อย่างที่รู้ว่า การรุกรานรัสเซียของนโปเลียนนั้นประสบความล้มเหลว กองทัพฝรั่งเศสอันเกรียงไกรต้องพังพินาศย่อยยับ ด้วยสภาพอากาศอันโหดร้ายและภูมิประเทศอันทารุณ หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้จักรวรรดิโบนาร์บาร์ตนิยมถึงความเสื่อมในที่สุด หลังจากอ่านประวัติการทำสงครามของนโปเลียนมาพอสมควร ผมก็ได้วิเคราะห์เหตุการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้ทั้งหลาย… และผมก็ตั้งข้อคิดเห็นนี้ขึ้นมา นั้นคือ หากนโปเลียนใช้กองทัพที่เล็กกว่านี้ในการบุกรัสเซียอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้!!! ถามว่าทำไมใช้กองทัพที่น้อยกว่าเดิมการรุกรานรัสเซียจึงสัมฤทธิ์ผลทั้งๆที่ กองทัพร่วม 685,000 นายอันเป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคนั้นกลับพ่ายแพ้ยับเยิน
1.นโปเลียนไม่เคยบัญชาการทหารพร้อมกันจำนวนมากขนาดนี้ นโปเลียนเป็นอัจฉริยะทางการทหาร ทำสงครามมานับไม่ถ้วน บัญชาการรบมาร่วม 60 กว่าครั้ง แต่จำนวนทหารที่นโปเลียนเคยบัญชาการนั้นไม่เคยเกิน 300,000 นาย ซึ่งเป็น จำนวนที่พอเหมาะพอควร ยิ่งกองทัพยิ่งใหญ่การประสานงานยิ่งยาก ติดต่อกันได้ยาก ยิ่งโดยเฉพาะการรุกรานรัสเซียที่มีทหารต่างชาติร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก และเสกลการบุกก็กว้างมาก ยิ่งทำให้การดำเนินแผนการณ์ทางยุทธศาสตร์ร่วมกันเป็นไปได้ยากตาม แม้อาจจะกล่าวว่าการจัดกำลังรบแบบ Corps ก่อให้เกิดความคล่องตัวในสนามรบ แต่พื้นที่อันกว้างขวาง สภาพอากาศอันทารุณ และบุกเข้าไปในรัสเซียในเสกลอันใหญ่โต ทำให้นโปเลียนที่ถนัดการรบเส้นใน หรือ รบเจาะแนว ต้องล่าช้า เพราะความใหญ่ของกองทัพ
2.สืบเนื่องจากข้อแรก กองทัพยิ่งใหญ่คนยิ่งเยอะ การเคลื่อนทัพก็ล่าช้าตาม กอปรกับภูมิประเทศไม่เป็นใจ ถนนหนทางก็กันดาร ทำให้การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและคล่องตัวของระบบ Corps ลดประสิทธิภาพลงไปมาก ก่อนหน้านี้ปัจจัยที่ทำให้นโปเลียนได้ชัยชนะมาตลอด คือการเคลื่อนทัพอย่างว่องไวประดุจสายฟ้าแลบจนข้าศึกคาดไม่ถึง แต่มาคราวนี้ นโปเลียนกลับใช้ประโยชน์ข้อนี้ไม่ได้ นโปเลียนไม่สามารถไล่ตามกองทัพรัสเซียที่เป็นเจ้าถิ่นได้ทัน ปล่อยให้เขาถอยร่นไปเรื่อยๆและเผาทำลายทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อฝรั่งเศสไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่สิ่งที่นโปเลียนต้องการที่สุดคือ หากองทัพรัสเซียให้เจอและขยี้พวกเขา!!!
3. กองทัพยิ่งใหญ่ การส่งกำลังบำรุงต้องดีตามการรบจึงมีประสิทธิภาพ กองทัพยิ่งใหญ่ก็ยิ่งต้องการการเลี้ยงดูที่มากขึ้นตามลำดับ แต่มาคราวนี้กลับปรากฎว่าถนนหนทางและสภาพอากาศ ไม่เป็นใจการส่งกำลังบำรุงจากแนวหลังมาจากแนวหน้าจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของนโปเลียนเลยกลายเป็นกองทัพอดข้าวซะแทน แทนที่พวกเขาจะรบอย่างเต็มประสิทธิภาพกาลกลับเป็นว่า ทหารของนโปเลียนเริ่มหย่อนวินัยและแตกแถวออกเที่ยวหาอาหารข้างทาง…. ยิ่งทำให้กองทัพของเขาประสิทธิภาพลดลงมาก
4. สุดท้ายกองทัพนโปเลียนใหญ่เกินจนรัสเซียไม่กล้าซึ่งๆหน้า…. ความจริงนายพลรัสเซียหลายคนมีแผนจะเข้าโจมตีนโปเลียน แต่หัวเรือใหญ่อย่างจอมพล Mikhail Bogdanovich Barclay de Tolly เห็นว่าถ้าเข้ารบกับนโปเลียนตรงๆมีแต่จะโดนขยี้เพราะจำนวนเป็นรองมาก ดังนั้นเขาจึงเลือกยุทธศาสตร์เผาและทำลาย ล่าถอยไปเรื่อยๆประวิงเวลาไปเรื่อยๆให้ธรรมชาติฆ่ากองทัพนโปเลียนเอง แต่ถ้ากองทัพนโปเลียนมีน้อยกว่านี้บางทีรัสเซียอาจจะกล้ารบกับ นโปเลียนตรงๆ (และแพ้อีกครั้ง) ก็เป็นได้
จากการที่ผมวิเคราะห์จาก 4 ปัจจัยหลักที่กล่าวมานี่ ทำให้ผมมองว่า ถ้านโปเลียนรุกรานรัสเซียด้วยทหารที่น้อยกว่านี้สักครึ่งหนึ่ง การรุกรานรัสเซียอาจจะประสบความสำเร็จก็เป็นได้
นโปเลียนอาจชนะการรณรงค์สงครามในรัสเซียถ้าเขาใช้กองทัพน้อยกว่านี้
1.นโปเลียนไม่เคยบัญชาการทหารพร้อมกันจำนวนมากขนาดนี้ นโปเลียนเป็นอัจฉริยะทางการทหาร ทำสงครามมานับไม่ถ้วน บัญชาการรบมาร่วม 60 กว่าครั้ง แต่จำนวนทหารที่นโปเลียนเคยบัญชาการนั้นไม่เคยเกิน 300,000 นาย ซึ่งเป็น จำนวนที่พอเหมาะพอควร ยิ่งกองทัพยิ่งใหญ่การประสานงานยิ่งยาก ติดต่อกันได้ยาก ยิ่งโดยเฉพาะการรุกรานรัสเซียที่มีทหารต่างชาติร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก และเสกลการบุกก็กว้างมาก ยิ่งทำให้การดำเนินแผนการณ์ทางยุทธศาสตร์ร่วมกันเป็นไปได้ยากตาม แม้อาจจะกล่าวว่าการจัดกำลังรบแบบ Corps ก่อให้เกิดความคล่องตัวในสนามรบ แต่พื้นที่อันกว้างขวาง สภาพอากาศอันทารุณ และบุกเข้าไปในรัสเซียในเสกลอันใหญ่โต ทำให้นโปเลียนที่ถนัดการรบเส้นใน หรือ รบเจาะแนว ต้องล่าช้า เพราะความใหญ่ของกองทัพ
2.สืบเนื่องจากข้อแรก กองทัพยิ่งใหญ่คนยิ่งเยอะ การเคลื่อนทัพก็ล่าช้าตาม กอปรกับภูมิประเทศไม่เป็นใจ ถนนหนทางก็กันดาร ทำให้การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและคล่องตัวของระบบ Corps ลดประสิทธิภาพลงไปมาก ก่อนหน้านี้ปัจจัยที่ทำให้นโปเลียนได้ชัยชนะมาตลอด คือการเคลื่อนทัพอย่างว่องไวประดุจสายฟ้าแลบจนข้าศึกคาดไม่ถึง แต่มาคราวนี้ นโปเลียนกลับใช้ประโยชน์ข้อนี้ไม่ได้ นโปเลียนไม่สามารถไล่ตามกองทัพรัสเซียที่เป็นเจ้าถิ่นได้ทัน ปล่อยให้เขาถอยร่นไปเรื่อยๆและเผาทำลายทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อฝรั่งเศสไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่สิ่งที่นโปเลียนต้องการที่สุดคือ หากองทัพรัสเซียให้เจอและขยี้พวกเขา!!!
3. กองทัพยิ่งใหญ่ การส่งกำลังบำรุงต้องดีตามการรบจึงมีประสิทธิภาพ กองทัพยิ่งใหญ่ก็ยิ่งต้องการการเลี้ยงดูที่มากขึ้นตามลำดับ แต่มาคราวนี้กลับปรากฎว่าถนนหนทางและสภาพอากาศ ไม่เป็นใจการส่งกำลังบำรุงจากแนวหลังมาจากแนวหน้าจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของนโปเลียนเลยกลายเป็นกองทัพอดข้าวซะแทน แทนที่พวกเขาจะรบอย่างเต็มประสิทธิภาพกาลกลับเป็นว่า ทหารของนโปเลียนเริ่มหย่อนวินัยและแตกแถวออกเที่ยวหาอาหารข้างทาง…. ยิ่งทำให้กองทัพของเขาประสิทธิภาพลดลงมาก
4. สุดท้ายกองทัพนโปเลียนใหญ่เกินจนรัสเซียไม่กล้าซึ่งๆหน้า…. ความจริงนายพลรัสเซียหลายคนมีแผนจะเข้าโจมตีนโปเลียน แต่หัวเรือใหญ่อย่างจอมพล Mikhail Bogdanovich Barclay de Tolly เห็นว่าถ้าเข้ารบกับนโปเลียนตรงๆมีแต่จะโดนขยี้เพราะจำนวนเป็นรองมาก ดังนั้นเขาจึงเลือกยุทธศาสตร์เผาและทำลาย ล่าถอยไปเรื่อยๆประวิงเวลาไปเรื่อยๆให้ธรรมชาติฆ่ากองทัพนโปเลียนเอง แต่ถ้ากองทัพนโปเลียนมีน้อยกว่านี้บางทีรัสเซียอาจจะกล้ารบกับ นโปเลียนตรงๆ (และแพ้อีกครั้ง) ก็เป็นได้
จากการที่ผมวิเคราะห์จาก 4 ปัจจัยหลักที่กล่าวมานี่ ทำให้ผมมองว่า ถ้านโปเลียนรุกรานรัสเซียด้วยทหารที่น้อยกว่านี้สักครึ่งหนึ่ง การรุกรานรัสเซียอาจจะประสบความสำเร็จก็เป็นได้