สวัสดีค่ะ เราเป็นเยาวชนคนหนึ่งที่เคยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เราไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ค่ะพอเราเกิดมาเค้าก็เลิกกันแล้ว ตอนนี้เราอยู่กับลุงกับป้าค่ะ ตอนที่เกิดอาการครั้งแรกเราก็ไม่รู้ค่ะมารู้ตอนที่เป็นหนักแล้ว ตอนที่เกิดอาการครั้งแรกคือแม่เราแต่งงานใหม่ค่ะ เลยแยกไปอยู่กับแฟนใหม่แม่ เราก็เลยอยู่กับป้า แต่จริงๆแล้วเค้าให้เราเลือกค่ะว่าจะอยู่กับใครเราเลือกอยู่กับป้าเพราะป้าค่อนข้างที่จะมีฐานะ เลยน่าจะดูแลเราดีกว่าอีกอย่างไม่อยากอยู่กับแฟนใหม่แม่ด้วย อาการของเราก็จะแบบ ไม่อยากทำอะไรเลย จากสิ่งที่ชอบมันมากกลับไม่อยากทำ อยากอยู่เฉยๆ เราไม่ใช่คนเรียนเก่งมาก แต่เราก็มีความสามารถในหลายๆด้านจึงทำให้เราเข้ามาอยู่ในห้องที่มีแต่เด็กๆเก่งได้(โรงเรียนจัดห้องโดยให้เกรดค่ะ) นั่นก็หมายความว่าเราต้องเครียดหนักกว่าเดิมอีกหลังจากนั้นก็ผ่านมันมาได้ แต่โดนกดดัดเยอะมากเพราะถ้าทำเกรดไม่ดีหรือเกรดตกป้าก็จะบ่นและซ้ำเติมว่าทำไม่ดีแล้วก็จะเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกเพื่อนเค้า ซึ่งมันก็ทำให้เราไม่มีกำลังใจ แต่ก็อดทนค่ะ ผ่าานมาได้ซักพักช่วงนั้นเริ่มคิดว่าไม่อยากอยู่แล้วค่ะ ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น เหนื่อยมากค่ะ โดนบ่นโดนด่าทุกวัน แต่เราก็ไม่ตอบโต้ มันเจ็บมากค่ะที่รู้ว่าไม่มีใครอยากอยู่กับเราทุกคนทิ้งเราไปหมด แม่ พ่อ รวมถึงตอนนี้ป้าแล้วก็ญาติก็เริ่มไม่สนใจ เราจะมีความรู้สึกดิ่งทุกครั้งที่เค้าบ่นหรือดูถูก แต่ก็จะระบายความเจ็บปวดนั้นด้วยการทำร้ายตังเอง นี่ไม่ใช่นิยายค่ะ มันคือเรื่องจริงถ้าใครที่เคยเป็นจะเข้าใจค่ะ พอช่วงปิดเทอมเราไม่อยากอยู่บ้านค่ะเราเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนไม่ทันโลกเราไม่ได้โง่ค่ะรู้ว่าอะไรดีไม่ดี เราจึงขอป้าไปอยู่กับพ่อช่วงปิดเทอมที่กรุงเทพป้าเคยซื้อคอนโดไว้ค่ะ สมัยก็ก่อนช่วงนั้นมันถูกเพราะซื้อให้พี่ เราเลยไปอยู่ที่นั่นทำงานเก็บเงินค่ะ โดยป้าไม่ต้องส่งเงินมาให้ พ่อก็มาดูแลบ้างแต่เราก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะพ่อก็งานยุ่งอยู่แล้ว มีความรู้สึกดิ่งบ้างค่ะกลับมาทบทวนตัวเอง ตอนนั้นก็อยากปรึกษาคุณหมอมาก ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ แค่เครียดหรือเป็นอะไร จนในที่สุดตัดสินใจไปพบคุณหมอค่ะโรงเรียนเราปิดเทอมประมาณสองเดือนค่ะ (นานพอสมควรเลยค่ะ)ทำให้เราได้เปลี่ยนแนวคิด อยู่กับตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้นทำให้เรารู้สึกว่า ความรู้สึกเก่าที่เคยมีมันก็หายไป ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่คิดว่าอยากตาย แต่ก็ไม่หายสนิทที่เดียว หมอบอกว่าโอกาสที่มันจะกลับมาก็มีค่ะแต่ถ้าเราไม่คิดทำทุกอย่างเพื่อให้ลืมมันไม่สนใจก็จะหาย ส่วนตัวเราชอบวาดรู้ค่ะ เราจะวาดไปเรื่อยๆมันทำให้เราจดจ่อกับสิ่งนั้นๆอย่างเดียว พยายามทำให้ยุ่งอ่านหนังสือบ้าง จนกระทั่งปัจจุบันเปิดเทอมแล้วค่ะ วันแรกที่รู้ว่าเราได้ก้าวเข้ามาอีกห้องเรียนหนึ่งเปลี่ยนสังคมคือห้องเรียนที่ใครๆก็ยอมรับว่ามันเรียนหนักจริงๆครั้งแรกป้าดีใจค่ะ แต่เค้าก็สงสัยว่าทำไมถึงได้ขึ้นมาอยู่ห้องนี้ นั่นแหละค่ะไม่มีกำลังใจให้เราไปต่อ ตอนนี้เครียดมากๆค่ะ เริ่มทำคะแนนเก็บไม่ดี แทบจะไม่มีเวลาพักค่ะ งานบ้านก็ต้องทำทั้งบ้าน ป้ามีหน้าที่แค่ทำกับข้าวค่ะ ลุงก็ทำงานทั้งวัน ส่วนเรารับผิดชอบหลายอย่าง ของหายก็จะบ่นเรา ใส่อารมณ์แต่สุดท้ายเค้าก็คือคนเก็บค่ะ ใช่ค่ะเรามาอาศัยเค้าอยูก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ ญาติเราที่เคยมาอยู่ตอนนี้ก็อยู่ไม่ได้ค่ะ เหลือแค่เราที่ต้องทนเพราะเราไม่เหลือใครแล้ว แต่บางทีหนักไปจริงๆค่ะ งานก็เยอะแทบจะไม่ได้นอน ความสะอาดบ้านต้องทำทุกวันค่ะ กว่าจะนอนก็ตี1ตี2งานเยอะมากค่ะตื่นตี5.30ทุดวันเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันรถประจำ ป้าไม่เคยทำข้าวเช้าค่ะ ต้องกินที่โรงเรียนค่าขนมไม่เคยพอค่ะ ได้อาทิตย์ละ300ร้อย(วันละ60)บริหารเงินเองข้าวที่โรงเรียนจานละ20น้ำอีกแต่ก็ตัดปัญหาเอาน้ำไปเองค่ะ แต่ก็ยังมีค่าเอกสาร ชีท กระดาษ ไม่พอหรอกค่ะ เราเคยขอเพิ่มแต่เค้าบอกว่าลูกของเพื่อนเค้าก็อยู่ได้ แต่หารู้ไม่ว่าลูกของเพื่อนเค้ามีเงินเก็บเยอะแค่ไปป้อนยาให้คุณยายก็ได้เดือนละพันแล้ว แต่เราไม่มีอะไรเลย เงินที่เคยเก็บก็ไม่มีเหลือแล้ว พอตกเย็นมาเราเข้าห้องป้าก็จะบอกว่าอยู่แต่ในห้อง ซึ่งเราอยากนอนมากค่ะโรงเรียนเราต้องเดินเรียน แล้วโรงเรียนไม่ใช่เล็กๆ บางวันเดินจากตึกที่อยู่หน้าโรงเรียนไปตึกหลังโรงเรียนแล้วก็มาหน้าแล้วไปหลัง มันเหนื่อยค่ะเวลานอนต่อวันก็น้อย ถ้าจะบอกให้เราตื่นสายในวันเสาร์อาทิตย์ล่ะก็ได้แค่ฝันค่ะ เพราะต้องตื่นมาทำความสะอาดบ้านทำนู่นทำนี่ ต้องตื่นตอน6โมงค่ะถ้าไม่ตื่นป้าจะลดค่าขนมต้องจำใจตื่นค่ะเพราะแค่นี้ก็ไม่พอแล้ว จนความรู้สึกที่มันหายไปนานก็เริ่มกลับมาอยากอยู่ในที่มืด ไม่อยากทำอะไร เบื่อทุกอย่าง จนตอนนี้กลัวค่ะ กลัวว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลัวว่าจะเจ็บปวดแบบเดิม เราควรทำไงดีคะ
ขอปรึกษาเรื่องนี้หน่อยค่ะ เราไม่อยากกลับมาเป็นโรคนี้อีก