ลูกสาว อายุ 10เดือน ต้งกินยาต้านวัณโรครบกวนช่วยแชร์ความรู้เรื่องการกินยาวัณโรค ด้วยค่ะ
พอดีว่า ลูกสาวเมื่อตอน อายุ 6 เดือน ลูกสาว มี ก้อนเนื้อขึ้นที่ใต้ติ่งหู เลยพาไปหาหมอ ผลการวินิจฉัย ในการตรวจครั้งแรก คือ เป็น ต่อมนำ้เหลืองอักเสบ หมอเลยให้ยาฆ่าเชื้อมา แล้วนัดดูผลในอีก 2 สัปดาห์ ว่าก้อนที่ขึ้นมานั้นยุบลงรึเปล่า
ผลปรากฎว่ากินยาแล้วก้อนเนื้อไม่ยุบลง เลยไปหาหมออีกครั้ง หมอได้ตรวจ แล้วบอกว่า อาจเป็นซีสต์ ไม่อันตราย อีก 2 เดือน ค่อยมาพบหมอดูอาการอีกครั้ง
แต่หลังจากนั้นมา ประมาณ3 สัปดาห์ ก้อนเนื้อนั้น มีสีแดงอมม่วง จึงได้รับพาลูกไปพบหมอ ว่าเกิดอะไรขึ้น หมอได้ทำการตรวจ และบอกว่า อาจจะ เป็นวัณโรคต่อมนำ้เหลือง แม่ตกใจมากที่ได้ยินและงงมาก ว่าลูกจะเป็นได้ยังไงในเมื่อคนในครอบครัว ไม่มีใครเป็นวัณโรค
จากนั้น หมอจึงนัดเจาะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลการตรวจ ปรากฎว่า มีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นวัณโรค แต่ยังไม่100% จึงต้องทำการ นำชิ้นเนื้อไปย้อมสี เทสแสกนเพาะเชื้อใต้ผิวหนัง เจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด ตรวจเสมหะ ซึ่งตอนนั้นสงสารลูกมากต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน และเจ็บตัวทุกวัน แต่ก็ต้องตรวจเพื่อความแน่ใจ ผลสรุปทุกอย่างดีหมด ผลย้อมสีชิ้นเนื้อก็เป็นnegative ตอนแรกดีใจ คิดว่าลูกรอดแล้ว หายแล้ว แต่มันไม่ใช่ ก้อนเนื้อตรงนั้นมันยังอยู่ หมอก็เลย วินิจฉัยว่า มีแนวโน้มว่าจะเป็นวัณโรค 60-70% หมอจึงตัดสินใจ ว่า ให้กินยาต้าน วัณโรค ค่ะ กินทั้งหมด9 เดือน ( การดำเนินการตรวจ และรักษา ไปทั้งหมด 3โรงพยาล ตรวจกับคุณหมอ 7 คน ค่ะ ถึงได้ผลสรุปว่า ต้องกินยาต้านวัณโรคค่ะ) จริงๆแล้วหมอก็ได้บอกถึง วิธี การกินยา ผลข้างเคียงต่างๆ มาแล้ว แต่ ดิฉันก็ยังกังวลและ อยากที่จะทราบข้อมูลจากพ่อแม่ท่านอื่นๆ ที่มีประสบการณ์จากการที่ลูกต้องกินยาวัณโรค ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วมีอาการข้างเคียงอย่างที่หมอบอกรึเปล่า กินแล้ว นานรึเปล่าที่อาการจะดีขึ้น หรือจะมีข้อแนะนำอื่นๆ ดิฉันจะได้นำไปปฏิบัติแล้วปรับใช้ กับการให้ยากับลูกสาวค่ะ .... อาจจะเขียนยาวไปหน่อยนะคะเพราะต้องการอธิบายถึงที่มาที่ไป เพื่อที่ ผู้ที่มีประสบการณ์หรือมีคำแนะนำจะได้เข้าใจและ มีข้อแนะนำดีๆให้กับดิฉันค่ะ ... ขอบคุณค่ะ
เด็ก10เดือน กินยาวัณโรคอันตรายมั้ย
พอดีว่า ลูกสาวเมื่อตอน อายุ 6 เดือน ลูกสาว มี ก้อนเนื้อขึ้นที่ใต้ติ่งหู เลยพาไปหาหมอ ผลการวินิจฉัย ในการตรวจครั้งแรก คือ เป็น ต่อมนำ้เหลืองอักเสบ หมอเลยให้ยาฆ่าเชื้อมา แล้วนัดดูผลในอีก 2 สัปดาห์ ว่าก้อนที่ขึ้นมานั้นยุบลงรึเปล่า
ผลปรากฎว่ากินยาแล้วก้อนเนื้อไม่ยุบลง เลยไปหาหมออีกครั้ง หมอได้ตรวจ แล้วบอกว่า อาจเป็นซีสต์ ไม่อันตราย อีก 2 เดือน ค่อยมาพบหมอดูอาการอีกครั้ง
แต่หลังจากนั้นมา ประมาณ3 สัปดาห์ ก้อนเนื้อนั้น มีสีแดงอมม่วง จึงได้รับพาลูกไปพบหมอ ว่าเกิดอะไรขึ้น หมอได้ทำการตรวจ และบอกว่า อาจจะ เป็นวัณโรคต่อมนำ้เหลือง แม่ตกใจมากที่ได้ยินและงงมาก ว่าลูกจะเป็นได้ยังไงในเมื่อคนในครอบครัว ไม่มีใครเป็นวัณโรค
จากนั้น หมอจึงนัดเจาะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ผลการตรวจ ปรากฎว่า มีแนวโน้มว่าน่าจะเป็นวัณโรค แต่ยังไม่100% จึงต้องทำการ นำชิ้นเนื้อไปย้อมสี เทสแสกนเพาะเชื้อใต้ผิวหนัง เจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด ตรวจเสมหะ ซึ่งตอนนั้นสงสารลูกมากต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน และเจ็บตัวทุกวัน แต่ก็ต้องตรวจเพื่อความแน่ใจ ผลสรุปทุกอย่างดีหมด ผลย้อมสีชิ้นเนื้อก็เป็นnegative ตอนแรกดีใจ คิดว่าลูกรอดแล้ว หายแล้ว แต่มันไม่ใช่ ก้อนเนื้อตรงนั้นมันยังอยู่ หมอก็เลย วินิจฉัยว่า มีแนวโน้มว่าจะเป็นวัณโรค 60-70% หมอจึงตัดสินใจ ว่า ให้กินยาต้าน วัณโรค ค่ะ กินทั้งหมด9 เดือน ( การดำเนินการตรวจ และรักษา ไปทั้งหมด 3โรงพยาล ตรวจกับคุณหมอ 7 คน ค่ะ ถึงได้ผลสรุปว่า ต้องกินยาต้านวัณโรคค่ะ) จริงๆแล้วหมอก็ได้บอกถึง วิธี การกินยา ผลข้างเคียงต่างๆ มาแล้ว แต่ ดิฉันก็ยังกังวลและ อยากที่จะทราบข้อมูลจากพ่อแม่ท่านอื่นๆ ที่มีประสบการณ์จากการที่ลูกต้องกินยาวัณโรค ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วมีอาการข้างเคียงอย่างที่หมอบอกรึเปล่า กินแล้ว นานรึเปล่าที่อาการจะดีขึ้น หรือจะมีข้อแนะนำอื่นๆ ดิฉันจะได้นำไปปฏิบัติแล้วปรับใช้ กับการให้ยากับลูกสาวค่ะ .... อาจจะเขียนยาวไปหน่อยนะคะเพราะต้องการอธิบายถึงที่มาที่ไป เพื่อที่ ผู้ที่มีประสบการณ์หรือมีคำแนะนำจะได้เข้าใจและ มีข้อแนะนำดีๆให้กับดิฉันค่ะ ... ขอบคุณค่ะ