วงล้อแห่งชีวิต

วงล้อแห่งชีวิต
มนุษย์มีวงล้ออยู่สองวงทั้งภายนอกและภายในคือ วงล้อที่หมุนรอบตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเองและวงล้อที่หมุนออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน เมื่อเราสามารถหมุนวงล้อออกนอกตัวเองเพื่อเปลี่ยนเหตุและผลได้เราก็สามารถหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองเพื่อเปลี่ยนเหตุและผลได้เช่นกัน การหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองเพื่อเปลี่ยนเหตุและผลไม่ใช่การกล่าวโทษผู้อื่นและไม่ใช่การกล่าวโทษตัวเอง แต่คือการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเริ่มจากตัวเราและจบลงที่ตัวเราทั้งภายนอกและภายในโดยการนำเอาความคิดความรู้สึกและการกระทำของเราเองกลับมาคิดใหม่รู้สึกใหม่และทำใหม่เพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง การหมุนวงล้ออยู่ในวัฏจักรของตัวเราเองจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่ประเมินค่ามิได้ เราคือผู้กำหนดความสุขและความทุกข์ของเราเองได้ การหมุนวงล้ออยู่ในวัฏจักรของกันและกันจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่ประเมินค่ามิได้ความสุขและความทุกข์ของเราขึ้นอยู่กับผู้คนและสิ่งที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย เมื่อเราอยู่ในวงล้อใดเราก็จะได้รับผลจากการหมุนของวงล้อนั้น ถ้าเราไม่พอใจผลจากการหมุนของวงล้อใดเราจะต้องเปลี่ยนวงล้อและการหมุนด้วยตัวของเราเอง
มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความไม่สมดุลย์ในความสมดุลย์ เราสร้างปัญหาก็เพราะเราต้องการแก้ไขปัญหาฉะนั้นปัญหาจึงไม่ใช่ปัญหา เราดึงดูดกันและกันเพื่อสร้างและรักษาซึ่งกันและกัน คลื่นความถี่ที่เท่ากันจะดึงดูดเข้าหากัน ความหมายของคำว่าคลื่นความถี่ที่เท่ากันไม่ได้หมายความว่าเป็นคนดีเหมือนกันหรือเป็นคนชั่วเหมือนกันเท่านั้น แต่ยังหมายถึงพลังงานบวกและพลังงานลบที่มีความต้องการที่เหมือนกันหรือไปในทิศทางเดียวกันและสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น คนนึงกำลังต้องการความช่วยเหลืออีกคนหนึ่งมีสิ่งที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ คนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจะสร้างปัญหาให้คนที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ นี่คือธรรมชาติของการขอความช่วยเหลือและการให้ความช่วยเหลือของคนที่มีความเข้มแข็ง(พลังงานบวก)และคนที่มีความอ่อนแอ(พลังงานลบ) การได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นอาจทำให้เดินออกจากปัญหาภายนอกได้ แต่ไม่สามารถทำให้เราเดินออกจากปัญหาภายในของเราได้ปัญหาภายในคือสิ่งที่ไม่มีใครสามารถช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง
*เรากล่าวโทษกล่าวหาผู้อื่น ผู้อื่นกล่าวหากล่าวโทษเรา ต่างคนต่างกล่าวหากล่าวโทษซึ่งกันและกันวนเป็นวงกลมไปมาเพราะเราก็คือวัฏจักรของกันและกัน เมื่อเรากล่าวโทษผู้อื่นเราจะไม่หันกลับมามองพฤติกรรมของตัวเอง เมื่อเราไม่หันกลับมามองพฤติกรรมของตัวเองเราก็จะมองไม่เห็นความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง เมื่อเรามองไม่เห็นความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองเราก็มองเห็นแต่การกระทำของผู้อื่นเมื่อเรามองเห็นการกระทำของผู้อื่นเราก็โทษผู้อื่น ทั้งหมดนี้คือเหตุและผลที่มาจากการอยู่ในวัฏจักรของกันและกัน การกล่าวโทษผู้อื่นคือการหมุนวงล้อของความคิดความรู้สึกและการกระทำออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่น ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินต่อไปได้จะต้องมีทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารทุกคนจึงมีส่วนที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบในส่วนของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่