วันพระใหญ่ขึ้น15ค่ำ  เรือประมงต่างๆในละแวกนี้ ที่ออกจับปู จับปลาหากิน ต่างจอดสงบนิ่งอีกครั้ง
คล้ายกับเป็นการหยุดพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูร่างกาย ที่ต้องผจญกับคลื่น ลม เปลวแดด มาตลอดทั้งน้ำร่วม20วันที่ผ่านมา
ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้  ก็จะทอแสง สาดส่อง อย่างเต็มที่ เหมือนกับชุบชีวิตสัตว์ต่างๆในทะเลให้เติบใหญ่
อิทธิพลของคืนที่ ดวงจันทร์เต็มดวง มีผลต่อ ชีวิตสัตว์ทะเล ที่มีเปลือกหรือกระดองหุ้ม ไม่เว้นแม้แต่แพลงตอนสัตว์เล็กๆที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
หลายชีวิต เริ่มก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทะเล เพื่อคงความสมบรูณ์ ได้อย่างน่าพิศวง
ฝูงปลาบางชนิด จะขึ้นสู่ผิวน้ำ ดำผุดดำว่าย สะท้อนประกายแสงจันทร์ จนผิวน้ำระยิบระยับแข่งกับแสงดาว
พรายน้ำหรือแพลงตอนต่างๆ จะถูกสายน้ำ พัดพาไปตาม แรงลม เมื่อปะทะกับสิ่งใด ก็จะแลเห็นแสงพราวแพรวใต้น้ำ
คลื่นใหญ่น้อยต่างพากันเรียงราย เดินหน้าสู่ชายหาด เกิดเป็นฟอง แล้วแตกดับ พร้อมกับเสียงน้ำเซาะทราย

ชาวประมงในยามนี้ มักจะใช้เวลาหลังอาหารค่ำ ที่ร้านน้ำชา เพื่อพบปะพูดคุย บ้างก็หยอกล้อกันเพื่อให้มีเสียงหัวเราะ
น้ำชา  กาแฟร้อน ถูกจัดวาง พร้อมขนมหวานต่างๆ หลากหลาย บางคนก็จูงลูกชายตัวเล็กเข้าร่วมวงสนทนา
คล้ายๆเป็นสิ่งเตือนให้พวกเพื่อนๆรู้ว่า อยู่ร่วมคุยได้ไม่นาน
ร้านน้ำชาแห่งนี้ จึงเป็นแหล่งนัดพบ ของชาวประมงในหมู่บ้าน ทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง เป็นเช่นนี้ตลอดมา

อาหารมื้อสาย  ในช่วงคลึ้มฟ้าฝน แบบนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่า ต้มยำโป๊ะแตก
คำว่าโป๊ะแตกน่าจะมาจาก ชาวประมงภาคกลาง ที่มีอาชีพทำโป๊ะ
โป๊ะ คือการนำไม้ไผ่ไปปักล้อมเป็นวงๆในทะเล โดยมีผืนอวนเก่าๆรองใต้พื้นและกั้นด้านข้าง
ปากโป๊ะ จะกั้นไม้ถี่ และปักลึกเพื่อให้แข็งแรง ยามที่น้ำขึ้น สัตว์น้ำวัยอ่อน และพวกแพลงตอนจะถูกกระแสน้ำพัดเมื่อพีดเข้าสู่โป๊ะ
สัตว์น้ำตัวใหญ่ๆก็จะตามเข้ามากิน เมื่อเข้าแล้วก็จะออกจากโป๊ะไม่ได้ ว่ายวนหากินอยู่ในนั้น
ปลาที่ได้มีสารพัด เล็กใหญ่ปะปนกันไป ถ้าเป็นหน้าหอยแมงภู่ หอยก็จะจับผืนอวนและไม้ไผ่
ว่ากันว่า ปลาทูโป๊ะ นี่อร่อยเด็ด เพราะเนื้อมัน
เมื่อชาวประมงไปกู้โป๊ะ ครั้นได้ปริมาณมาก ก็จะนำไปขาย ที่เหลือก็เอาไปทำกับข้าว
ปรุงกันง่ายๆ กินกันง่ายๆตามฉบับ ชาวทะเล

ตะโกน้อย คงกินหมึกไปมาก อาหารจึงไม่ย่อย ถึงกับต้อง แอดมิท กันเลยทีเดียว