การติดต่อทางการทูตระหว่างเปอร์เซียและฝรั่งเศสนั้นเริ่มต้นขึ้นในระหว่างช่วง ปี ค.ศ. 1708 – 1715 เป็นการเป็นความพยายามของเปอร์เซียที่จะติดต่อกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่หลังจากนั้น ราชวงศ์ ซาฟาวิด ล่มสลายลง การติดต่อกันระหว่างทั้ง 2 ชาติก็เงียบหายไป ความพยายามอีกครั้งของฝรั่งเศสเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 ในช่วง สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องการเปิดแนวรบเพิ่มให้กับรัสเซียอีกด้านหนึ่งซึ่ง เปอร์เซีย ดูจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะ ฝรั่งเศสได้ส่ง Jean-Guillaume Bruguières และ Guillaume-Antoine Olivier 2 นักวิทยาศาสตร์ไปยังเพื่อเป็นทูตเปอร์เซียแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จในการเจรจา
หลังจากนั้นในช่วงปี ค.ศ. 1805 นโปเลียนได้เป็นจักรพรรดิฝรั่งเศสและเอาชนะ กองทัพพันธมิตรออสเตรีย – รัสเซีย ได้อย่างยิ่งใหญ่ที่ Austerlitz ทำให้ดุลอำนาจของยุโรปเริ่มสั่นสะเทือน ในปีต่อมา สุลต่าน Selim III แห่งออตโตมันได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับ ฝรั่งเศส และเข้าร่วมสงครามกับ รัสเซีย – ออสเตรีย นโปเลียนมีความฝันตลอดว่าจะบุกไปให้ถึงอินเดีย (ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1798 และ ครั้งต่อมาในปี ค.ศ. 1801 แต่แห้ว-ทั้ง 2 ครั้ง) และในครั้งนี้เขาก็จะพยายามอีกครั้งโดยการเริ่มเจริญสัมพันธไมตรีกับเปอร์เซีย เขาเลยส่ง Pierre Amédée Jaubert นายทหาร และ นักวิทยาศาสตร์ ของเขาไปยัง เปอร์เซียเพื่อทำหน้าที่เป็นทูต ในขณะเดียวกัน พระเจ้าชาร์ Fath-Ali Shah Qajar(ไม่ใช่ซาร์น่ะ คำนี้มีรากศัพท์มาจากคำว่า ซีซ่าร์ เหมือนกัน ซึ่งแปลว่า จักรพรรดิ) แห่ง เปอร์เซีย ก็กำลังทำสงครามกับรัสเซียและเสียเปรียบรัสเซียเป็นอย่างมาก พระเจ้าชาร์ต้องการพันธมิตรเพิ่มในการทำสงครามกับรัสเซียเช่นกัน พระเจ้าชาร์ได้ส่ง Mirza Riza กลับไปหา นโปเลียนด้วยข้อความทีว่า “รัสเซียเป็นศัตรูของพวกเราทั้ง 2 จักรพรรดิ หน้าที่ของเราคือทำลายรัสเซีย จักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสจะโจมตีรัสเซียจากตรงกลาง ในขณะที่เรา(เปอร์เซีย) จะโจมตีจากทางใต้ ถ้าฝรั่งเศสต้องการจะบุก Khorasan (บริเวณปากีสถานและเอเชียกลางในปัจจุบัน) เราจะให้ความช่วยเหลือฝรั่งเศสในการบุกอินเดีย ถนนหนทางตั้งแต่ Kandahar ถึง Kabul จะปลอดภัย (ปัจจุบันอยู่ในอัฟกานิสถาน)
หลังจากนั้นพระเจ้าชาร์ก็ส่ง Mirza Mohammed Reza-Qazvini มาเป็นทูตและได้มีการทำสนธิสัญญา Finckenstein กับฝรั่งเศสในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ.1807 ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรของทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝรั่งเศสจะช่วยเปอร์เซียในรุกรานจอร์เจีย (เป็นของรัสเซียในตอนนั้น) ส่วน เปอร์เซียจะประกาศสงครามกับอังกฤษและช่วยฝรั่งเศสในการรุกรานอินเดีย ฝรั่งเศสได้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารกับเปอร์เซียโดยการส่ง นายพล Antoine Gardanne ไปที่เปอร์เซีย หน้าที่ของคือเขาพัฒนาเปอร์เซียให้ทันสมัยและหาเส้นทางจากเปอร์เซียไปสู่อินเดีย เขาได้สร้างกองทัพเปอร์เซียสไตล์ยุโรปขึ้นชื่อว่า Nezame Jadid ภายใต้การบัญชาของ เจ้าชาย Abbas Mirza และให้กองทัพที่ว่านี้ก็สามารถเอาชนะรัสเซียได้!! ที่เมือง Erevan วันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ.1808 แสดงถึงศักยภาพในการฝึกอันยอดเยี่ยมของฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังได้มีการตั้ง โรงหล่อปืนใหญ่ โรงงานต่างๆ ในเปอร์เซีย เรียกได้ว่านำมาสู่การพัฒนาของเปอร์เซียขนานแท้ เรียกได้ว่าชาวฝรั่งเศสนี่ล่ะทำให้เกิดกองทัพประจำการแท้ๆของเปอร์เซีย
ถึงแม้รัสเซียจะกลายเป็นพันธมิตรฝรั่งเศสหลังการลงนามในสนธิสัญญา Tilsit ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ.1807 แต่ นโปเลียนก็ยังต้องการเป็นมิตรกับเปอร์เซียต่อเพื่อสานต่อแผนการบุกอินเดียของเขา แต่เมื่อเปอร์เซียทราบว่าฝรั่งเศสไปเป็นพันธมิตรกับรัสเซียพวกเขาก็ไม่อยากจะเป็นพันธมิตรเพราะเท่ากับว่า ฝรั่งเศสจะไม่ช่วยเปอร์เซียในการยึดครอง จอร์เจีย และ อาเซอร์ไบจาน ตามที่สัญญาไว้ สุดท้ายเปอร์เซียหันกลับไปหาอังกฤษและยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส นายพล Antoine Gardanne เดินทางกลับฝรั่งเศสในเดือนมีนาคม ค.ศ.1809
ทูตเปอร์เซีย Mirza Mohammed Reza-Qazvini พบกับ นโปเลียนที่ ปราสาท Finckenstein
ความสัมพันธ์ระหว่าง นโปเลียน และ เปอร์เซีย
หลังจากนั้นในช่วงปี ค.ศ. 1805 นโปเลียนได้เป็นจักรพรรดิฝรั่งเศสและเอาชนะ กองทัพพันธมิตรออสเตรีย – รัสเซีย ได้อย่างยิ่งใหญ่ที่ Austerlitz ทำให้ดุลอำนาจของยุโรปเริ่มสั่นสะเทือน ในปีต่อมา สุลต่าน Selim III แห่งออตโตมันได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับ ฝรั่งเศส และเข้าร่วมสงครามกับ รัสเซีย – ออสเตรีย นโปเลียนมีความฝันตลอดว่าจะบุกไปให้ถึงอินเดีย (ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1798 และ ครั้งต่อมาในปี ค.ศ. 1801 แต่แห้ว-ทั้ง 2 ครั้ง) และในครั้งนี้เขาก็จะพยายามอีกครั้งโดยการเริ่มเจริญสัมพันธไมตรีกับเปอร์เซีย เขาเลยส่ง Pierre Amédée Jaubert นายทหาร และ นักวิทยาศาสตร์ ของเขาไปยัง เปอร์เซียเพื่อทำหน้าที่เป็นทูต ในขณะเดียวกัน พระเจ้าชาร์ Fath-Ali Shah Qajar(ไม่ใช่ซาร์น่ะ คำนี้มีรากศัพท์มาจากคำว่า ซีซ่าร์ เหมือนกัน ซึ่งแปลว่า จักรพรรดิ) แห่ง เปอร์เซีย ก็กำลังทำสงครามกับรัสเซียและเสียเปรียบรัสเซียเป็นอย่างมาก พระเจ้าชาร์ต้องการพันธมิตรเพิ่มในการทำสงครามกับรัสเซียเช่นกัน พระเจ้าชาร์ได้ส่ง Mirza Riza กลับไปหา นโปเลียนด้วยข้อความทีว่า “รัสเซียเป็นศัตรูของพวกเราทั้ง 2 จักรพรรดิ หน้าที่ของเราคือทำลายรัสเซีย จักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสจะโจมตีรัสเซียจากตรงกลาง ในขณะที่เรา(เปอร์เซีย) จะโจมตีจากทางใต้ ถ้าฝรั่งเศสต้องการจะบุก Khorasan (บริเวณปากีสถานและเอเชียกลางในปัจจุบัน) เราจะให้ความช่วยเหลือฝรั่งเศสในการบุกอินเดีย ถนนหนทางตั้งแต่ Kandahar ถึง Kabul จะปลอดภัย (ปัจจุบันอยู่ในอัฟกานิสถาน)
หลังจากนั้นพระเจ้าชาร์ก็ส่ง Mirza Mohammed Reza-Qazvini มาเป็นทูตและได้มีการทำสนธิสัญญา Finckenstein กับฝรั่งเศสในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ.1807 ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรของทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝรั่งเศสจะช่วยเปอร์เซียในรุกรานจอร์เจีย (เป็นของรัสเซียในตอนนั้น) ส่วน เปอร์เซียจะประกาศสงครามกับอังกฤษและช่วยฝรั่งเศสในการรุกรานอินเดีย ฝรั่งเศสได้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารกับเปอร์เซียโดยการส่ง นายพล Antoine Gardanne ไปที่เปอร์เซีย หน้าที่ของคือเขาพัฒนาเปอร์เซียให้ทันสมัยและหาเส้นทางจากเปอร์เซียไปสู่อินเดีย เขาได้สร้างกองทัพเปอร์เซียสไตล์ยุโรปขึ้นชื่อว่า Nezame Jadid ภายใต้การบัญชาของ เจ้าชาย Abbas Mirza และให้กองทัพที่ว่านี้ก็สามารถเอาชนะรัสเซียได้!! ที่เมือง Erevan วันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ.1808 แสดงถึงศักยภาพในการฝึกอันยอดเยี่ยมของฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังได้มีการตั้ง โรงหล่อปืนใหญ่ โรงงานต่างๆ ในเปอร์เซีย เรียกได้ว่านำมาสู่การพัฒนาของเปอร์เซียขนานแท้ เรียกได้ว่าชาวฝรั่งเศสนี่ล่ะทำให้เกิดกองทัพประจำการแท้ๆของเปอร์เซีย
ถึงแม้รัสเซียจะกลายเป็นพันธมิตรฝรั่งเศสหลังการลงนามในสนธิสัญญา Tilsit ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ.1807 แต่ นโปเลียนก็ยังต้องการเป็นมิตรกับเปอร์เซียต่อเพื่อสานต่อแผนการบุกอินเดียของเขา แต่เมื่อเปอร์เซียทราบว่าฝรั่งเศสไปเป็นพันธมิตรกับรัสเซียพวกเขาก็ไม่อยากจะเป็นพันธมิตรเพราะเท่ากับว่า ฝรั่งเศสจะไม่ช่วยเปอร์เซียในการยึดครอง จอร์เจีย และ อาเซอร์ไบจาน ตามที่สัญญาไว้ สุดท้ายเปอร์เซียหันกลับไปหาอังกฤษและยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส นายพล Antoine Gardanne เดินทางกลับฝรั่งเศสในเดือนมีนาคม ค.ศ.1809