เมื่อการรุกรานรัสเซียเริ่มขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน กองทัพอันยิ่งใหญ่ของนโปเลียน "Grande Armée" กว่า 685,000 นาย ม้ากว่า 200,000 ตัว เกวียนบรรทุกเสบียง ยุทธปัจจัยต่างๆกว่า 8,000 เล่ม ข้ามแม่น้ำ เนเมน (Neman River) กำลังกรีธาทัพสู่ผืนดินอันแสนไพศาล นโปเลียนแบ่งการโจมตีของเขาเป็นสามง่าม ด้านเหนือจะรุกเข้าสู่เมือง ริก้า (Riga) ด้วยกำลังพล กองทัพน้อยที่ 10 ( X Corp) ของจอมพล แม๊คโดนัลด์ (Marshal Jacques MacDonald) 30,000 นาย และการสนับสนุนจากปรัสเซีย อีก 20,000 นาย
ตรงกลางจะบัญชาการโดยนโปเลียนเอง มีทหารราบและม้ากว่า 400,000 นาย
ส่วนกองกำลังระวังภาคใต้มีน้องชายของนโปเลียน พระเจ้า เจอโรมที่ 1 แห่ง เวสต์ฟาเลีย (King Jérôme I of Westphalia) บัญชาการทัพราวๆ 80,000 นาย พร้อมด้วยกองกำลังช่วยเหลือจากออสเตรียอีก 34,000 นาย และยังมีกองหนุนในโปแลนด์และเยอรมันราวๆ 90,000 นายรอหนุนเข้าไปช่วย
จุดประสงค์ของนโปเลียนในการรุกรานรัสเซียของนโปเลียนนั้นคือ บีบบังคับให้รัสเซียยอมกลับเข้า ระบบภาคพื้นทวีปอีกครั้ง เขาต้องการเผด็จศึกอย่างรวดเร็วและทำลายกองทัพรัสเซียให้ย่อยยับในเวลาอันสั้นอย่างที่ผ่านๆมา นโปเลียนคิดว่าเขาจะไม่รุกไปกว่าเมือง สโมเลนค์ (Smolensk) ซึ่งห่างจาก มอสโก ราวๆ 370 กิโลเมตร ถ้าสมมุติรัสเซียเกิดยังดื้อดึงจะทำสงครามต่อ นโปเลียนใช้ บริเวณ สโมเลนค์ และ มินส์ เป็นฐานและเตรียมการรุกต่อไปในฤดูใบไม้ผลิ
แผนภาพการบุกรัสเซียคร่าวๆ
ทางฝากฝั่งรัสเซียนั้นคาดคิดว่าพวกเขาจะระดมทหารได้กว่า 600,000 นายเพื่อหยุดยั้ง นโปเลียน แต่ตัวเลขนี้เป็นได้เพียงแค่ในกระดาษเพราะรัสเซียสามารถระดมทหารได้ 480,000 นาย เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่เป็นกองหนุนหรือพวก Militia ผิดกับกองทัพ นโปเลียนที่เป็นทหารอาชีพและมีประสบการณ์รบโชกโชน มีเพียงทหารม้า คอสแส๊คราวๆ 80,000 นายที่ถือว่าเป็นกองกำลังนอกประจำการที่น่าเกรงขามของรัสเซีย นอกจากนี้รัสเซียยังต้องแบ่งกองทัพไปรบ กับเปอร์เซีย และ เติร์ก ทำให้กองทัพประจำการที่ใช้รับมือนโปเลียนจริงๆมีเพียง 175,000 นาย โดยฝั่งรัสเซียมีผู้บัญชาการสูงสุดคือท่านจอมพลชาวสก๊อต บาเคลย์ เดอ ต๊อลลี่ ( Mikhail Bogdanovich Barclay de Tolly) โดยกองทัพรัสเซียจะแบ่งเป็น 3 กองทัพใหญ่ๆ
กองทัพภาคตะวันตกที่ 1 บัญชาการโดยตัว ต๊อลลี่ เอง มีทหารทั้งสิ้น ราวๆ 100,000 นาย
กองทัพภาคตะวันตกที่ 2 บัญชาการโดย จอมพล เพรตอยต์ บราติกอน (Pyotr Bagration) กำลังพลทั้งสิ้นราวๆ 33,000 นาย
กองทัพภาคตะวันตกที่ 3 บัญชาการโดย นายพล อเล็กซานเดอร์ โทมาซอฟ (Alexander Petrovich Tormasov) กำลังพลราวๆ 38,000 นาย
ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าขนาดนี้กอปรกับการแนะนำจากท่านนายพล คาร์ล ลุดวิก วอน พูล (Karl Ludwig von Phull) ว่าด้วยการใช้แผนยุทธศาสตร์เผาและถางหรือ Scorched Earth ทำให้ทุกๆที่ที่ฝรั่งเศสเคลื่อนทัพไปเต็มไปด้วยความรกร้าง ว่างเปล่า ไร้ปัจจัยทุกอย่างในการดำเนินชีวิต ซึ่ง ต๊อลลี่ ก็ตกลงใช้แผนการณ์นี้!! แม้จะขัดใจกับ นายทหารรัสเซียส่วนใหญ่ก็ตาม!!! และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เมื่อกองทัพ นโปเลียนที่มีจำนวนมากเดินทัพมาพบแต่ความว่างเปล่า ทหารม้าเบาลาดตระเวณจะกลับมารายงานด้วยถ้อยคำเดิมๆว่า "ดินแดนข้างหน้าก็ว่างเปล่าไร้ผู้คนเช่นเคย" กองอันเกรียงไกรของ นโปเลียนเริ่มละทิ้งระเบียบและแตกแถวออกอาหารเพื่อประทังชีพ สภาพภูมิอากาศของรัสเซียก็แปรปรวนเสียเหลือเกินไม่ว่าจะ ฝนตก แดด ออก พายุโหมกระหน่ำทำให้เกิด โคลนเลนลำบากยิ่งต่อการเคลื่อนทัพ ในช่วงต้นสงครามม้าของกองทัพนโปเลียนตายไปอาทิตย์ล่ะ 10,000 ตัว จากฝนฟ้าคะนองกระหน่ำ!!! ทหารของนโปเลียนก็เริ่มป่วยกันเป็นจำนวนมาก แม้นโปเลียนจะทราบดีว่า ทหารของเขาสามารถปรับตัวให้อยู่ได้ในหลายๆสถานที่ทั้ง กลางทะเลทราย ทิวเขาแอลป์ กลางหิมะในปรัสเซีย แต่ สำหรับที่นีแล้ว "มันไม่มีอะไรเลย"
ทาง ต๊อลลี่ นั้นถอยไปเรื่อยในขณะที่ นโปเลียนรุกเข้าหาแต่ก็กระทำได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น ทหารม้าเบาฝรั่งเศสที่ปกติจะเป็นหูเป็นตาให้กับ นโปเลียนก็ถูกสกัดโดยทหารม้า คอสแส๊ค ตลอดเวลา ทำให้ นโปเลียนต้องเพิ่มทหารราบเบาช่วยสนับสนุนทหารม้าเบาในการลาดตระเวณเพื่อให้พวกเขาสามารถต่อกรกับ คอสแส๊ค ได้แต่นั้นก็ทำให้การลาดตระเวณของนโปเลียนย่ำแย่ลงอีกซ้ำราย ผู้บัญชาการหลายคนของนโปเลียนก็มีปัญหา ทั้งน้องชายของนโปเลียน พระเจ้า เจอโรมที่ 1 ก็เกิดมีปัญหาแล้วขอกลับอาณาจักรตัวเอง... หรือ จอมพล ดาวูต์ ไร้พ่าย (Marshal Davout) ก็ไปมีปัญหากับ เสนาธิการ จอมพล เบธิเยอร์ (Marshal Louis-Alexandre Berthier) กับ กษัตริย์เนเปิ้ล พระเจ้า ฌออากีมที่ 1 หรือ ฌออากีม มูร่าต์ (Joachim Murat)… หลังการรุกมากว่า 5 สัปดาห์ติดโดยที่กองทัพฝรั่งเศสยังไม่ได้รบกับ กองทัพรัสเซียแบบจริงจังๆเลย กองทัพหลักของนโปเลียนกว่า 400,000 นาย เหลือทหารที่อยู่ในสภาพพร้อมรบแค่ 200,000 เท่านั้น!! ที่เหลือ ตาย ป่วย และ ถูกส่งไปรักษาการณ์เมืองที่ยึดได้ ในตอนนี้กองทัพนโปเลียนคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงหวังดักทลายกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ใน สโมเลนด์!! แต่ก็พลาดอีกเมื่อ ต๊อลลี่ยกทัพถอยออกมาได้อย่างหวุดหวิด สุดท้ายนโปเลียนได้รับชัยชนะแต่ต้องแลกกับทหาร 10,000 นาย ส่วนฝั่งรัสเซีย 14,000 นาย แต่ชัยชนะนี้ก็เป็นอีกครั้งที่สูญเปล่าเพราะรัสเซียเล่นเผาทำลายเมือง และยุทธปัจจัยที่มีค่าทั้งหมดก่อนจาก... ในตอนนี้ กองทัพนโปเลียนรุกจนมาสุดสายป่านแล้วแต่ยังทำอะไรกองทัพรัสเซียไม่ได้เลย
จอมพล ดาวูต์ "จอมพลเหล็ก"
พระเจ้า ฌออากีมที่ 1 กษัตริย์แห่งเนเปิ้ลส์ นายทหารม้าผู้ฉกาจฉกรรจ์แห่งยุโรป
จอมพล เบธิเยอร์ "เสนาธิการของนโปเลียน"
พระเจ้า เจอโรมที่ 1 แห่ง เวสต์ฟาเลีย น้องชายของนโปเลียน
แต่นโยบายถอยอย่างต่อเนื่องของ ต๊อลลี่ สร้างความไม่พอใจให้กับนายทหารรัสเซียหลายคนแม้กระทั่งพระเจ้าซาร์เอง ขวัญกองทัพรัสเซียกำลังถดถอยเช่นกันเนื่องจากการถอยไม่มีที่สิ้นสุดไม่ยอมสู้เสียที สุดท้ายคณะนายทหารรัสเซียและพระเจ้าซาร์จึงปลดชาวสก๊อตอย่าง ต๊อลลี่ ออกและแทนที่ด้วย จอมพลเฒ่า มิคาฮิล คูตูซอฟ (Mikhail Kutuzov) แทน คูตูซอฟ มองว่าการใช้แผนยุทธศาสตร์เผาและถางเป็นวิธีที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ในตอนนี้รัสเซียควรจะสู้เพื่อเรียกขวัญกำลังใจทหารกลับมา คูตูซอฟถอยมาที่ หมู่บ้านที่มีชื่อว่า โบโรดิโน่ (Borodino) ทางตะวันตกเฉียงใต้ห่างจาก มอสโก 125 กิโลเมตร และเตรียมการรบแบบตั้งรับ ในขณะที่ นโปเลียนยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์อะไรเลยในการทำสงครามและยังขาดคลานเสบียงยุทธปัจจัยต่างๆอีกทำให้เขาตัดสินใจเสี่ยงรุกต่อไปหมายทำลายกองทัพรัสเซียให้พินาศเพื่อที่จะได้จบสงคราม!!!!
"Battle of Borodino" อภิมหาสมรภูมิสนามเพลาะ
ตรงกลางจะบัญชาการโดยนโปเลียนเอง มีทหารราบและม้ากว่า 400,000 นาย
ส่วนกองกำลังระวังภาคใต้มีน้องชายของนโปเลียน พระเจ้า เจอโรมที่ 1 แห่ง เวสต์ฟาเลีย (King Jérôme I of Westphalia) บัญชาการทัพราวๆ 80,000 นาย พร้อมด้วยกองกำลังช่วยเหลือจากออสเตรียอีก 34,000 นาย และยังมีกองหนุนในโปแลนด์และเยอรมันราวๆ 90,000 นายรอหนุนเข้าไปช่วย
จุดประสงค์ของนโปเลียนในการรุกรานรัสเซียของนโปเลียนนั้นคือ บีบบังคับให้รัสเซียยอมกลับเข้า ระบบภาคพื้นทวีปอีกครั้ง เขาต้องการเผด็จศึกอย่างรวดเร็วและทำลายกองทัพรัสเซียให้ย่อยยับในเวลาอันสั้นอย่างที่ผ่านๆมา นโปเลียนคิดว่าเขาจะไม่รุกไปกว่าเมือง สโมเลนค์ (Smolensk) ซึ่งห่างจาก มอสโก ราวๆ 370 กิโลเมตร ถ้าสมมุติรัสเซียเกิดยังดื้อดึงจะทำสงครามต่อ นโปเลียนใช้ บริเวณ สโมเลนค์ และ มินส์ เป็นฐานและเตรียมการรุกต่อไปในฤดูใบไม้ผลิ
ทางฝากฝั่งรัสเซียนั้นคาดคิดว่าพวกเขาจะระดมทหารได้กว่า 600,000 นายเพื่อหยุดยั้ง นโปเลียน แต่ตัวเลขนี้เป็นได้เพียงแค่ในกระดาษเพราะรัสเซียสามารถระดมทหารได้ 480,000 นาย เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่เป็นกองหนุนหรือพวก Militia ผิดกับกองทัพ นโปเลียนที่เป็นทหารอาชีพและมีประสบการณ์รบโชกโชน มีเพียงทหารม้า คอสแส๊คราวๆ 80,000 นายที่ถือว่าเป็นกองกำลังนอกประจำการที่น่าเกรงขามของรัสเซีย นอกจากนี้รัสเซียยังต้องแบ่งกองทัพไปรบ กับเปอร์เซีย และ เติร์ก ทำให้กองทัพประจำการที่ใช้รับมือนโปเลียนจริงๆมีเพียง 175,000 นาย โดยฝั่งรัสเซียมีผู้บัญชาการสูงสุดคือท่านจอมพลชาวสก๊อต บาเคลย์ เดอ ต๊อลลี่ ( Mikhail Bogdanovich Barclay de Tolly) โดยกองทัพรัสเซียจะแบ่งเป็น 3 กองทัพใหญ่ๆ
กองทัพภาคตะวันตกที่ 1 บัญชาการโดยตัว ต๊อลลี่ เอง มีทหารทั้งสิ้น ราวๆ 100,000 นาย
กองทัพภาคตะวันตกที่ 2 บัญชาการโดย จอมพล เพรตอยต์ บราติกอน (Pyotr Bagration) กำลังพลทั้งสิ้นราวๆ 33,000 นาย
กองทัพภาคตะวันตกที่ 3 บัญชาการโดย นายพล อเล็กซานเดอร์ โทมาซอฟ (Alexander Petrovich Tormasov) กำลังพลราวๆ 38,000 นาย
ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าขนาดนี้กอปรกับการแนะนำจากท่านนายพล คาร์ล ลุดวิก วอน พูล (Karl Ludwig von Phull) ว่าด้วยการใช้แผนยุทธศาสตร์เผาและถางหรือ Scorched Earth ทำให้ทุกๆที่ที่ฝรั่งเศสเคลื่อนทัพไปเต็มไปด้วยความรกร้าง ว่างเปล่า ไร้ปัจจัยทุกอย่างในการดำเนินชีวิต ซึ่ง ต๊อลลี่ ก็ตกลงใช้แผนการณ์นี้!! แม้จะขัดใจกับ นายทหารรัสเซียส่วนใหญ่ก็ตาม!!! และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เมื่อกองทัพ นโปเลียนที่มีจำนวนมากเดินทัพมาพบแต่ความว่างเปล่า ทหารม้าเบาลาดตระเวณจะกลับมารายงานด้วยถ้อยคำเดิมๆว่า "ดินแดนข้างหน้าก็ว่างเปล่าไร้ผู้คนเช่นเคย" กองอันเกรียงไกรของ นโปเลียนเริ่มละทิ้งระเบียบและแตกแถวออกอาหารเพื่อประทังชีพ สภาพภูมิอากาศของรัสเซียก็แปรปรวนเสียเหลือเกินไม่ว่าจะ ฝนตก แดด ออก พายุโหมกระหน่ำทำให้เกิด โคลนเลนลำบากยิ่งต่อการเคลื่อนทัพ ในช่วงต้นสงครามม้าของกองทัพนโปเลียนตายไปอาทิตย์ล่ะ 10,000 ตัว จากฝนฟ้าคะนองกระหน่ำ!!! ทหารของนโปเลียนก็เริ่มป่วยกันเป็นจำนวนมาก แม้นโปเลียนจะทราบดีว่า ทหารของเขาสามารถปรับตัวให้อยู่ได้ในหลายๆสถานที่ทั้ง กลางทะเลทราย ทิวเขาแอลป์ กลางหิมะในปรัสเซีย แต่ สำหรับที่นีแล้ว "มันไม่มีอะไรเลย"
ทาง ต๊อลลี่ นั้นถอยไปเรื่อยในขณะที่ นโปเลียนรุกเข้าหาแต่ก็กระทำได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น ทหารม้าเบาฝรั่งเศสที่ปกติจะเป็นหูเป็นตาให้กับ นโปเลียนก็ถูกสกัดโดยทหารม้า คอสแส๊ค ตลอดเวลา ทำให้ นโปเลียนต้องเพิ่มทหารราบเบาช่วยสนับสนุนทหารม้าเบาในการลาดตระเวณเพื่อให้พวกเขาสามารถต่อกรกับ คอสแส๊ค ได้แต่นั้นก็ทำให้การลาดตระเวณของนโปเลียนย่ำแย่ลงอีกซ้ำราย ผู้บัญชาการหลายคนของนโปเลียนก็มีปัญหา ทั้งน้องชายของนโปเลียน พระเจ้า เจอโรมที่ 1 ก็เกิดมีปัญหาแล้วขอกลับอาณาจักรตัวเอง... หรือ จอมพล ดาวูต์ ไร้พ่าย (Marshal Davout) ก็ไปมีปัญหากับ เสนาธิการ จอมพล เบธิเยอร์ (Marshal Louis-Alexandre Berthier) กับ กษัตริย์เนเปิ้ล พระเจ้า ฌออากีมที่ 1 หรือ ฌออากีม มูร่าต์ (Joachim Murat)… หลังการรุกมากว่า 5 สัปดาห์ติดโดยที่กองทัพฝรั่งเศสยังไม่ได้รบกับ กองทัพรัสเซียแบบจริงจังๆเลย กองทัพหลักของนโปเลียนกว่า 400,000 นาย เหลือทหารที่อยู่ในสภาพพร้อมรบแค่ 200,000 เท่านั้น!! ที่เหลือ ตาย ป่วย และ ถูกส่งไปรักษาการณ์เมืองที่ยึดได้ ในตอนนี้กองทัพนโปเลียนคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงหวังดักทลายกองทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ใน สโมเลนด์!! แต่ก็พลาดอีกเมื่อ ต๊อลลี่ยกทัพถอยออกมาได้อย่างหวุดหวิด สุดท้ายนโปเลียนได้รับชัยชนะแต่ต้องแลกกับทหาร 10,000 นาย ส่วนฝั่งรัสเซีย 14,000 นาย แต่ชัยชนะนี้ก็เป็นอีกครั้งที่สูญเปล่าเพราะรัสเซียเล่นเผาทำลายเมือง และยุทธปัจจัยที่มีค่าทั้งหมดก่อนจาก... ในตอนนี้ กองทัพนโปเลียนรุกจนมาสุดสายป่านแล้วแต่ยังทำอะไรกองทัพรัสเซียไม่ได้เลย
พระเจ้า เจอโรมที่ 1 แห่ง เวสต์ฟาเลีย น้องชายของนโปเลียน
แต่นโยบายถอยอย่างต่อเนื่องของ ต๊อลลี่ สร้างความไม่พอใจให้กับนายทหารรัสเซียหลายคนแม้กระทั่งพระเจ้าซาร์เอง ขวัญกองทัพรัสเซียกำลังถดถอยเช่นกันเนื่องจากการถอยไม่มีที่สิ้นสุดไม่ยอมสู้เสียที สุดท้ายคณะนายทหารรัสเซียและพระเจ้าซาร์จึงปลดชาวสก๊อตอย่าง ต๊อลลี่ ออกและแทนที่ด้วย จอมพลเฒ่า มิคาฮิล คูตูซอฟ (Mikhail Kutuzov) แทน คูตูซอฟ มองว่าการใช้แผนยุทธศาสตร์เผาและถางเป็นวิธีที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ในตอนนี้รัสเซียควรจะสู้เพื่อเรียกขวัญกำลังใจทหารกลับมา คูตูซอฟถอยมาที่ หมู่บ้านที่มีชื่อว่า โบโรดิโน่ (Borodino) ทางตะวันตกเฉียงใต้ห่างจาก มอสโก 125 กิโลเมตร และเตรียมการรบแบบตั้งรับ ในขณะที่ นโปเลียนยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์อะไรเลยในการทำสงครามและยังขาดคลานเสบียงยุทธปัจจัยต่างๆอีกทำให้เขาตัดสินใจเสี่ยงรุกต่อไปหมายทำลายกองทัพรัสเซียให้พินาศเพื่อที่จะได้จบสงคราม!!!!