พรหมวิหาร 4
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ หลักการดำเนินชีวิตจึงมีรูปแบบเป็นวิถีของชาวพุทธ
ชาวพุทธนั้น ถูกหล่อหลอมวิถีและจิตใจด้วยพุทธปรัชญาตลอดมา
คนไทยส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่ได้รับส่วนของพุทธปรัชญาที่เรียกว่า "พรหมวิหาร 4" เข้าไว้ใจจิตใจเป็นหลักปฏิบัติ
ความอ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทยส่วนใหญ่
เพียงแต่เรามักจะรับพุทธปรัชญาดังกล่าวนั้น มาปฏิบัติไม่ครบ
พรหมวิหาร 4 สอนให้เรารู้จักขอบเขตของการกระทำ ข่มกลั้นความรู้สึก
แต่ข้อที่เรามักจะขาด คือ "อุเบกขา" ที่จะข่มกลั้นความรู้สึกหดหู่ต่อสิ่งที่เราพบเจอได้
เหตุนี้ คือเหตุที่ทำให้คนไทย มักเป็นคนขี้สงสาร จนบางครั้งเป็นภัยต่อตนเอง
การที่เราขาดอุเบกขา นั้นอาจทำให้เราต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ขาดทั้ง "มุทิตา" " คือความยินดีในผู้อื่น และ "อุเบกขา คือการวางเฉย
คนที่เข้าใจในพุทธปรัชญา ก็มักจะใช้การขาดมุทิตานี้ เป็นแรงผลักดันไปสู่ด้านดีก็ได้
แต่ทั้งนี้ ความขาดมุทิตา และ อุเบกขา มักทำให้เกิดความไม่ยินดีในผู้อื่น หรือที่เรียกว่า "ความริษยา"
ความอิจฉาริษยานี้ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะคนไทย แต่ทุกๆ คนในโลกนั้นล้วนมี ไม่มากก็น้อย หรือแม้จะบางครั้งก็ตาม
เพียงแต่เราจะปล่อยให้ความริษยานั้น ครอบงำจิตใจดึงเราไปสู่ด้านมืดหรือไม่
หรือเราจะปล่อยให้ผู้ที่เกิดความริษยานั้น ชักนำเราให้ไปสู่ความแตกสามัคคี หรือไม่ เท่านั้น
สามัคคีเภท
การขาดการพิจารณาไตร่ตรอง นำไปซึ่งความสูญเสีย
คือ ขาดความสามารถในการใช้ปัญญาตริตรองพิจารณาสอบสวน และใช้เหตุผลที่ถูกต้อง
จึงหลงกลในความขาด "มุทิตา" คอยยุแหย่ให้แตกความสามัคคีจนเกิดผลเสีย ทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง
เพราะ ความขี้สงสารของเรา อาจเป็นจุดอ่อนที่จะนำมาซึ่งความแตกแยกได้
“ผูกไมตรีจิต เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมือง ฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรื่องเคืองขุ่น ว้าวุ่นวายใจ
จำเป็นมาใน ด้าวต่างแดนตน”
อุเบกขา สอนให้เรารู้จักข่มใจ ไม่เฉพาะต่อความเมตตาสงสารเท่านั้น
แต่ต้องรู้จักวางเฉยต่อคำเยินยอจากคนรอบข้างด้วย
คนที่ยกย่องผู้อื่นด้วยคำเยินยอที่เกินพอดีต่อหน้า มักจะหาความจริงใจได้ยาก
“เมตตาทยาลุศุภกรรม อุปถัมภการุณย์
สรรเสริญเจริญพระคุณสุน ทรพูนพิบูลงาม
เปรียบปานมหรรณพนที ทะนุที่ประทังความ
ร้อนกายกระหายอุทกยาม นรหากประสบเห็น
เอิบอิ่มกระหยิ่มหทยคราว ระอุผ่าวก็ผ่อนเย็น
ยังอุณหมุญจนะและเป็น สุขปีติดีใจ”
สุดท้าย ขอฝากไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค
และเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน
ขอให้ยึดหลักพรหมวิหาร 4 ในการดำเนินกิจกรรมไม่ว่าเรื่องใดๆ
เพื่อให้ความสามัคคีอยู่กับท่าน
และให้สามัคคีนั้น นำพาให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยครับ
"สามัคคีเภท" และ "พรหมวิหาร 4" กับ "การดำเนินกิจกรรมร่วมกัน"
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ หลักการดำเนินชีวิตจึงมีรูปแบบเป็นวิถีของชาวพุทธ
ชาวพุทธนั้น ถูกหล่อหลอมวิถีและจิตใจด้วยพุทธปรัชญาตลอดมา
คนไทยส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่ได้รับส่วนของพุทธปรัชญาที่เรียกว่า "พรหมวิหาร 4" เข้าไว้ใจจิตใจเป็นหลักปฏิบัติ
ความอ่อนโยน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นนิสัยพื้นฐานของคนไทยส่วนใหญ่
เพียงแต่เรามักจะรับพุทธปรัชญาดังกล่าวนั้น มาปฏิบัติไม่ครบ
พรหมวิหาร 4 สอนให้เรารู้จักขอบเขตของการกระทำ ข่มกลั้นความรู้สึก
แต่ข้อที่เรามักจะขาด คือ "อุเบกขา" ที่จะข่มกลั้นความรู้สึกหดหู่ต่อสิ่งที่เราพบเจอได้
เหตุนี้ คือเหตุที่ทำให้คนไทย มักเป็นคนขี้สงสาร จนบางครั้งเป็นภัยต่อตนเอง
การที่เราขาดอุเบกขา นั้นอาจทำให้เราต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ขาดทั้ง "มุทิตา" " คือความยินดีในผู้อื่น และ "อุเบกขา คือการวางเฉย
คนที่เข้าใจในพุทธปรัชญา ก็มักจะใช้การขาดมุทิตานี้ เป็นแรงผลักดันไปสู่ด้านดีก็ได้
แต่ทั้งนี้ ความขาดมุทิตา และ อุเบกขา มักทำให้เกิดความไม่ยินดีในผู้อื่น หรือที่เรียกว่า "ความริษยา"
ความอิจฉาริษยานี้ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะคนไทย แต่ทุกๆ คนในโลกนั้นล้วนมี ไม่มากก็น้อย หรือแม้จะบางครั้งก็ตาม
เพียงแต่เราจะปล่อยให้ความริษยานั้น ครอบงำจิตใจดึงเราไปสู่ด้านมืดหรือไม่
หรือเราจะปล่อยให้ผู้ที่เกิดความริษยานั้น ชักนำเราให้ไปสู่ความแตกสามัคคี หรือไม่ เท่านั้น
สามัคคีเภท
การขาดการพิจารณาไตร่ตรอง นำไปซึ่งความสูญเสีย
คือ ขาดความสามารถในการใช้ปัญญาตริตรองพิจารณาสอบสวน และใช้เหตุผลที่ถูกต้อง
จึงหลงกลในความขาด "มุทิตา" คอยยุแหย่ให้แตกความสามัคคีจนเกิดผลเสีย ทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง
เพราะ ความขี้สงสารของเรา อาจเป็นจุดอ่อนที่จะนำมาซึ่งความแตกแยกได้
“ผูกไมตรีจิต เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมือง ฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรื่องเคืองขุ่น ว้าวุ่นวายใจ
จำเป็นมาใน ด้าวต่างแดนตน”
อุเบกขา สอนให้เรารู้จักข่มใจ ไม่เฉพาะต่อความเมตตาสงสารเท่านั้น
แต่ต้องรู้จักวางเฉยต่อคำเยินยอจากคนรอบข้างด้วย
คนที่ยกย่องผู้อื่นด้วยคำเยินยอที่เกินพอดีต่อหน้า มักจะหาความจริงใจได้ยาก
“เมตตาทยาลุศุภกรรม อุปถัมภการุณย์
สรรเสริญเจริญพระคุณสุน ทรพูนพิบูลงาม
เปรียบปานมหรรณพนที ทะนุที่ประทังความ
ร้อนกายกระหายอุทกยาม นรหากประสบเห็น
เอิบอิ่มกระหยิ่มหทยคราว ระอุผ่าวก็ผ่อนเย็น
ยังอุณหมุญจนะและเป็น สุขปีติดีใจ”
สุดท้าย ขอฝากไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค
และเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน
ขอให้ยึดหลักพรหมวิหาร 4 ในการดำเนินกิจกรรมไม่ว่าเรื่องใดๆ
เพื่อให้ความสามัคคีอยู่กับท่าน
และให้สามัคคีนั้น นำพาให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยครับ