ค่ารักพยาบาลบัตรทอง (เครียดมาก รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง) หากใครพอมีทางออก ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

เรื่องราว ยาวและซับซ้อน หน่อยนะคะ แต่คนที่ได้รับผลกระทบแบบเดียวกัน จะเข้าใจดี (หวังว่าจะมีคนได้รับผลกระทบเหมือนกันนะคะ)
ด้วยดิฉัน ทำงานอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมีสิทธิรักษาพยาบาลในวงเงิน จำนวน2x,xxx ต่อปี และหากเกินจำนวนนี้ จะต้องจ่าย co-pay อีกคนละครึ่งกับมหาวิทยาลัยแต่ไม่เกิน 5x,xxx  สิทธิการรักษาคือ บุคคลในครอบครัว พ่อ แม่ สามี(จดทะเบียน) บุตร  โดย ร.พ.ที่เข้ารับการรักษาต้องเป็น ร.พ.รัฐบาล เท่านั้น และนำใบเสร็จค่ารักษา มาเบิกจ่ายกับต้นสังกัด(มหาวิทยาลัย) สำหรับใบเสร็จนั้น หากมียานอกบัญชี ต้องมีใบรับรองยานอกบัญชีแนบมาด้วยพร้อมกับใบเสร็จ
       ดิฉันได้พาแม่ของดิฉันรักษาตามสิทธิสวัสดิการของมหาวิทยาลัย  ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เบิกจ่ายได้ตามระเบียบทุกอย่าง แต่ด้วยแม่ของดิฉันป่วยหนัก มีค่ารักษาที่สูงเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ต้องจ่ายค่ายา/่ค่ารักษา เป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจว่าจะนำแม่ไปรักษาตามสิทธิการรักษาบัตรทอง
       ดิฉันได้ขอประวัติการรักษาจาก ร.พ.ที่รักษาอยู่ ไปรักษาต่อ ร.พ.ตามสิทธิ  และ คุณหมอได้สั่งจ่ายยามาให้โดยที่มียาบางตัวที่สิทธิบัตรทองไม่ครอบคลุม(ต้องจ่ายเงินเอง) ดิฉันก็เลยคิดว่า ถ้ามีส่วนที่ต้องจ่ายเงินเอง ก็ขอใบรับรองยานอกบัญชีสำหรับยาตัวนี้ เพื่อที่จะได้นำมาเบิกจ่ายกับต้นสังกัด หมอแจ้งว่า สำหรับคนที่เข้าสิทธิบัตรทองแล้ว จะไม่สามารถปริ้นเอาท์ ใบรับรองยานอกบัญชีออกมาจากระบบได้  ใบรับรองยานอกบัญชีนี้ จะปริ้นได้ก็ต่อเมื่อแจ้งกับทางร.พ.ว่า เบิกต้นสังกัด เท่านั้น  
       ดิฉันก็เริ่มคิดว่าแล้วจะทำยังไงกับส่วนต่างดี เพราะบัตรทองไม่ครอบคลุม ไม่มีใบรับรองยานอกมาเบิกจ่ายกับต้นสังกัดได้ด้วย  ก็เลยขอให้หมอ ออกใบรับรองแพทย์ให้ว่าแม่มีความจำเป็นต้องใช้ยานี้ เผื่อไว้ว่า มหาวิทยาลัยจะยอมให้เบิกจ่ายได้  สุดท้ายนำมาเบิกจ่าย มหาวิทยาลัยก็ไม่ให้อยู่ดียังยืนยันว่าจะต้องมีใบรับรองยานอกบัญชี
      
       ต่อมา ดิฉันคิดว่ามันไม่ค่อยจะเป็นธรรมเท่าไหร่ เหมือนเราขาดสิทธิ อะไรบางอย่างไป จึงตัดสินใจว่าจะโทรสอบถาม สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ และได้สอบถามไป เล่าเหตุการณ์ข้างต้นให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สำหรับใบรับรองยานอกเป็นไปตามที่คุณหมอแจ้งทุกประการ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ปกติแล้ว สิทธิบัตรทองครอบคลุมเกือบทุกโรค ถ้ามีโรคใดที่สิทธิบัตรทองไม่ครอบคุมก็จะมีกองทุนที่สามารถเบิกจ่ายได้เป็นกองทุนที่รัฐบาลจัดสรรให้แต่ละ ร.พ. แต่หมอต้องมีความเห็นว่าผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้ยานี้ และอีกประการหนึ่งคือผู้ป่วยจะต้องไม่เรียกร้องใช้ยานอกบัญชีเอง
   * แต่ที่สำคัญคือ เจ้าหน้าที่ สปสช.แจ้งว่า หากว่าดิฉันมีสวัสดิการอยู่แล้ว แล้วยังไปใช้สิทธิบัตรทอง อาจจะโดยเรียกเก็บเงินย้อนหลังได้
อันนี้แหล่ะ ที่ดิฉันติดใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาที่พาแม่ไปรักษา ร.พ.ก็กรอกเลขบัตรประชาชนเอง ถ้าไม่ขึ้นสิทธิบัตรทองก็ไม่ให้รักษาอยู่แล้ว (อันนี้คิดในใจ)
    แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าเบื้องต้นสำหรับการที่เราต้องจ่ายเงินไปเองนั้น เค้าจะดำเนินการประสานกับทางร.พ.ให้แต่ขอให้ทางเรายืนยันว่าเราไม่ได้เรียกร้องจะใช้ยานอกบัญชีนี้เอง ดิฉันก็ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ไปค่ะ ว่าถ้าหากจะเรียกร้องใช้ยาเองคงไม่ไปรักษาตามสิทธิบัตรทอง
     ทางเจ้าหน้าที่รับเรื่องไป แล้วแจ้งว่าจะดำเนินการเรียกเงินคืนจากร.พ.ที่ไปรักษาให้
     2 -3 วันทำการ ได้รับการตอบกลับจากเจ้าหน้าที่ว่า ทางร.พ.กับทางเราพูดไม่ตรงกัน เหมือนกับว่าดิฉันจะเอาใบเสร็จไปเบิกสวัสดิการที่ทำงาน
     ดิฉันก็แจ้งว่า ก็ถูกต้อง ร.พ.พูดถูกต้อง เพราะดิฉันต้องจ่ายเงินยานอกบัญชีเอง แล้วดิฉันผิดด้วยเหรอที่จะนำเงินที่จ่ายไปเองมาเบิกกับสวัสดิการส่วนตัวแต่ถ้าสิทธิบัตรทองครอบคลุมทุกอย่าง ดิฉันจะเรียกร้องขอใบรับรองยานอกบัญชีเพื่อ?  (โมโหมากกก...)

     สรุป ล่าสุดนะคะเจ้าหน้าที่ สปสช.ให้คำแนะนำว่า ให้ดิฉันทำเป็นหนังสือเพื่อทาง สปสช.จะได้ยื่นให้กับ ร.พ. เพื่อเป็นลายลักษณ์อักษร จะได้ง่ายต่อการประสานงาน หากพูดด้วยวาจา ทาง ร.พ.จะไม่รับเรื่อง  (หากใครต้องการดูหนังสือที่ดิฉันทำไป หลังไมค์ได้นะคะ)
     ผลลัพธ์ตอนนี้
      1. รอฟังผลจาก สปสช.ว่าได้เงินคืนหรือไม่
      2. แม่ของดิฉันอาจจะถูกตัดสิทธิบัตรทองเนื่องจากฝ่ายกฎหมายของ สปสช. แจ้งว่าดิฉันใช้สิทธิซ้ำซ้อน ถ้ามีสิทธิสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้

   ข้อข้องใจ
1. วงเงินสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัย 2x,xxx ต่อปี และหากเกินจำนวนนี้ จะต้องจ่าย co-pay อีกคนละครึ่งกับมหาวิทยาลัยแต่ไม่เกิน 5x,xxx  สิทธิการรักษาคือ บุคคลในครอบครัว พ่อ แม่ สามี(จดทะเบียน) บุตร  ทั้งครอบครัว จะพอกับค่ารักษามั้ยคะ ใช้สิทธิคนเดียวในครอบตัวก็หมดแล้วค่ะ
2. รู้สึกว่าคำตอบที่ได้ มันไม่สมควรกับสิทธิที่ดิฉันมี ถ้าอย่างนั้นดิฉันไม่ขอรับสวัสดิการมหาวิทยาลัยดีกว่ามั้ย เพราะวงเงินไม่ครอบคลุมเลย


Facepalmใครหัวอก เดียวกันเจอสถานการณ์เดียวกัน คุยกันหน่อยนะคะ หรือมีอะไรพอจะแนะนำได้ช่วยด้วยนะคะ
หากใครต้องการข้อมูลเชิงลึกหรือประสบปัญหาเดียวกัน คุยกันหลังไมค์หรือในนี้ก็ได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่