"แม้ภาพรวมการลงทุนกองทุนต่างประเทศ (FIF) (ไม่รวม Term Fund) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 จะพบว่ามีเงินไหลออกสุทธิ -14,284 ล้านบาท
เป็นเงินไหลออกภายในไตรมาส 2/61 สูงถึง -43,360 ล้านบาท จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 622,033 ล้านบาท ลดลง -4.66% เทียบจากสิ้นปี 2560"
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3170
แห่ลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศ
แม้ว่าสภาพตลาดยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนเท่าไรนัก แต่นักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อ “กองทุนหุ้นในต่างประเทศ” โดยจะเห็นได้จากเงินที่ไหลเข้าสุทธิในครึ่งปีแรกของกองทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
Asia Pacific ex-Japan Equity ที่ 14,528 ล้านบาท
Global Equity ที่ 13,191 ล้านบาท
China Equity ที่ 10,373 ล้านบาท
Emerging Market Equity ที่ 9,676 ล้านบาท
และ ASEAN Equity ที่ 5,749 ล้านบาท ตามลำดับ
เงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีน
ไม่หวั่นผลกระทบ Trade War
จากข้อมูลของ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า แม้ว่าจะมีความกังวลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่กลุ่ม “กองทุนหุ้นจีน” กลับมีเงินไหลเข้ามากที่สุดในไตรมาส 2 ถึง 2,834 ล้านบาท (ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือน -3.62%, 6 เดือน -3.93%)
รวมถึง “กองทุนหุ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่” ที่ถูกมองว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากก็มีเงินไหลเข้าเป็นอันดับสองถึง 1,950 ล้านบาท (ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือน -8.32%, 6 เดือน -8.40%)
ในขณะที่ “หุ้น US Equity” กลับมีเงินไหลเข้าเพียงเล็กน้อยที่ 567 ล้านบาท (ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือน +5.74%, 6 เดือน +3.18%)
ในส่วนของกองทุนที่มีเงินไหลออกมากที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น “กลุ่ม Global Bond” ที่ในครึ่งปีแรกนั้นมีเงินไหลออกถึง -57,315 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกลุ่มนี้เหลือเพียง 126,879 ล้านบาท จากที่เคยสูงสุดในช่วงสิ้นปีที่เกือบ 190,000 ล้านบาท
ตามมาด้วยกลุ่ม Global Health Care ซึ่งมีเงินไหลออกสุทธิ -10,459 ล้านบาท และ และ Global Allocation -5,543 ล้านบาท
โดย Market share 5 อันดับแรกของกองทุนต่างประเทศ มีดังนี้
Global Allocation ที่ 24.33%
Global Bond ที่ 20.40%
Global Equity ที่ 9.26%
Global Health Care ที่ 6.26%
และ China Equity ที่ 5.94%
ส่วน บลจ.ไทยที่มีส่วนแบ่ง Market share 5 อันดับแรกของกองทุนต่างประเทศยังคงเหมือนเดิมจากไตรมาสที่แล้วมีดังนี้
KAsset ที่ 24.55%
TMBAM ที่ 17.64%
SCBAM ที่ 16.20%
KSAM ที่ 9.13%
และ UOBAM ที่ 8.62%
โดยในครึ่งปีแรกนั้นมีการออกกองทุนต่างประเทศใหม่ ไม่รวม Term Fund ทั้งสิ้น 57 กอง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเกือบ 40,000 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกเป็นกองในกลุ่ม Global Bond 11 กอง (9,400 ล้านบาท) Global Equity 15 กอง (8,200 ล้านบาท) และ Global Allocation 9 กอง (6,200 ล้านบาท)
//////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com
เงินไหลเข้า "กองทุนหุ้นจีน" เมินผลกระทบ Trade War (โดย Smart Invest เว็บ Share2Trade)
เป็นเงินไหลออกภายในไตรมาส 2/61 สูงถึง -43,360 ล้านบาท จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 622,033 ล้านบาท ลดลง -4.66% เทียบจากสิ้นปี 2560"
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3170
แห่ลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศ
แม้ว่าสภาพตลาดยังไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนเท่าไรนัก แต่นักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อ “กองทุนหุ้นในต่างประเทศ” โดยจะเห็นได้จากเงินที่ไหลเข้าสุทธิในครึ่งปีแรกของกองทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
Asia Pacific ex-Japan Equity ที่ 14,528 ล้านบาท
Global Equity ที่ 13,191 ล้านบาท
China Equity ที่ 10,373 ล้านบาท
Emerging Market Equity ที่ 9,676 ล้านบาท
และ ASEAN Equity ที่ 5,749 ล้านบาท ตามลำดับ
เงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีน
ไม่หวั่นผลกระทบ Trade War
จากข้อมูลของ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) พบว่า แม้ว่าจะมีความกังวลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่กลุ่ม “กองทุนหุ้นจีน” กลับมีเงินไหลเข้ามากที่สุดในไตรมาส 2 ถึง 2,834 ล้านบาท (ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือน -3.62%, 6 เดือน -3.93%)
รวมถึง “กองทุนหุ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่” ที่ถูกมองว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากก็มีเงินไหลเข้าเป็นอันดับสองถึง 1,950 ล้านบาท (ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือน -8.32%, 6 เดือน -8.40%)
ในขณะที่ “หุ้น US Equity” กลับมีเงินไหลเข้าเพียงเล็กน้อยที่ 567 ล้านบาท (ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 เดือน +5.74%, 6 เดือน +3.18%)
ในส่วนของกองทุนที่มีเงินไหลออกมากที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น “กลุ่ม Global Bond” ที่ในครึ่งปีแรกนั้นมีเงินไหลออกถึง -57,315 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกลุ่มนี้เหลือเพียง 126,879 ล้านบาท จากที่เคยสูงสุดในช่วงสิ้นปีที่เกือบ 190,000 ล้านบาท
ตามมาด้วยกลุ่ม Global Health Care ซึ่งมีเงินไหลออกสุทธิ -10,459 ล้านบาท และ และ Global Allocation -5,543 ล้านบาท
โดย Market share 5 อันดับแรกของกองทุนต่างประเทศ มีดังนี้
Global Allocation ที่ 24.33%
Global Bond ที่ 20.40%
Global Equity ที่ 9.26%
Global Health Care ที่ 6.26%
และ China Equity ที่ 5.94%
ส่วน บลจ.ไทยที่มีส่วนแบ่ง Market share 5 อันดับแรกของกองทุนต่างประเทศยังคงเหมือนเดิมจากไตรมาสที่แล้วมีดังนี้
KAsset ที่ 24.55%
TMBAM ที่ 17.64%
SCBAM ที่ 16.20%
KSAM ที่ 9.13%
และ UOBAM ที่ 8.62%
โดยในครึ่งปีแรกนั้นมีการออกกองทุนต่างประเทศใหม่ ไม่รวม Term Fund ทั้งสิ้น 57 กอง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเกือบ 40,000 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรกเป็นกองในกลุ่ม Global Bond 11 กอง (9,400 ล้านบาท) Global Equity 15 กอง (8,200 ล้านบาท) และ Global Allocation 9 กอง (6,200 ล้านบาท)
//////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com