องทำยังไง เขาก็บอกเดี๋ยวคุยกัน เรื่องนี้คุยกันได้ เดี๋ยวส่งสำนวนให้ร้อยเวรเสร็จ ทำเรื่องขึ้นศาลต่อ เรานิยิ่งช็อคเข้าไปใหญ่เลย พูดกับเจ้าหน้าที่ยังไงก็บอก เดี๋ยวคุยกัน คุยกันได้ จนเราถามว่า ผมต้องเสียเท่าไหร่ เขาบอก 50,000 แม่เจ้า เรานิแทบทรุดเลย เราก็บอก ผมมีไม่ถึงหร็อกพี่ 5 หมื่นมากมากอยู่นะ ผ่อนได้ไหม เขาก็ว่าไม่ได้ ไม่ได้ เราก็ว่าลดให้หน่อยได้ไหม ผมไม่มีเงินขนาดนั้นนั้น เขาเลยตอบ “35,000 ก็แล้วกัน เห็นว่าน้องคุยกันได้ ถ้าคุยไม่ได้ก็เหมือนไอ้คนเมื่อเช้า ดื้อดึง ไม่ยอม เลยอยู่ในคุกตั้งแต่เช้าแล้ว” พูดยังงี้เรายิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ 35,000 สำหรับเรามันยังมากโขอยู่ ไม่มีเงินเก็บเลย แต่วันนั้นเป็นวันที่เงินเดือนออกพอดี และก่อนหน้านี้ขายโน้ตบุ๊คได้ 4,500 เลยมีเงินอยู่ในบัญชี 28,750 เราเลยบอกขอลดอีกได้ไหมพี่ สัก 30,000 ได้ไหม ตอนนี้ผมมี 20,000 เอง เจ้าหน้าบอกไม่ได้ ก็ถามเรามีแฟนไหม มีเพื่อนไหม ไปยืมมา หลังจากนั้นเขาก็เกลี่ยกล้อมเราไปเรื่อย ๆ ให้หาเงินมาจ่ายให้ได้ ถ้าเราจบตรงนี้ จะได้ไม่เสียงานเสียการ จ่ายเสร็จ ปล่อยตัว ถอนแจ้งความ ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เราซึ่งไม่เคยเจออะไรแบบนี้ กลัวต่าง ๆ นานา ถ้าเราไม่ยอม คงจะยาว อีกทั้งเราต่อรองคนไม่เก่ง เมื่อเขาบอก 35,000 ก็ยอมรับไปตามนั้น  ไม่ได้อ้อนวอนขอลดไปมากกว่านี้เลย ทั้งที่จริงเรามีเหตุผลต่อรองแต่ตอนนั้นเราคิดไม่ออก มันมืดแปดด้านไปหมด สติไม่อยู่ ปัญญาไม่เกิด เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องโทรไปยืมเงินเพื่อน ยืม 2 คน คนละ 5,000 ยืมน้องสาวอีก เพื่อเป็นค่าอยู่ค่ากินเดือนต่อไป ในขณะที่กำลังโทร กำลังส่งหมายเลขบัญชีไปให้เพื่อน เขาก็เอาบัตรประชาชนเราไปกรอกข้อมูล ทำสำนวน มีการถามไถ่เรานั่นนี้ ทำงานที่ไหน มาจากไหน เราก็ตอบไปตามความจริงทุกอย่าง ระหว่างรอเพื่อนโอน เขาก็เอาสำนวนใบแจ้งความมาให้เราเซ็น เราก็เซ็นโดยไม่อ่านเลยว่าเราโดนข้อหาอะไร อย่างที่บอก ตอนนั้นมันมืดแปดด้านไปหมด สั่น คิดอะไรไม่ออก ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย อยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด คิดแต่จะหาเงินมาจ่ายค่าปรับอย่างเดียว ซึ่งมาคิดทีหลังเราช่างโง่เขลามาก เราไม่ได้โทรหาครอบครัวหรือญาติผู้ใหญ่เลย บางทีเราอาจมีทางออกที่ดีกว่านี้ เราเคยคิดว่าเราเก่ง เราฉลาด แต่เมื่อเจอเหตการณ์แบบนี้ เรารู้สึกกลายเป็นไอ้บื้อคนหนึ่งไปเลย หลังจากเพื่อนโอนมาให้เสร็จ เขาก็พาเราไปกดเงิน ขี่มอเตอร์ไซต์ไป ช่วงเวลาหนึ่งขณะที่เดินข้ามถนนไปตู้เอทีเอ็ม เรายังมีความคิดแปลก ๆ ผุดขึ้นมาในหัวประมาณว่า ถ้าเราวิ่งหนีตอนนี้จะรอดไหมว่ะ แต่รถมอเตอร์ไซต์ โน้ตบุ๊ค บัตรประจำตัวประชาชน ก็อยู่กับเขาหมด ได้ไม่คุ้มเสีย เราคงหนีไม่รอด และคงมีคดีติดตัว เรากดเงิน 2 ครั้ง เพราะเครื่องจ่ายธนบัตรเกิน 30 ฉบับไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสเงินจำนวนมากขนาดนี้ เราจับมันขึ้นมาหอมอย่างกับคนบ้า เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็เลี้ยวรถกลับมารับเราอีกฝั่ง แล้วกลับไปที่โรงพัก เขาก็พาไปหาร้อยเวรเพื่อถอนแจ้งความ ตอนนั้นเราก็อิดโรยมากแล้ว ช่วงเวลาแค่ 1 ชั่วโมง แต่รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ อยากให้มันจบเร็ว ๆ รีบ ๆ ให้เงินเขาไป หมอนั่นก็รับเงินไปแล้วเดินไปหาร้อยเวรให้ถอนแจ้งความ ซึ่งเราเองไม่ได้เดินเข้าไปดูด้วยซ้ำ ว่าเขาคุยอะไรกันรึเปล่า ได้แต่นั่งกุมขมับอยู่ห่าง ๆ พอเสร็จเรื่องก็ได้สำเนาใบถอนแจ้งความมา พวกเจ้าหน้าที่ก็คืนกระเป๋า กุญแจรถ และโน้ตบุ๊ค หนึ่งในพวกนั้นถามว่าโน้ตบุ๊คที่เอามาจะขายเท่าไหร่ พี่จะซื้อ เราแอบดีใจอยู่นิดหนึ่ง แล้วบอก 4,500 ครับพี่ เขาตอบกลับมาว่า 2,500 ได้ไหม เรานิพูดไม่ออกเลย จับเราแล้วยังไม่กดราคาเราอีก คงเห็นว่าเราเดือดร้อน คิดว่าเราจะขายถูก ๆ เราก็ตอบแต่ว่า ไม่ได้ครับ หลังจากรับของมาแล้วก่อนจะกลับ เราถามถึงผู้หญิงคนที่ล่อซื้อว่าอยู่ไหน เขาบอกไปล่อจับอีกที่หนึ่ง วันนี้มันยังมีอีกหรอ วันนี้คงได้กันถ้วนหน้าสินะ เราคิด ก่อนจากกันเรานึกอะไรไม่ออก เลยพูดกึ่ง ๆ ประชดว่า เล่นได้ดีมากครับพี่ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีกนะ พูดเสร็จก็ออกมาขับมอเตอร์ไซต์กลับห้อง ในหัวยังคิดเรื่องเมื่อชั่วโมงที่แล้วอยู่เลย ขับรถอยู่ถ้าเป็นอะไรไปบนถนนคงไม่ต้องสืบ เพราะสติไม่อยู่กับตัวเลย คับแค้นใจสุด ๆ เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงต้องมาสูญไป คิดถึงทีไรยังแค้นใจไม่หาย ทั้งแค้นใจตัวเองและคนพวกนี้ แค้นใจตัวเองที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่เก็บหลักฐาน ไม่รู้จักชื่อเจ้าหน้าที่ ไม่ขอดูบัตร ไม่คิดให้มากกว่านี้ ถ้าท่านผู้อ่านในพันทิปในพันทิปแนะนำผมไปเอาคืนคงยาก เพราะไม่ได้เก็บอะไรไว้เลย มีแค่สำนวนถอนแจ้งความอย่างเดียว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่